ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 38 ก่อนและหลังตะวันลาลับขุนเขา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

เฉินฉางเซิงไม่รู้ว่าเหตุใดถังซานสือลิ่วจึงมาที่จวนเก่า หรือทำไมเขาต้องการจะเล่นไพ่นกกระจอกกับประมุขผู้เฒ่าตระกูลถัง

จนถึงตอนที่ถังซานสือลิ่วกล่าวความต้องการออกมาจึงเข้าใจในที่สุด

เฉินฉางเซิงได้นำคนของนิกายหลวงและตัวเองเข้าเสี่ยงอย่างมากที่มายังเมืองเวิ่นสุ่ย หลังจากแสดงจุดยืนอย่างแข็งกร้าวจึงสามารถเปลี่ยนใจประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังได้สำเร็จ

ถังซานสือลิ่วถูกปล่อยตัวออกจากหอบรรพชนในขณะที่ประมุขรองถูกขังอยู่ที่อื่น

คนธรรมดาย่อมแสดงความขอบคุณต่อเฉินฉางเซิงและคนด้านนอกจากนั้นก็คิดหาวิธีที่จะตอบแทนในอนาคต ทว่าถังซานสือลิ่วไม่ใช่คนทั่วไป ไม่เดินไปตามเส้นทางทั่วไป เขารู้ดีว่ามิตรภาพเช่นนี้สามารถตอบแทนได้ด้วยตระกูลถังเท่านั้น

จวนเก่าเงียบงันยิ่ง

หิมะบนขอบบ่อน้ำละลายใต้แสงตะวัน ร่วงลงในบ่ออย่างเงียบๆ

ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังกล่าวอย่างเรียบเฉย “หากนิกายหลวงพ่ายแพ้ศึกนี้ในที่สุด ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าเจ้าจะเข้าใจตระกูลถังลึกซึ้งเพียงใด เจ้าก็มือเปล่าอยู่ดี แล้วจะข่มขู่ข้าได้อย่างไร เมื่อเจ้าคิดอยู่ในหอบรรพชนมาครึ่งปีก็ต้องคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องการจะทำอะไร”

“ข้าต้องการให้อารองตายในทันที ก่อนที่ตะวันจะตกลับเขาในวันนี้ เขาต้องตาย”

เขามองไปในดวงตาประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังและกล่าวเสริมอย่างสุขุม “จากนั้นข้าต้องการให้ตระกูลถังรักษาความเป็นกลางในความขัดแย้งนี้”

ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังนิ่งเงียบไป หลังจากผ่านไปนานก็ถามขึ้น “หากข้าตอบ ‘ไม่’ สิ่งที่เขียนในม้วนกระดาษนี้ก็จะกลายเป็นจริงอย่างนั้นหรือ”

ถังซานสือลิ่วตอบ “ถูกต้อง”

ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังมองไปที่ไพ่หยกเขียวบนโต๊ะและขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าทำให้ไพ่ตานี้วุ่นวายไปหมดจริงๆ”

ถังซานสือลิ่วตอบ “ข้ากับเฉินฉางเซิงต่างก็ยังเยาว์ อีกทั้งยังมีคนด้านนอก เราย่อมไม่เจ้าเล่ห์โหดเหี้ยมเช่นท่านในยามเล่นไพ่ แต่เรามีความกล้าที่จะล้มโต๊ะได้ทุกเมื่อ เพราะเราสามารถเล่นใหม่ได้อีกรอบ แต่พวกท่านทำไม่ได้ เพราะพวกท่านล้วนแก่แล้ว”

ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังมองถังซานสือลิ่วแล้วพลันกล่าวขึ้น “เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหลังจากเรื่องเมื่อวานนี้ข้าอาจตั้งใจให้เจ้าเป็นผู้นำตระกูลถังอยู่แล้ว”

หากเอาประโยชน์ของตระกูลถังเป็นที่ตั้ง เหตุการณ์เมื่อวานได้แสดงให้เห็นแล้วว่าถังซานสือลิ่วเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสืบทอดตระกูลถัง

หากซางสิงโจวกับราชสำนักชนะ ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังยังมีเวลาในการเปลี่ยนใจถังซานสือลิ่ว หรือเปลี่ยนตัวทายาทที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล หากเฉินฉางเซิงกับนิกายหลวงชนะ ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังก็แค่มอบตระกูลถังให้ถังซานสือลิ่ว เมืองเวิ่นสุ่ยก็ไม่ได้รับผลกระทบอันใด

เฉินฉางเซิงไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ เพราะมันซับซ้อนเกินไปสำหรับเขา

เขาไม่มีทักษะในเรื่องการกำหนดถูกผิดของทางโลก มีแต่ทักษะในการมองคน

วันเหล่านั้นในสำนักฝึกหลวงได้ทำให้เขารู้ดีว่าถังซานสือลิ่วไม่ต้องการเป็นผู้นำตระกูล

แต่ถังซานสือลิ่วก็ยังต้องพบกับปัญหานี้อยู่ดี ดังนั้นทำไมวันนี้เขาถึงมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้

“ต่อให้ข้ากลายเป็นผู้นำตระกูล ก็เป็นเรื่องอีกหลายปีข้างหน้า ข้าสนใจเรื่องจุดยืนของตระกูลในช่วงไม่กี่ปีต่อจากนี้มากกว่า”

ถังซานสือลิ่วเสริม “นอกจากนี้ คำสัญญาฝ่ายเดียวไม่ปลอดภัยเหมือนกับข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายทำขึ้นตอนที่ถูกข่มขู่”

ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังถาม “เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ”

ถังซานสือลิ่วตอบ “หลังจากเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ท่านไม่คิดว่ามันน่าขันบ้างหรือตอนที่ได้ยินคำว่า ‘เชื่อใจ’ ”

“นับจากวันที่เจ้าเกิด เจ้าก็เป็นตัวเลือกที่ข้าตั้งใจให้เป็นผู้นำตระกูลถังคนต่อไป อย่าลืมว่าเป็นเจ้าไม่ใช่บิดาเจ้า! ดังนั้นเพื่อให้เจ้าเป็นผู้นำตระกูล ข้าได้ทำอะไรไปบ้าง ตระกูลถังต้องจ่ายอะไรไปบ้าง แล้วเกิดอะไรขึ้น คาดไม่ถึงว่าเพื่อสิ่งที่เรียกว่า ‘มิตรภาพ’ เจ้ากลับยืนกรานจะอยู่ข้างเขาอย่างโง่เขลา!”

ยิ่งประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังพูดมากเท่าไร ก็ยิ่งฉุนเฉียวมากขึ้นเท่านั้น เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนพูดประโยคสุดท้ายเขาชี้ไปที่เฉินฉางเซิง

เฉินฉางเซิงขยับไปด้านข้างเล็กน้อย หลบปลายนิ้วนั้น

“มิตรภาพโง่ๆ อย่างนั้นหรือ หากไม่มีมิตรภาพ ข้าคงยังเล่นเป็นใบ้อยู่ในหอบรรพชน”

ถังซานสือลิ่วโมโหขึ้นมาในที่สุด เขาตะโกน “หากไม่ใช่เพราะเฉินฉางเซิงเป็นเพื่อนข้า ข้าคงตายไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว!”

ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังโต้กลับไปอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าเจ้าจริงๆ หรือ”

ถังซานสือลิ่วเย้ย “ท่านจะฆ่าข้าแน่นอน เสร็จแล้วท่านก็แค่ล้างมือ กินอาหารเจไม่กี่มื้อแล้วประกาศว่าตัวเองไร้ความผิด!”

นี่เป็นครั้งที่สองที่คำว่า ‘อาหารเจ’ ปรากฏขึ้นในจวนเก่าตระกูลถัง

เมื่อวานข่าวจากหอบรรพชนตระกูลถังบอกว่าถังซานสือลิ่วต้องการอาหารเจจากอารามนางชีจีหมิง

แต่ก่อนที่อาหารเจจะพร้อม ทุกอย่างก็สิ้นสุดลงแล้ว

เมื่อได้ยินคำว่า ‘อาหารเจ’ ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังก็หน้าเปลี่ยนไปและมือก็เริ่มสั่นเหมือนกับเมื่อวาน

หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังก็สงบลงแล้วถาม “รสชาติเป็นอย่างไร”

“กว่าอาหารเจจะมาถึงหอบรรพชนก็ค่ำมืดแล้ว อาหารล้วนเย็นชืด”

ถังซานสือลิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “รสชาติธรรมดา ไม่ใช่อาหารจริงๆ ด้วยซ้ำ ด้อยกว่าหอเฉิงหูมาก ถึงกับแย่กว่าโรงครัวของสำนักฝึกหลวงด้วยซ้ำ”

ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็กล่าว “เช่นนั้นรึ หลังจากข้าตาย ข้าไม่รู้ว่าจะมีใครยอมกินอีกหรือไม่”

“ท่านปู่ นี่คือความแตกต่างที่สุดของพวกเรา”

นี่เป็นครั้งแรกในการสนทนาอย่างยาวนานที่ถังซานสือลิ่วกล่าวคำพูดนี้ออกมาในที่สุด

ทว่าคำพูดนี้ไม่ได้ทำให้บรรยากาศในห้องอบอุ่นขึ้น ในทางกลับกันมันกลับเย็นลงเช่นเดียวกับน้ำเสียงของเขา

“ใช่ เพื่อเลี้ยงข้าให้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ท่านจึงปฏิบัติต่อข้าด้วยดีตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา และตระกูลก็ใช้จ่ายค่าตอบแทนมากมาย แต่ท่านคิดหรือไม่… ข้าไม่ได้ต้องการเช่นนั้น หรือว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนในตระกูลจะยินดียอมรับได้ อย่างเช่นห้ามสาขาอื่นไม่ให้มีทายาท!”

ถังซานสือลิ่วกล่าวต่ออย่างโมโห “ใช่ ตระกูลถังของข้ามีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรและอายุยืน หลังจากเวลาพันปีของท่านสิ้นสุดลงและข้าได้รับสืบทอดตระกูลมาอย่างแท้จริง สาขาอื่นสามารถมีลูกได้มากมายตามต้องการ พวกน้องๆ เหล่านั้นก็จะอ่อนเยาว์กว่าข้ามาก ไม่อาจเป็นอันตรายต่อข้าได้… แต่นายท่านเคยคิดหรือไม่ว่านี่มันโหดร้ายเกินไป”

“ตอนอาสะใภ้สี่แอบตั้งครรภ์และใช้ข้ออ้างว่ามารดานางป่วยหนักเพื่อซ่อนตัวอยู่ในบ้านของมารดาเป็นเวลาห้าเดือน ท่านก็ยังหาจนเจอในที่สุด จากนั้นก็บีบให้อาสี่ป้อนยาให้อาสะใภ้สี่ขับลูกออก! ท่านคิดหรือไม่ว่าอาสี่จะทนทุกข์เพียงใด เทียบกันแล้วสายตาไม่พอใจที่สาขาหลักได้รับจะนับเป็นอะไรได้”

“ส่วนอาหารเจจากเขาจีหมิง…ไม่ต้องกังวล เพราะข้าไม่ใช่ท่าน”

ถังซานสือลิ่วมองดูประมุขผู้เฒ่าด้วยสายตาผิดหวัง จากนั้นก็ลุกขึ้นและจากไป

เฉินฉางเซิงก็จากไปเช่นกัน

มีแต่ประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังที่ยังอยู่ในห้อง

เขานั่งอยู่ข้างโต๊ะ คิดสิ่งใดไม่อาจรู้ได้

ไพ่นกกระจอกหยกเขียววางอยู่บนโต๊ะเงียบๆ ไม่ถูกแตะต้อง

……

……

เมฆดำรวมตัว ริมแม่น้ำยามราตรีทั้งเงียบทั้งมืด

ในอดีตส่วนนี้ของแม่น้ำจะสะท้อนแสงของโคมไฟมากมาย

ถังซานสือลิ่วนั่งริมแม่น้ำ มองไปอีกฝั่งน้ำที่มืดมิดในขณะที่คิดถึงอดีต

เฉินฉางเซิงก็อยู่ด้วย วันนี้เขาเป็นแขกของจวนสาขาหลักตระกูลถัง ไม่ใช่ในฐานะสังฆราชแต่เป็นสหาย

ไม่นานมานี้ จวนเก่าได้ส่งข้อความว่าประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังยอมรับข้อเรียกร้องของถังซานสือลิ่ว เป็นเพราะการเล่นไพ่นกกระจอก หรือเป็นเพราะความกล้าที่จะล้มโต๊ะของพวกผู้เยาว์กันแน่

หรือไม่แน่อาจเป็นเพราะอาหารเจจากอารามนางชีจีหมิง

ถังซานสือลิ่วกล่าวขึ้นอย่างฉับพลัน “เจ้าอยากรู้เรื่องราวหรือไม่”

เฉินฉางเซิงตอบ “หากเจ้าต้องการจะเล่า”