ตอนที่ 1021: ตามรอยฆาตกร

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1021: ตามรอยฆาตกร

ฮุสตันนอนหลับตาอยู่ที่พื้นเงียบ ๆ เขาดูสงบ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในกระบวนการที่หินปีศาจชั้นฟ้ายอมรับเขาเป็นเจ้านาย

กระบวนการกินเวลานานกว่าที่เจี้ยนเฉินคาดเอาไว้ เขายืนอยู่ข้างข้างฮุสตันเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็มเต็ม จนกระทั่งฮุสตันตื่นขึ้นมาในที่สุด

เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ทันทีว่าสายตาของฮุสตันนั้นแหลมคมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ในขณะที่เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ

“ลุงเซียว เป็นอย่างไรบ้าง ? ทุกอย่างสำเร็จด้วยดีหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความห่วงใย

ฮุสตันลุกขึ้นจากพื้นและยืนขึ้น สายตาแห่งความยินดีที่ปิดไม่มิดก็เต็มอยู่ในดวงตาของเขา ซึ่งมันก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายด้วย

“ไม่คิดเลย ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่ามันเป็นไปได้ที่วิธีการฝึกฝนของนิกายดาบโลหิตของข้ามาจากหินปีศาจชั้นฟ้าจริง ๆ …” ฮุสตันถอนหายใจยาวออกมาอย่างประหลาดใจ

“ในตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าวิธีการฝึกฝนที่เฉพาะตัวของนิกายดาบโลหิตนั้นดัดแปลงมาจากทักษะปีศาจสูงสุด ไม่เพียงแต่มันจะยังไม่สมบูรณ์เท่านั้น แต่มันยังอ่อนแอกว่าทักษะปีศาจสูงสุดมาก” ฮุสตันถอนหายใจออกมาอย่างมีอารมณ์หลังจากที่เขาได้รู้ความจริง ใครจะไปคิดล่ะว่านิกายดาบโลหิตที่เป็นหนึ่งในสามองค์กรลอบสังหารที่ยิ่งใหญ่จะซ่อนความลับที่น่าตกใจนี้เอาไว้

“ลุงเซียว ทักษะปีศาจสูงสุดเป็นวิธีการฝึกฝนที่ก้าวผ่านระดับเซียนขึ้นไป ถ้าท่านฝึกฝนมัน ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถสำเร็จเป็นเซียนจักรพรรดิได้โดยใช้เวลาไม่มากนัก” เจี้ยนเฉินยิ้ม ถ้าฮุสตันกลายเป็นเซียนจักรพรรดิ มันคงจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับทั้งตัวเขาและทวีปเทียนหยวน

ความตื้นตันปรากฏขึ้นในตาของฮุสตัน แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่คิดแล้วเขาก็พูด “ข้ามีเวลาในชีวิตเหลือร้อยกว่าปีหน่อยหน่อย ดังนั้นข้าจะสำเร็จเป็นเซียนจักรพรรดิทันเวลาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความมหัศจรรย์ของทักษะปีศาจสูงสุดแล้ว”

หัวใจของเจี้ยนเฉินบีบรัดแน่น เขาไม่คิดว่าลุงเซียวจะมีอายุขัยเหลือน้อยขนาดนี้ แม้ว่าเวลาร้อยกว่าปีจะเป็นเวลาที่นาน แต่มันก็เท่ากับการเข้าฝึกฝนเพียง 1 ครั้งของคนที่อยู่ในระดับลุงเซียวเท่านั้น

“ข้าหวังว่าลุงเซียวจะสามารถพัฒนาเป็นเซียนจักรพรรดิได้เร็วที่สุดหลังจากที่ใช้ทักษะปีศาจสูงสุด” เจี้ยนเฉินภาวนาในใจ

“เรื่องที่น่าเสียดายเรื่องเดียวคือวิญญาณของข้าดูเหมือนอยู่ภายใต้ข้อห้ามบางประเภทจากหินปีศาจชั้นฟ้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของวิธีการฝึกฝนได้ ไม่เช่นนั้น ข้าคงจะสามารถสำเร็จวิธีการฝึกฝนของนิกายดาบโลหิตได้สำเร็จ” ฮุสตันพบว่ามันน่าเสียดาย

ในตอนนี้เอง ฮุสตันก็ดูเหมือนจะคิดบางอย่างออก หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย เขาก็ดึงเอาลูกธนูสีแดงเลือดออกมาแล้วบอกกับเจี้ยนเฉิน “เจี้ยนเฉิน มีคนสองคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเจ้าต้องการที่จะล้างเค้น เอาลูกธนูนี้ไปหาผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิต พวกเขารู้ว่าทั้งสองคนนั้นอยู่ที่ไหน” ฮุสตันพูด ในขณะที่เขาส่งลูกธนูออกไป

จิตสังหารรุนแรงลุกโชนขึ้นในตาของเจี้ยนเฉินทันที เขายังจำได้ชัดว่ามีทั้งหมด 5 คนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา เขาและผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิตได้ฆ่าไปแล้ว 3 คนในเมืองแห่งเทพเจ้าเมื่อหลายปีก่อน ในขณะที่อีก 2 คนยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาหนีไปโดยใช้ทักษะลับ

เจี้ยนเฉินคิดว่าผู้พิทักษ์ทั้งสี่ได้จัดการฆาตกรทั้งสองไปแล้ว เขาไม่คิดว่าทั้งสองคนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่

เจี้ยนเฉินยื่นมือออกไปรับลูกธนูอย่างช้าช้าจากฮุสตัน เขากำมันในมือแน่น ในขณะที่เขาพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะหาทั้งสองคนนั้นให้เร็วที่สุดและจะให้พวกนั้นชดใช้สิ่งที่พวกเขาทำเมื่อหลายปีก่อน”

ฮุสตันมองไปที่ลูกธนูที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉินและเขาก็ยิ้มออกมา อย่างไรก็ตาม เขาหยุดยิ้มอย่างรวดเร็วแล้วเขาก็พูดออกมา “เจี้ยนเฉิน ข้าจะกลับไปที่หุบเขายั่งยืนทันทีที่ข้าออกจากมิติวัตถุเซียนเพื่อที่จะไปฝึกฝนต่อ ข้าจะพยายามสำเร็จเป็นเซียนจักรพรรดิให้ได้ก่อนที่ข้าจะตาย เจี้ยนเฉิน เจ้าสังหารคนไปมากมายในการเดินทางของเจ้ามาเมื่อหลายปีมานี้ นอกเหนือไปจากนั้น ความแข็งแกร่งของเจ้าก็เพิ่มขึ้นเร็วเกินไปเช่นกัน เมื่อเจ้าจัดการกับเรื่องของเจ้าทั้งหมดแล้ว พาเจ้าอ้วนน้อยมากับเจ้าด้วยที่หุบเขายั่งยืน ข้าหวังว่าเจ้าจะอยู่ที่นั่นซัก 10 ปี”

“ลุงเซียว ข้าจะเชื่อฟังท่านแน่นอนและไปอยู่ที่นั่น 10 ปีหลังจากที่ข้าจัดการเรื่องของข้าแล้ว” เจี้ยนเฉินพูดอย่างจริงจัง เขาเคารพลุงเซียว และไม่เพียงแค่เคารพเท่านั้น เขารู้ว่าลุงเซียวคิดแต่เรื่องของเขาตลอดเวลา

ฮุสตันพยักหน้าอย่างมีความสุข เรื่องที่เจี้ยนเฉินไม่ได้เย่อหยิ่งหรือใจร้อนเพราะความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มเพิ่มขึ้นทำให้ฮุสตันพอใจ

เจี้ยนเฉินออกจากวัตถุเซียนไปพร้อมกับโหยวเยว่ รัมกุยเนส เสี่ยวไป๋และฮุสตัน ฮุสตันล่ำลาทุกคนทันทีที่เขาออกจากเมืองไปและกลับไปที่หุบเขายั่งยืนคนเดียว

เจี้ยนเฉินทนรอไม่ได้ที่จะตามหาฆาตกรทั้งสอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ที่เมืองทหารรับจ้างนานเช่นกัน เขาออกไปหลังจากที่เขาร่ำลาเทียนเจี้ยน

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ท่านจะไปอีกแล้วหรือ ? ” ในตอนที่เจี้ยนเฉินกำลังไปถึงที่ม่านพลังใหญ่ที่อยู่รอบเมือง เขาได้ยินเสียงของเสี่ยวหลิง นางไม่อยากที่จะแยกจากเขา และนางดูเหมือนว่านางกำลังจะร้องไห้

เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ และเขาไม่เห็นเสี่ยวหลิง ดังนั้น เขาจึงพูดกับอากาศ “เสี่ยวหลิง พี่ใหญ่ยังมีเรื่องที่สำคัญบางอย่างที่ต้องไปจัดการ ดังนั้นพี่ใหญ่จะไม่ได้อยู่กับเจ้า พี่ใหญ่จะมาหาเจ้าทันทีที่มีเวลา ตกลงหรือไม่ ? “

รุยจิน เฮยยู่ และหงเหลียนไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจในครั้งนี้ที่เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะพูดกับตัวเอง พวกเขามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่ค่อนข้างเคารพ พวกเรารู้ว่าวิญญาณม่านพลังที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิกำลังพูดกับเจี้ยนเฉิน นอกเหนือไปจากนั้น นางก็ยังซ่อนตัวเองอยู่ในมิติของอาณาเขตนี้ พวกเขาไม่สามารถหาตำแหน่งของนางได้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้

“พี่ใหญ่ เสี่ยวหลิงรู้สึกว่าคนของโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งจะทำลายผนึกลงได้ในอีกไม่นานนี้ พี่ใหญ่ยังอ่อนแอเกินไป เสี่ยวหลิงต้องการที่จะช่วยพี่ใหญ่ในการเพิ่มความแข็งแกร่ง เสี่ยวหลิงสามารถดึงเอาความลึกลับของธรรมชาติมาให้พี่ใหญ่ทำความเข้าใจได้” เสียงของเสี่ยวหลิงดังออกมา เสียงของนางไม่ได้กระปรี่กระเปร่าเหมือนที่เจี้ยนเฉินเคยได้ยิน แทนที่กัน มันไม่มีความสุขและมีความทุกข์รวมถึงความตื่นตระหนกเต็มอยู่ในเสียงของนาง

เจี้ยนเฉินจินตนาการได้ว่าเสี่ยวหลิงน่าสงสารเพียงใดในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นนาง ในตอนนี้ เสี่ยวหลิงเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยที่เปราะบางซึ่งกำลังถูกกลุ่มคนไม่ดีกำลังทำให้กลัวอยู่ นางไม่มีใครให้พึ่งเหมือนพ่อแม่ นางเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้และความกลัว

“เสี่ยวหลิง พี่ใหญ่มีเรื่องที่สำคัญที่ต้องจัดการจริง ๆ ดังนั้นพี่ใหญ่จึงไม่สามารถทำความเข้าใจกับความลึกลับของธรรมชาติที่เจ้าดึงเข้ามาได้ อย่างไรก็ตาม พี่ใหญ่มีสหายอยู่บางคน ทำไมเจ้าไม่ดึงเอาความลึกลับของธรรมชาติมาให้พวกเขาทำความเข้าใจล่ะ พวกเขาจะได้แข็งแกร่งไวขึ้น?” เจี้ยนเฉินพูด อย่างไรก็ตาม เขาดีใจในใจ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็สามารถนำเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 และเซียนผู้คุมกฎทั้งหมดจากตระกูลเจียง

หยางที่เมืองลอร์มาและให้เสี่ยวหลิงล่อเอาความลึกลับของธรรมชาติมาเพื่อที่จะให้พวกนั้นเข้าใจได้

“ตราบที่พวกนั้นเป็นสหายของพี่ใหญ่ เสี่ยวหลิงสามารถล่อความลึกลับมาให้พวกเขาทั้งหมดได้ พี่ใหญ่ ท่านเป็นสหายกับพวกเขาหรือเปล่า ? แต่พวกเขาเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุด มันยากมากที่เสี่ยวหลิงจะล่อมันมาได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเสี่ยวหลิงจึงช่วยพวกเขาไม่ได้” เสี่ยวหลิงสลดใจเล็กน้อยเหมือนว่าการที่นางช่วยเจี้ยนเฉินไม่ได้ทำให้นางไม่มีความสุขมาก

“ไม่ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่พวกเขา…” เจี้ยนเฉินปลอบเสี่ยวหลิงอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน เขาก็แนะนำนางให้กับหมิงตงที่กำลังพยายามที่จะพัฒนาการอยู่ในเมืองทหารรับจ้าง แบบนี้ เสี่ยวหลิงจะสามารถช่วยเขาได้

หลังจากพิจารณาเล็กน้อยแล้ว เจี้ยนเฉินก็ทิ้งรัมกุยเนสไว้ที่นี่ ดังนั้น เสี่ยวหลิงจะสามารถดึงความลึกลับของธรรมชาติมาให้รัม กินเนสให้นางเข้าใจได้ แบบนั้น ความแข็งแกร่งของรัมกุยเนสคงจะเพิ่มขึ้น

สำหรับเสี่ยวไป๋ เขาเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเข้าใจความลึกลับของธรรมชาติเหมือนคนทั่ว ๆ ไปเนื่องจากพรสวรรค์โดยธรรมชาติของเขา เขาต้องการแค่พลังที่เพียงพอเท่านั้น ดังนั้น เจียนเฉินจึงไม่ได้ทิ้งเสือขาวเอาไว้

ในอีกมุมหนึ่ง เถี่ยต้านั้นเป็นเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ เส้นทางการฝึกฝนของเขานั้นแตกต่างจากคนปกติ เขาไม่จำเป็นต้องเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติ ดังนั้น เสี่ยวหลิงจึงไม่จำเป็นที่จะต้องล่อความลึกลับมาให้เขา

ในตอนแรก เจี้ยนเฉินต้องการที่จะทิ้งโหยวเยว่ไว้เช่นกัน แต่นางยังอ่อนแอเกินไปในตอนนี้ นางไม่ได้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงจนจำเป็นต้องเข้าใจในความลึกลับของโลก ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดไป

เสี่ยวหลิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เจี้ยนเฉินบอกนางถึงคนที่นางต้องล่อความลึกลับมา นางก็พารัม กุยเนสลงไปที่ใต้ดินทันที หมิงตงที่กำลังฝึกฝนอยู่ในมิติที่ยกตัวออกไปของเมืองทหารรับจ้างก็หายไปด้วย เสี่ยวหลิงพาเขาไปอย่างลับลับ แม้แต่เทียนเจี้ยนก็สัมผัสไม่ได้ถึงการหายไปของเขา

เจี้ยนเฉินพาโหยวเยว่ไปด้วยในขณะที่เขาออกจากเมืองทหารรับจ้างไปพร้อมกับ รุยจิ เฮยยู่และหงเหลียน พวกเขาเดินทางไปที่สถานที่ที่ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ภายใต้การนำทางของลูกธนูที่ได้มาจากฮุสตัน

“เมื่อข้ากำจัดฆาตกรที่สังหารพ่อแม่ของข้าเมื่อหลายปีก่อนได้แล้ว ข้าจะกลับไปที่ตระกูลเจียงหยางทันทีและพาทวดของข้าและเจียเต๋อไท่มาที่นี่ แบบนั้น เสี่ยวหลิงก็จะสามารถล่อความลึกลับของธรรมชาติมาให้พวกเขาได้ ข้าจะไปที่จักรวรรดิเฟยลี่ของสามจักรพรรดิใหญ่หลังจากนั้น ไป่เจี้ยน เจ้าทำลายกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของข้า ดังนั้นข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า” เจี้ยนเฉินคิด ในขณะที่เขาพุ่งขึ้นไปในอากาศ นี่เป็นแผนของเขาในอนาคต

ลูกธนูสีแดงเลือดบินมีแสงสีแดงจางจางอยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่มันนำทางไป เพราะเจี้ยนเฉินไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของผู้พิทักษ์ทั้งสี่ เขาจึงไม่สามารถให้รุยจินและคนอื่นเปิดประตูมิติและไปถึงที่นั่นได้ทันที