บทที่ 1222 เส้นทางแห่งจักรพรรดิสวรรค์

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

แสวงหาเต๋า

นี่คือบทสรุปของหวังเป่าเล่อในการไปเยี่ยมบิดาของหวังอีอีในแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ และเป็นความตั้งใจแต่แรกของเขาด้วย

ที่แน่ๆ ก็คือ ต้องยืมวิถีเต๋าบุปผากระจกเงาจันทร์ที่ตนตระหนักรู้ ไปร้องขอเต๋าจากเทพเคารพสูงสุดผู้นั้น

เพราะเส้นทางแห่งการฝึกตน เมื่อมาถึงระดับของเขาในตอนนี้แล้ว หนทางข้างหน้าใช่ว่าจะไม่มี แต่ไม่ว่าหวังเป่าเล่อจะประเมินเช่นไร ไม่ว่าจะไตร่ตรองเช่นไร การสัมผัสเชื่อมต่อล้วนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดเสมอ…

เส้นทางของโลกแห่งศิลา ไม่เหมาะกับเขาอีกต่อไป

จักรพิภพของเขาไม่เป็นเช่นผู้อื่น เช่นเดียวกับที่อู๋น้อยเคยกล่าวไว้ เต๋าของเขาสมบูรณ์แบบกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้…ทิศทางของเส้นทางในอนาคตจึงสำคัญเป็นพิเศษ แม้เต๋าแห่งอิสรภาพได้สลักเข้าไปในจิตวิญญาณของเขาแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพราะต้องการอิสระยิ่งขึ้น ดังนั้น เขาต้องยิ่งแข็งแกร่ง

ด้วยเหตุนี้ จึงจะกำหนดชะตาด้วยตัวเอง มิใช่ด้วยสวรรค์

ดังนั้น เขาจึงต้องไปแสวงหาเต๋า

และผู้ที่สามารถช่วยเขาในเรื่องนี้ได้ เมื่อมองไปทั่วโลกแห่งศิลา บางทีบรรพบุรุษตระกูลไม่รู้สิ้นอาจช่วยได้ แต่เห็นได้ชัดทั้งสองฝ่ายไม่อาจช่วยได้ บางทีศิษย์พี่เฉินชิงจื่ออาจช่วยได้เช่นกัน แต่ทั้งสองคนอยู่คนละเส้นทาง และเต๋าของศิษย์พี่คือเต๋าสวรรค์ คือเต๋าแห่งความมืด ราวท้องฟ้ามีเพียงคืนมืดสนิทและไม่สมบูรณ์แบบ

ส่วนท่านอาจารย์ปรมาจารย์แห่งไฟ เต๋าแห่งคำสาปได้มาถึงขั้นสูงสุดแล้ว บางทีหากไม่ใช่เต๋าของโลกแห่งศิลานี้ไม่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งสาเหตุอื่นทั้งหมด เกรงว่าด้วยพรสวรรค์ของท่านอาจารย์คงเลื่อนขึ้นระดับจักรวาลแล้ว

แต่ตอนนี้ เขามีเพียงจักรพิภพชั้นมหาวัฏจักร พริบตานั้นมีเพียงระเบิดคำสาปเพื่อเต๋าพิสูจน์ชะตา เขาจึงจะเป็นระดับจักรวาล

หลังจากคิดไปคิดมาแล้ว หวังเป่าเล่อจึงเลือกขอความช่วยเหลือจากบิดาอีอี ทั้งสองคนได้มีการนัดหมายในอดีตก่อนหน้านั้น จากนั้นเขาและอีอีก็มีชะตากรรมผูกพันกันมาหลายชาติ นี่เป็นหนทางเดียว จนกว่าสุดท้ายหวังอีอีจะฟื้นตัวในอนาคตนั่นคือผลลัพธ์

ในกระบวนการนี้ บิดาของหวังอีอี เทพเคารพสูงสุดนอกเขตผู้นั้นเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของตน

“บางทีหากข้าไม่ไปหาเขา อีกไม่นานท่านอาวุโสผู้นั้นก็คงมาหาข้าอยู่ดี…ด้วยเพราะในโลกแห่งศิลานี้ หากคิดจะเลื่อนขึ้นระดับจักรวาล…ต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงนัก” หวังเป่าเล่อพึมพำเสียงเบา ประโยคนี้ ไม่มีผู้ใดบอกเขา แม้แต่ปรมาจารย์แห่งไฟเองก็ยังงุนงง แม้กระทั่งผู้มีพลังต่อสู้ระดับจักรวาลเกรงว่าต่างก็คงไม่เข้าใจ

มีเพียงหวังเป่าเล่อ เพราะเต๋าของเขาสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเขาจึงสามารถสัมผัสได้อย่างเลือนราง

“น่าจะมีสามวิธี…”

“วิธีแรก คล้ายกับการขอความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ หลังจากขยายดาราจักรที่ตนเองอยู่ให้กว้างใหญ่ออกไปถึงระดับหนึ่ง จนถึงขีดจำกัดใดๆ รวบรวมโชควาสนา จะทำให้ตนเองสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับจักรวาล”

“ขอบเขตนี้ อย่างน้อยน่าจะเป็นหนึ่งเขตแดน สำหรับหลักการ…น่าจะเป็นที่มาเดียวกับเต๋าเปลวธูปของศิษย์พี่รอง”

“เช่นปรมาจารย์ของเต๋าเก้ารัฐ และมารเต๋าของเต๋าเจ็ดวิญญาณ…พวกเขาก็ใช้วิธีนี้เลื่อนขั้น เพียงแต่ว่ามารเต๋าสมบูรณ์แบบกว่าอย่างเห็นได้ชัด ภายในจักรพิภพสำนักเสริม แม้จะมีดีเลวปะปน แต่ต้องมีสิ่งแปลกประหลาดอยู่ภายใน ทำให้น้อยนักที่จะจัดเขาเป็นผู้มีโชคจักรพรรดิ ดังนั้นระดับจักรวาลของเขาจึงเลื่อนขึ้นได้อย่างราบรื่น”

“แต่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ที่นี่มีท่านอาจารย์ โดยเฉพาะเป็นสถานที่ที่เฉินชิงจื่อโลดแล่นมาหลายปี บางทีอาจมีสาเหตุอื่นอีก จึงนำไปสู่การที่ปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐรวบรวมโชคได้ไม่เพียงพอ สามารถบรรลุระดับจักรวาลภายในสำนักเขาเท่านั้น นี่ก็เป็น…สาเหตุการผุดขึ้นของข้า ทำให้เต๋าเก้ารัฐร้อนรนที่จะขัดขวางด้วยพลังเกือบทั้งหมดเช่นนี้”

“เกรงว่า การทะลวงผ่านของข้าจะทำให้ปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐผู้นั้น  ไม่อาจเลื่อนขั้นได้อีกไปโดยปริยาย ในสภาพตอนนี้ที่ถูกกระทบความแข็งแกร่งชั่วนิรันดร์”

“สำหรับท่านอาจารย์ บ้านเกิดของท่านได้สูญสิ้น  ราวฐานเต๋าถูกทลาย ดังนั้นก็เดินเส้นทางนี้ไม่รอด”

“แต่วิธีการทะลวงผ่านนี้ มีข้อเสียอันใหญ่หลวง ชีวิตถูกลิขิตไม่อาจออกจากโลกแห่งศิลาได้ หากหลีกหนี…ก็เท่ากับผลเต๋าที่เหี่ยวเฉา การฝึกตนจะตกลงแล้วตกลงอีก จนกว่าจะกลายเป็นคนธรรมดา เช่นเดียวกับถูกขังตาย”

“นอกเหนือจากนี้ วิธีที่สอง ยินยอมที่จะเป็นหุ่นเชิดของเต๋าสวรรค์ ยืมกฎเกณฑ์กฎเวทที่ไม่สิ้นสุดจากเต๋าสวรรค์ เพื่อเลื่อนขั้นระดับจักรวาล วิธีนี้ดูเหมือนจะง่ายดาย แต่จำนวนมีจำกัด…และหากกลายเป็นหุ่นเชิดเต๋าสวรรค์ ความเป็นตายตลอดจนดวงจิต ต่างมิได้เป็นของตนอีกต่อไป”

“จักรพรรดิสวรรค์หลายท่านของตระกูลไม่รู้สิ้น ก็คงเป็นดังนี้…หากสืบสาวถึงแก่นแท้ก็มีที่มาเดียวกับวิธีแรก เพียงแต่ว่าในการเตรียมโชคไว้ก่อน แล้วไปยืมพลังจากเต๋าสวรรค์ จะทำให้การเลื่อนขึ้นยิ่งราบรื่น และหลังจากพลังต่อสู้เลื่อนระดับแข็งแกร่งขึ้น กระทั่งเต๋าสวรรค์สามารถออกจากโลกแห่งศิลา พวกเขาก็สามารถออกไปด้วยวิธีนี้”

“สำหรับวิธีที่สาม…ก็คือภายในโลกแห่งศิลาตอนนี้ เส้นทางระดับสูงสุด นั่นก็คือ…กลายเป็นเต๋าสวรรค์” ดวงตาของหวังเป่าเล่อส่องประกาย

“เต๋าสวรรค์ก็คือร่างตน เช่นนั้นย่อมไม่มีขอบเขตใดๆ เช่นเฉินชิงจื่อ…และหากไปดูตอนนี้ เกรงว่าบรรพบุรุษของตระกูลไม่รู้สิ้นผู้นั้น ก็คงเดินตามเส้นทางนี้ เต๋าสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้น บางทีเดิมก็คือร่างจำแลงของเขา” ความคิดของหวังเป่าเล่อค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมา

“และเต๋าที่ข้าแสวงหา ก็คือวิธีที่สี่”

“ภายในโลกแห่งศิลาการฝึกฝนเต๋าที่แท้จริงของจักรวาลจากภายนอก การเข้าสู่ระดับจักรวาลด้วยวิธีนี้ ดังนั้น…จะทำให้ไร้ข้อจำกัดและหลุดพ้นเป็นอิสระ”

หวังเป่าเล่อเงียบไปครู่ใหญ่ อยู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา ไม่ครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้อีก และภายในนครดาวอังคารใหม่นี้ เขานำแผ่นหยกออกมาพิจารณาอย่างละเอียด และถือสันโดษต่อไป การถือสันโดษครั้งนี้ เขาจะต้องครอบครองเต๋าแปดปรมัตถ์รวมทั้งวิถีเต๋าคืนพินาศให้ได้

อย่างแรกคือเส้นทางที่เขาต้องเดินในอนาคต อย่างหลังจะกลายเป็นเคล็ดวิชาลับบนพลังต่อสู้ของเขา

เวลาในการตระหนักรู้และศึกษาของหวังเป่าเล่อ ผ่านไปอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัวหนึ่งปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

สงครามระหว่างตระกูลไม่รู้สิ้นและสำนักแห่งความมืดยังคงร้อนระอุ ไฟสงครามของทั้งสองฝ่ายได้แผ่ขยายไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ส่วนกลางของไม่รู้สิ้น อีกทั้งยังปรากฏการต่อสู้แห่งจักรพรรดิสวรรค์อยู่หลายครั้ง

แม้ส่วนใหญ่เป็นการลงมืออย่างเรียบง่าย แต่ก็เป็นสัญญาณว่าสงครามกำลังร้อนแรง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ… ทางด้านสำนักแห่งความมืด ยังปรากฏพลังต่อสู้จักรพรรดิสวรรค์อื่นอีกนอกจากเฉินชิงจื่อ!

พลังต่อสู้จักรพรรดิสวรรค์ทั้งสามท่าน กลับไม่ใช่ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืด แต่เป็นวิญญาณที่ดับสูญซึ่งมาจากภายในแม่น้ำแห่งความมืด เห็นได้ชัดว่าภายใต้เวทวิเศษของเฉินชิงจื่อได้มอบพลังฝึกตนที่แข็งแกร่งแก่พวกมัน ค่าตอบแทนย่อมมิใช่น้อย แต่สำหรับสงครามความผันผวนที่เกิดจากเรื่องนี้ใหญ่นัก

วิญญาณที่ดับสูญทั้งสามนี้ ก็มีสมญานามเช่นกัน ผู้หนึ่งนามว่านักบุญมืด อีกผู้หนึ่งนามว่าเทพอัฐิ ส่วนคนสุดท้ายร่างแท้คือสุสานวิญญาณต้นหนึ่ง กลายมาเป็นผู้เฒ่าสมญานามว่าวิญญาณสุสาน

แต่นี่ยังมิใช่สิ่งที่ทำให้ทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นสั่นสะเทือน สิ่งที่ทำให้สัมผัสสวรรค์ทุกฝ่ายคำรามก้องอย่างแท้จริง คือการต่อสู้ระหว่างนักบุญมืดและจักรพรรดิกวงหมิง ท้ายที่สุดจักรพรรดิกวงหมิงก็ตะโกนเรียกชื่อหนึ่งออกมาอย่างไร้เสียง

“จักรพรรดิสวรรค์เฮ่าเยว่!”

จักรพรรดิสวรรค์เฮ่าเยว่ที่ถูกเฉินชิงจื่อสังหารเมื่อสามหมื่นปีก่อน

เวลานี้ดูไปแล้ว เห็นชัดว่าที่เฉินชิงจื่อต่อสู้เพื่อสำนักแห่งความมืดในวันนี้ ได้เตรียมการมานานมาก โดยเฉพาะเมื่อระลึกถึงจักรพรรดิสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้นเหล่านั้นที่ดับสูญตั้งแต่ปกครองกลุ่มดาวจนถึงทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าในนี้ยังมีผู้ที่ถูกเฉินชิงจื่อสังหารอีกหรือไม่ เมื่อคิดโยงไปถึงเรื่องราวมากมาย ทำให้เกิดระลอกคลื่นใหญ่ภายในใจทุกคน

ยังดีที่เทพอัฐิและวิญญาณสุสานปรากฏร่างขึ้นทีละคน เรื่องเช่นนี้จึงไม่ปรากฏขึ้นอีก และลดความตระหนกของตระกูลไม่รู้สิ้นลงได้ แต่การคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนดั้งเดิมของคนทั้งสองกลับไม่เคยสิ้นสุด

ท้ายที่สุด…เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิสวรรค์องค์ใหม่จะปรากฏตัวในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ดังนั้นทั้งสามท่านที่ปรากฏในสำนักแห่งความมืดแต่ละคนย่อมมีที่มาที่ไป สามารถตรวจสอบได้ในประวัติศาสตร์!

แม้ว่าสงครามช่วงสั้นๆ ระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ ไม่ได้ลามมาถึงจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย แต่ด้วยสถานะในตอนนี้ของสหพันธรัฐมีกองกำลังสำนักอารยธรรมเล็กๆ คิดจะเข้าร่วมมากเกินไป เข้ามาทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาไม่หยุด นำเรื่องการรบมารายงาน ขณะเดียวกันภายใต้การจัดการของปรมาจารย์แห่งไฟ สหพันธรัฐเองก็จัดกองทหารหน่วยหนึ่ง คอยติดตามเรื่องการรบที่นั่น ทำให้สหพันธรัฐสามารถรู้เรื่องเกี่ยวกับสนามรบได้อย่างรวดเร็ว

และสิ่งเหล่านี้ เนื่องจากร่างธรรมและร่างอวตารของหวังเป่าเล่อต่างก็อยู่ภายนอก ดังนั้นเขาย่อมรู้เช่นกัน แต่ตอนนี้กลับไม่มีเวลาไปสนใจ เพราะจิตใจของเขาทั้งหมดล้วนหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาเต๋าแปดปรมัตถ์และคืนพินาศ

สิ่งแรกที่หวังเป่าเล่อรู้แจ้ง ไม่ใช่เต๋าแปดปรมัตถ์ แต่เป็น…คืนพินาศ

……………………………