ตอนที่ 1490

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ปัง! ปัง! ปัง!

หลังจากพุ่งกระแทกหลายร้อยครั้ง เทียนเซี่ยตี้เอ้อที่มีสายเลือดของหมีกระดูกเหล็กกล้าก็เริ่มโซเซ

เขากัดฟันด้วยใบหน้าบูดบึ้งเ ทั่วร่างกายของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

รุ่นเยาว์ตรงหน้าเป็นมนุษย์จริงๆรึ?

ต่อให้เป็นทายาทของมังกรแท้จริงก็ยังไม่แข็งแกร่งเช่นนี้!

เทียนเซี่ยตี้เอ้อรู้ว่าในลำดับของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์นั้น ถึงแม้มังกรแท้จริงจะอยู่เหนือกว่าหมีกระดูกเหล็กกล้า แต่หากเป็นในด้านของกายหยาบที่ทรงพลัง หมีกระดูกเหล็กกล้าเหนือกว่ามังกรแท้จริงแน่นอน

เมื่อมองไปยังหลิงฮันที่ดูราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อยทำให้เขารันทดจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา

“เจ้ายังจะต่อไหม?” หลิงฮันกล่าวอย่างมั่นใจ กายหยายของเขาในตอนนี้ใกล้เคียงกับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบห้า แม้แต่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลสาหัสให้แก่เขา

เทียนเซี่ยตี้เอ้ออยากจะกล่าวไปว่าไม่เอาแล้ว แต่การที่ชื่อของเขาหมายถึงอันดับสองและมีบรรพบุรุษเป็นอันดับหนึ่ง เขาจะยอมให้ใครอื่นมาอยู่เหนือว่าในด้านของกายหยาบได้อย่างไร?

“มาต่อ!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

หลิงฮันจ้องมองไปยังอีกฝ่ายก่อนจะยิ้ม “พวกเราประลองกันด้วยวิธีอื่นก็ได้”

“ไม่ พวกเราจะตัดสินกันด้วยวิธีนี้!” เทียนเซี่ยตี้เอ้อมีสีหน้าบูดบึ้งและกล่าวต่อ “หรือว่าเจ้ากลัว!”

หลิงฮันยิ้ม “เช่นนั้นก็มา!”

บัดซบ!

เทียนเซี่ยตี้เอ้ออยากจะตบหน้าตัวเอง เห็นได้ชัดว่าหลิงฮันมอบโอกาสกู้หน้าให้เขาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับดื้อรั้น

ตูม ตูม ตูม! หลิงฮันเริ่มพุ่งทะยานเข้าหาเขา

เทียนเซี่ยตี้เอ้อสั่นสะท้าน เขาปิดตาและพุ่งตอบโต้หลิงฮัน

ปัง!

เสียงกระแทกดังก้องพร้อมกับร่างของทั้งสองกระเด็นออกจากกัน

หลิงฮันตั้งหลักและพุ่งทะยานอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

เทียนเซี่ยตี้เอ้ออยากจะร้องไห้ โดยปกติแล้วรูปแบบการต่อสู้ของเขาคือการทำให้คู่ต่อสู้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับด้วยกายหยาบ แต่คราวนี้เขาพบว่าเป็นตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายจะย่อยยับแทน

ปัง! ปัง! ปัง!

หลังจากกระแทกใส่กันหลายสิบครั้ง จู่ๆหลิงฮันก็พบว่าเทียนเซี่ยตี้เอ้อทำการเบี่ยงหลบตัวไปทางซ้ายทำให้ร่างของพวกกระแทกไม่โดนกัน

“พอแล้วรึ?” หลิงฮันยิ้ม

เทียนเซี่ยตี้เอ้อยังคงปากแข็ง “ข้าแค่สะดุดขาตัวเอง”

“งั้นก็ดี!” หลิงฮันพยักหน้า เขาไม่พูดอะไรมากและพุ่งกระแทกต่อ

เทียนเซี่ยตี้เอ้อเองก็พุ่งเข้าใส่หลิงฮัน แต่ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะปะทะกันจู่ๆเขาก็เบี่ยงหลบอีกครั้ง

“สะดุดขาอีกหลิง?” หลิงฮันหยุดร่างและหันมอง

“เมื่อครู่แสงแดดมันแยงตาข้าเลยเผลอหลบ” เทียนเซี่ยตี้เอ้อหาข้อแก้ตัวใหม่

งั้นก็มาอีกครั้ง!

“เชือกรองเท้าข้าหลวม”

“จู่ๆก็คอแห้ง ข้าอยากกินน้ำ”

“แสงจันทร์กำลังส่องลงมาอย่างสวยงาม ข้าอยากหยุดดู”

“……”

เทียนเซี่ยตี้เอ้อหาข้ออ้างต่างๆนาๆ เขาไม่ปะทะกับหลิงฮันแต่ก็ปฏิเสธว่าตนเองด้อยกว่า

ผู้คนที่อยู่ด้านนอกหัวเราะชอบใจ ใครจะไปคาดคิดว่าราชาระดับแนวหน้าจะหน้าด้านเช่นนี้?

หลิงฮันกลายเป็นไร้คำพูด แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่ามองคนเพียงภายนอก ถึงแม้เทียนเซี่ยตี้เอ้อจะมีรูปลักษณ์โหดเหี้ยมแต่วิธีการต่อสู้ของเขาก็ตรงไปตรงมา

การปะทะกันด้วยวิธีนี้ด้วยวิธีที่เทียนเซี่ยตี้เอ้อเลือกเองดังนั้นหลิงฮันจึงมอบโอกาสให้แก่อีกฝ่าย

เขาโคจรย่างก้าวไล่ตามดาราและพุ่งทะยานอีกครั้ง

เทียนเซี่ยตี้เอ้อยังคงเบี่ยงหลบเช่นเดิม แต่ครั้งหลิงฮันร่างของหลิงฮันได้เบี่ยงตามไปหาเขาด้วยจนสุดท้ายร่างของทั้งสองก็ปะทะเข้าใส่กัน

ปัง!

ร่างของพวกเขาถูกส่งลอยกระเด็นหลายสิบฟุตด้วยแรงกระแทก

กล้ามเนื้อทั่วร่างของเทียนเซี่ยตี้เอ้อสั่นสะท้าน เขาสัมผัสได้ว่ากระดูกในร่างเกิดการแตกหักไปหลายส่วน กล้ามเนื้อเองก็บอบช้ำสาหัส

“จะ เจ้ากระแทกให้โดนทำไม?” เขากล่าว

เมื่อได้ยินเทียนเซี่ยตี้เอ้อกล่าวราวกับตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ ผู้คนด้านนอกก็ขำไม่หยุด

หลิงฮันยิ้ม “ข้าสะดุดขาตัวเอง” เขาอ้างข้อแก้ตัวแบบเดียวกัน

มาอีกครั้ง!

ปัง!

“เจ้าสะดุดขาตัวเองอีกแล้ว?”

“แสงแดดแยงตา”

ปัง!

“แล้วครั้งนี้ล่ะ?”

“เชือกรองเท้าหลวม”

“……”

พวกเขากระแทกใส่กันหลายสิบครั้งซึ่งหลิงฮันก็กล่าวข้ออ้างเดียวกันกับเทียนเซี่ยตี้เอ้อกลับไปซึ่งทำให้เทียนเซี่ยตี้เอ้อแทบจะกลายเป็นบ้า

“ข้ายอมแพ้!” ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกการปะทะ

หลิงฮันยิ้ม คิดจะวัดกับเขาด้วยกายหยาบนั้นช่างมีตาหามีแววไม่

“ไว้มีโอกาสพวกเรามาปะทะกันใหม่!” เทียนเซี่ยตี้เอ้อกล่าวและจากไปอย่างรวดเร็ว

หลิงฮันส่ายหัวก่อนจะออกจากลานประลองและมองไปยังการต่อสู้ของคู่อื่น

การที่แต่ละคนสามารถเข้ารอบถึงสิบหกคนสุดท้ายได้ย่อมหมายถึงพวกเขาเป็นราชาในหมู่ราชา เทียนเซี่ยตี้เอ้อกับหลิงฮันนั้นเลือกตัดสินกันด้วยวิธีปะทะซึ่งๆหน้า การประลองของพวกเขาจึงจบเร็วเป็นคู่แรกในขณะที่คู่ๆอื่นๆยังคงสู้กันอย่างดุเดือด

หลิงฮันมองไปยังจักรพรรดินีเป็นคนแรก คู่ต่อสู้ของนางไม่ใช่ราชาระดับสามแต่เป็นราชาระดับสองที่ถือครองอุปกรณ์กึ่งเซียน แม้จักรพรรดินีจะบรรลุระดับวารีนิรันดร์แล้วก็ไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเท่าไหร่นัก

เพราะอย่างไรหลังจากที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับพลังใหม่ ความแตกต่างของราชาระดับสามกับสองนั้นแทบจะหายไปจนไม่มี แถมด้วยความช่วยเหลือจากอุปกรณ์กึ่งเซียนจึงเพียงพอที่อีกฝ่ายจะสามารถมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับจักรพรรดินี

แต่จะอย่างไรจักรพรรดินีก็มีหินต้นกำเนิดสวรรค์ แม้มันจะดูไม่น่ายำเกรงแต่ด้วยเสน่ห์ของจักรพรรดินีเพียงแค่กวัดแกว่งก้อนหินก็สามารถทำให้ผู้คนรอบข้างหลงใหล

ผู้ชมทุกคนให้กำลังใจนางอย่างเร่าร้อน บางคนถึงขนาดข่มขู่คู่ต่อสู้ของนางว่าหากไม่รีบยอมแพ้จะได้เห็นดีกัน

หลิงฮันยิ้ม จักรพรรดินีสามารถควบคุมสถานการณ์การต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์ แถมหินต้นกำเนิดสวรรค์ก็ไร้เทียมทาน การประลองครั้งนี้นางต้องเป็นผู้ชนะได้แน่นอน

เขามองต่อไปยังจักรพรรดิพิรุณ ช่างโชคร้ายที่คู่ต่อสู้ของพี่สองคือซื่อเฉินเฟิงราชาระดับแนวหน้า จักรพรรดิพิรุณคงไม่อาจหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้แต่ก็สามารถยื้อเอาไว้ได้ช่วงเวลาหนึ่ง

เซียนหวู่เซียงยิ่งโชคร้ายกว่าที่ต้องพบเจอกับกู่ต้าวอี้

แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอับดายที่พ่ายแพ้ ถึงเซียนหวู่เซียงจะเคยเป็นเซียนมาก่อนแต่ก็เป็นเพียงเซียนระดับต้นเท่านั้น ในขณะเดียวกัน กู่ต้าวอี้นั้นเคยเป็นถึงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ยิ่งมีแก่นกำเนิดนิรันดร์ด้วยแล้วการที่จะกำราบเซียนหวู่เซียงได้อย่างราบคาบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก