ตอนที่ 761 ที่จริงแล้ว ในร่างกายของนาง….
ฮว๋ายยู่เหมือนจะอ่านความในใจของนางออก จึงขยับเข้าใกล้ตู๋กูซิงหลันอีกก้าวหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันก็มิได้หลบ ตบะในร่างของฮว๋ายยู่มีอยู่สักเท่าไหร่กันเชียว นางรู้เรื่องนี้ดีตั้งแต่ตอนที่อยู่ในวังของแดนสวรรค์แล้ว
ฮว๋ายยู่เพียงแต่จับจ้องมองดูนางอย่างตรงๆ พอเข้ามาใกล้ตู๋กูซิงหลัน ในมือก็เพิ่มเหล็กจารที่แหลมคมอีกด้ามหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันหรี่ดวงตาลง สายลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง พอผ่านแท่งน้ำแข็งที่ข้างเตียง ทำให้แม้จะเป็นหน้าร้อน แต่กลับเย็นเข้าไปถึงในกระดูก
“เทียนโฮว่น้อย คิดจะลงมือ?” ตู๋กูซิงหลันมองดูนาง ด้วยแววตาเรียบเฉย “เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า”
ฮว๋ายยู่กลับไม่ได้ถอยออกไป บนร่างของนางมีชุดคลุมสีดำชุดหนึ่ง สายลมพัดจนชุดนั้นไหวเบาๆ
“ที่ข้ามาในวันนี้ ไม่ใช่จะมาประมือกับเจ้า” ฮว๋ายยู่พูดต่อไป ทันใดนั้น นางก็แทงเหล็กจารด้ามนั้นลงไปบนหน้าอกของตนเองต่อหน้าต่อตาตู๋กูซิงหลัน
นางลงมืออย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยม พริบตาที่ตู๋กูซิงหลันกำลังงุนงงอยู่นั้น ก็เห็นฮว๋ายยู่กระชากเหล็กจารด้ามนั้นออกมาแล้ว
เลือดไหลออกมาราวน้ำพุ สาดกระจายเข้าใส่ตู๋กูซิงหลัน
เดิมทีนางคิดจะใช้พลังวิญญาณสร้างเขตอาคมป้องกันเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด พริบตานั้น ก็ไม่อาจควบคุมพลังวิญญาณได้
และในช่วงเวลาสั้นๆนั้นเองถึงแม้ว่านางจะหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่ว่าบนใบหน้าก็ยังเปรอะด้วยเลือดของฮว๋ายยู่
เลือดเหล่านั้นร้อนระอุราวลาวา
ตู๋กูซิงหลันพลิกร่างลงมาจากเบาะนุ่มแล้ว ชุดสีแดงของนางส่ายเบาๆ เส้นผมยุ่งเหยิงไปเล็กน้อย แววตาต้องเย็นยะเยือกกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็เช็ดถูเลือดของฮว๋ายยู่ออกไปจากใบหน้าของตนเองอย่างลวกๆ
“นี่เจ้าจะทำอะไร?” ตู๋กูซิงหลันเข้าใจสตรีผู้นี้ดี ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้พบเจอกันเพียงช่วงสั้นๆ แต่ก็รู้ว่านางมิใช่ตัวดีอะไร
ฮว๋ายยู่ไม่ตอบนาง เพียงกุมเหล็กจารที่เปื้อนเลือดแท่งนั้นเอาไว้ บนเหล็กจารไม่รู้ว่ามียันต์โลหิตสีแดงปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
ใบหน้าของฮว๋ายยู่ซีดขาวดุจแผ่นกระดาษ แม้แต่ริมฝีปากก็ไร้สีเลือด
ปากก็พึมพำคาถาออกมา เป็นคาถาที่แม้แต่ตู๋กูซิงหลันเองก็ยังฟังได้ไม่ถนัดเท่าไหร่
นั่นเป็นคาถาเรียกวิญญาณหวนคืน นางทำตามความประสงค์ของตี้เสีย ทำให้จู่ฮว๋ายจดจำทุกอย่างได้
เลือดจากทรวงอกยังไหลออกมาไม่หยุด แต่ฮว๋ายยู่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร นางยังคงท่องคาถาต่อไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุด
ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้วมุ่น นางพึ่งจะขยับไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง ศีรษะก็เจ็บปวดขึ้นมา พริบตานั้นภาพมากมายหมุนกลับมา
คาถาเรียกคืนวิญญาณนี้หากใช้กับร่างของคนตาย ก็จะสามารถเรียกวิญญาณให้กลับคืนมาได้ แต่ว่าก็ต้องดูด้วยว่าจิตวิญญาณอยู่ในสถาพที่สมบูรณ์เพียงไร
หากใช้กับคนเป็น ก็จะทำให้จดจำเรื่องราวที่ผ่านมาในชาติก่อนได้ และวิธีที่จะเพิ่มพูนโอกาสสำเร็จก็คือใช้เลือดจากหัวใจของคนที่ใกล้ชิดที่สุดเป็นสื่อ
ฮว๋ายยู่ท่องพลาง ก็จดจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลันไปพลาง นางยืนอยู่ในที่เดิมไม่ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว
ในที่สุดค่อยยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของตู๋กูซิงหลัน
“พี่สาว เวลาผ่านไปหลายปี ท่านจดจำข้าไม่ได้เสียแล้ว”
มือยังไม่ทันจะสัมผัสถูกตู๋กูซิงหลัน สีหน้าของฮว๋ายยู่ก็พลันเปลี่ยนแปลงไป
นี่มันอะไรกัน นางสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสชีวิตอีกสาย…..จากนังแพศยานั่น
ตู๋กูซิงหลันได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็พลิกมือเป็นฝ่ายคว้าฮว๋ายยู่เอาไว้ ลากคนมาตรงหน้าในทันที ดวงตาดอกท้อจับจ้องไปที่นาง “เจ้ากำลังเล่นตลกอะไรอยู่?”
นางเองก็เป็นผู้ใช้ยันต์ระดับปรมาจารย์เช่นกัน วันนี้กลับโดนเทียนโฮ่วน้อยเล่นงานเข้ารอบหนึ่ง?
พี่สาว….แม้ว่าเมื่อครู่สมองจะปวดแปลบ แต่ว่าก็ยังได้ยินคนเรียกนางว่าพี่สาว
นางอยู่ๆก็มีน้องสาวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
แต่ว่าการคว้ามือเอาไว้อย่างแน่นหนานี้ กลับทำให้สีหน้าของฮว๋ายยู่ยิ่งย่ำแย่กว่าเดิม
ในร่างกายของนางมีเลือดแห่งชีวิตของจู่ฮว๋ายอยู่ พอเข้าใกล้กันเช่นนี้ ย่อมสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า นังแพศยาผู้นี้กำลัง…..
…………………..
ตอนที่ 762 ตั้งครรภ์
นางถึงกับตั้งครรภ์แล้ว!
พริบตานั้น ฮว๋ายยู่ถึงกับต้องจิกลึกลงไปในฝ่ามือของตนเอง
นังแพศยาผู้นี้ตั้งครรภ์แล้ว! มีสิทธิ์อะไร?
มืออีกข้างหนึ่งของนางสัมผัสลงไปบนหน้าท้องของตนเองอย่างไม่รู้ตัว….พึ่งจะเมื่อคืนนี้เอง ที่บุตรในครรภ์ของนางถูกบุรุษที่นางรักมากที่สุดควักออกมา และกินลงไปจนหมดสิ้นต่อหน้าต่อตาของนาง
นางพึ่งจะสูญเสียบุตรไป แต่ว่าแค่พริบตานังแพศยานี่กลับตั้งครรภ์ขึ้นมา!
จะต้องเป็นเพราะนังแพศยานี่และไอ้สวะในท้องของมัน ถึงได้ทำให้บุตรของนางตายอย่างอนาถ!
เดิมทีในใจของนางก็เคียดแค้นอยู่แล้ว ยามนี้พอสัมผัสได้ว่าตู๋กูซิงหลันกำลังตั้งครรภ์ ฮว๋ายยู่แทบจะอยากฆ่านางทิ้งในทันที!
อ้อ ยังมีเจ้าสวะในท้องนั่นก็ต้องตายด้วย!
แต่ว่านางสามารถสงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่แววตาที่อาฆาตมาดร้ายนั้นก็ยังสลายออกไปจนไม่เหลือ
นางพลิกมือเป็นฝ่ายประคองหลังมือของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ เอ่ยทั้งน้ำตาเป็นสายฝนว่า
“ท่านสมควรจดจำเรื่องราวในอดีตทั้งหมดได้แล้ว” นางพูดพลางก็จับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลันอย่างจริงจัง “พี่สาว ตอนนั้นฟ้าดินพึ่งถือกำเนิดขึ้นมา ท่านและข้าเกิดมาด้วยกัน ติดตามประดุจเงามาตลอดหลายพันปี ท่านจะลืมใครก็ได้แต่ไม่อาจลืมข้าได้อย่างเด็ดขาด”
ขณะที่นางพูดออกไป ในสมองของตู๋กูซิงหลันก็มีภาพเกิดขึ้นมากมาย
นั่นเป็นภาพของต้นฮว๋ายที่สูงเสียดฟ้า ที่ข้างต้นฮว๋ายมีกอหญ้าน้อยที่ดูไม่เตะตาอยู่กอหนึ่ง
“เป็นท่านที่มอบเลือดแห่งชีวิตให้กับข้า พวกเราคือพี่น้องที่มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่”
ฮว๋ายยู่น้ำตาหยดเป็นเม็ดใหญ่ไหลลงไปตลอดเวลา “ตอนนั้นที่อยู่ในแดนสวรรค์ ต้องโทษว่าข้าตาบอดจดจำท่านไม่ได้ ถึงได้ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากมากมายเช่นนี้ หากว่าตอนนั้นข้ารู้ฐานะของท่าน ข้าจะต้องไม่….”
การแสดงของฮว๋ายยู่ช่างไร้ที่ติ เรียกได้ว่าถึงขั้นที่แสนล้ำเลิศ
ถึงแม้ว่าที่จริงแล้วในใจของนางจะเกลียดชังตู๋กูซิงหลันอย่างที่สุด แต่ภายนอกกลับสามารถแสดงออกว่าสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เหมือนจริงเสียยิ่งกว่าจริง
แม้แต่ตู๋กูซิงหลันที่เป็นนักแสดงเก่า ก็ยังดูไม่ออกเลยว่ามีปัญหาที่ตรงไหน
“ข้าจะต้องประกาศออกไปว่าท่านคือใคร ยอมรับท่าน ชดเชยสิ่งต่างๆให้ท่านแทนความทุกข์ยากตลอดหลายปีมานี้”
ทรวงอกของฮว๋ายยู่ยังมีเลือดไหลอยู่ เลือดเหล่านั้นเปรอะเปื้อนโดนร่างกายของตู๋กูซิงหลัน ยิ่งเปื้อนเลือดมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งจดจำเรื่องในชาติก่อนได้มากขึ้นเท่านั้น
ในสมองมีแต่ภาพต่างๆเต็มไปหมด ราวกับคลื่นมหาสมุทรที่ม้วนตัวเข้ามา เกือบจะทำให้สมองของนางต้องระเบิด
ขมับของนางเต้นตุบๆ ภาพต่างๆปรากฏขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อเนื่องกัน สุดท้ายเมื่อรวมกันก็กลายเป็นต้นฮว๋ายที่สูงเสียดฟ้าต้นนั้น
แต่แล้วอย่างรวดเร็ว ต้นฮว๋ายต้นนั้นก็กลายร่างเป็นสตรีผู้หนึ่ง
ตอนแรกยังเป็นเพียงเงาหลังสีดำตัดแดง แต่พอนางหันกลับมา ตู๋กูซิงหลันถึงได้เห็นอย่างชัดเจนว่า นั่นเป็นใบหน้าที่งดงามจนไม่มีถ้อยคำใดจะสามารถบรรยายได้
เส้นผมสีดำปลิวสยาย ริมฝีปากแดงอวบอิ่ม ความงดงามอันสูงส่ง สวยจนดึงดูดวิญญาณไป
ดวงตาคู่นั้น เหมือนสะท้อนออกมาจากตาของนาง
และไม่นาน ใบหน้านั้นก็เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นดวงหน้าที่เหมือนกับนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“ตัวข้าในชาติหน้า จงจดจำข้าในชาตินี้เอาไว้”
พริบตานั้น สตรีผู้นั้นก็เอ่ยปากขึ้นมา ประโยคนั้นทิ่มแทงเข้าไปในสมองของตู๋กูซิงหลันอย่างรุนแรง
ตอนแรกนางปิดตาลง แต่แล้วก็พลันลืมตาขึ้นมาอย่างกระทันหัน
แต่ว่าผ่านไปเพียงแค่ ‘ครู่เดียว’เมื่อกี้นี้ นางก็ไม่ได้อยู่ในพระตำหนักตี้หัวกงอีกแล้ว
รอบด้านเต็มไปด้วยแสงดาวระยิบระยับ แต่พอมองดูให้ดี ก็จะเห็นว่าในอากาศมีแต่ไอมารคละคลุ้ง
“พี่สาว” ฮว๋ายยู่เรียกนางอีกครั้ง พอเห็นว่าบนหน้าผากของตู๋กูซิงหลันปรากฏตราประทับขึ้นดวงหนึ่ง นางก็ยิ้มออกมา “เรื่องราวในชาติก่อน ท่านจดจำได้หมดแล้วสินะ?”
เมื่อครู่นี้สำหรับตู๋กูซิงหลันนั้นเป็นเวลา ‘เพียงแวบเดียว’ เท่านั้น แต่ที่จริงแล้วเวลาผ่านไปนานช่วงใหญ่
นานพอที่ฮว๋ายยู่จะมีเวลาพานางกลับมายังแดนสวรรค์แล้ว
นางเสียลูกชายไปแล้ว นังแพศยาก็อย่าได้คิดเลยว่าจะสามารถคลอดเจ้าสวะของตนเองออกมาได้อย่างปลอดภัย
ตี้เสียชอบกินคนนักไม่ใช่หรือ?
แถมยังชอบกินทารกยิ่งกว่า…..
เช่นนี้เจ้าสวะในท้องของนังแพศยาคนนี้ เขาย่อมจะต้องยิ่งชอบกินอย่างแน่นอน
ก็เพราะว่านี่เป็นนางในดวงใจของเขามิใช่หรือ นางในดวงใจตั้งท้องบุตรของชายอื่น ตี้เสียจะยอมทนได้อย่างไร?
เกรงว่าคงจะต้องใช้วิธีที่โหดร้ายยิ่งกว่ากินบุตรในครรภ์ของนางลงไปเป็นแน่
พอคิดได้เช่นนี้ ฮว๋ายยู่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ เพียงครู่เดียวรอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นเปล่งประกายนุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นมา
ตู๋กูซิงหลันหันกลับมาเห็นนางกำลังอมยิ้ม ในสมองก็เกิดภาพที่เคยเห็นมาก่อน ภาพตอนที่ชาติก่อนตอนที่ตนหลั่งเลือดช่วยให้นางสามารถกลายร่างได้
ตนเองคือต้นฮว๋ายต้นแรกที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณระหว่างฟ้าดิน มีความสามารถที่เป็นแบบฉบับของเหล่าเทพอยู่ การจะให้ต้นหญ้าสักต้นกำเนิดร่างขึ้นมา ย่อมง่ายดาย
เรื่องราวในชาติก่อน นางจดจำได้เกือบทั้งหมด
ครั้งแรกที่ขึ้นมาบนแดนสวรรค์ ตี้เสียบอกว่านางคือจู่ฮว๋าย นางยังนึกว่าเจ้าพ่อพันธุ์ม้านั่นจำคนผิดแล้ว ที่แท้ก็ไม่ใช่
นางคือคนที่เขาพูดถึงจริงๆ
ฮว๋ายยู่ยังคงเรียกนางซ้ำอีก ตู๋กูซิงหลันจึงกวาดตามองนางอย่างนิ่งๆครู่หนึ่ง
ฮว๋ายยู่รีบคว้าแขนเสื้อของนางเอาไว้ ร้องไห้ดุจดอกสาลี่ต้องน้ำฝน “มิว่าจะอย่างไร ครั้งนี้พี่สาวต้องช่วยข้านะ”
สีหน้าของตู๋กูซิงหลันสงบนิ่ง ที่จริงตอนที่จ้องมองไป ประกายตานั้นยังมีแสงไฟสว่าววาบขึ้นมาแวบหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
“ข้าไยต้องช่วยเหลือหมาป่าที่เลี้ยงดูอย่างเสียเปล่าตัวหนึ่ง ตัวเองจะได้ตกหลุมไปตายให้เร็วขึ้นอย่างงั้นหรือ?”
ว่าแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็เชยคางของฮว๋ายยู่ขึ้นมา ใต้ฝ่าเท้าเกิดกระแสลมขึ้นมา แค่ออกแรงก็ผลักคนไปชิดติดกำแพงวัง
ฮว๋ายยู่เคลื่อนไหวรวดเร็ว ฉวยโอกาสที่ตู๋กูซิงหลันกำลังระลึกถึงชาติก่อน นางก็พาคนมาอยู่ในตำหนักบรรทมแล้ว
ที่นี่คือตำหนักบรรทมของตี้เสีย ท่ามกลางสงครามเทพภูติที่สับสนวุ่นวาย ที่นี่กลับเป็นตำหนักที่ได้รับการปกป้องเอาไว้อย่างสมบูรณ์
เพียงแต่ฮว๋ายยู่ยังไม่ทันได้พาตู๋กูซิงหลันเข้าไปภายในตำหนัก ทั้งสองกำลังยืนอยู่บนลานในสวนหน้าพระตำหนักไท่เหิงกง
คำพูดของตู๋กูซิงหลันทำเอานางถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง ฮว๋ายยู่ทำสีหน้าไร้เดียงสา “พี่สาว ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรกัน….ท่านดูข้าสิ พอจดจำท่านได้ขึ้นมา ก็ไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของตนเอง ยอมแทงตัวเองเข้าที่หัวใจครั้งหนึ่ง เพื่อช่วยให้ท่านฟื้นฟูความทรงจำในอดีต….”
“อ้อ ต้องขอบคุณมีดนั้นของเจ้า ที่ทำให้ข้าจดจำได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน” ตู๋กูซิงหลันหัวเราะเสียงเย็นชา แรงในมือเพิ่มขึ้นไปอีก
“แต่ว่า สิ่งที่อยู่ในร่างของเจ้านั่นคือเลือดของข้า เจ้าจะมาอวดอ้างเอาอะไร?”
ว่าแล้ว นางก็ข่มฮว๋ายยู่ลงไปอีก “ยิ่งไปกว่านั่น ฮว๋ายยู่ หนึ่งมีดในวันนี้ของเจ้า จะอย่างไรก็ไม่อาจชดเชยดาบที่เจ้าแทงใส่ข้าในวันนั้นได้”
“ข้าแทงดาบใส่ท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เรื่องนี้ ฮว๋ายยู่สามารถสาบานต่อฟ้าดินได้เลย นางมั่นใจว่าตนเองไม่เคยใช้ดาบแทงนังแพศยาผู้นี้มาก่อน
นี้เป็นการสาดน้ำสกปรกมาใส่หัวนางแล้วแท้ๆ
“ดาบจริงอาจไม่ถึงชีวิต แต่ดาบในที่ลับ เจ้ากลับทำได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก “ดูท่าหลายปีมานี้เจ้าคงจะได้อยู่อย่างสงบสุขมากไปเสียแล้ว เรื่องสกปรกที่ได้ทำไปในวันนั้นถึงได้ลืมเลือนไปจนหมดสิ้น”
ฮว๋ายยู่หัวใจเย็นวาบ นางเป็นคนฉลาดหลักแหลม จึงมั่นใจในตนเองมาตลอดว่า เรื่องที่ตนเองกระทำลงไปในตอนนั้น นังแพศยาผู้นี้สมควรไม่เคยได้รู้เรื่องมาก่อนเลยต่างหาก
แล้วทำไมถึงได้…..
……………