เมื่อได้เห็นเย่หยวนเดินออกมาด้วยท่าทางหาเรื่องเช่นนั้นทางเฮ่อเซียงหยุนย่อมจะไม่คิดกังวลใด ๆ แต่นางนั้นรู้สึกตื่นเต้นดีใจแทน

เพราะนางนั้นกังวลมากว่าตนจะไม่อาจหาเรื่องใด ๆ เพื่อทำร้ายเย่หยวนได้ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นทางเย่หยวนเองที่เดินออกมาหาเรื่องนางเช่นนี้

“เทพถ่องแท้หกดาวขั้นสุด? หึ ๆ จี้ฉิงหยุน ความอับอายที่เจ้ามอบให้ข้านั้นข้าจะสนองคืนมันให้พร้อมดอกเบี้ยเอง!”

เฮ่อเซียงหยุนนั้นยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย พร้อมปลดปล่อยพลังออกจากร่างกายของตนเช่นกัน

ความตื่นเต้นที่จะได้แก้แค้นนั้นมันย่อมพล่านเปี่ยมใจนาง

พลังน้อย ๆ ของเย่หยวนนี้มีหรือที่จะมีค่าใดต่อหน้านาง?

นางนั้นเป็นศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์อันดับหนึ่งแห่งหอเมฆาน้ำแข็ง เทพถ่องแท้เก้าดาวตัวจริงเสียจริง

แค่จัดการกับเทพถ่องแท้หกดาวมันจะเป็นเรื่องยากเย็นใด ๆ?

“อาจารย์ ท่านสู้นางไม่ได้หรอก อย่าได้ผลีผลามไป!” เทพสวรรค์กู้หงกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

แต่ร่างกายของเขายังไม่ทันขยับเย่หยวนก็พูดขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่ต้องมายุ่งใด ๆ นางสารเลวนี่ข้าจะจัดการเอง”

เดิมทีเฮ่อเซียงหยุนยังกังวลว่าทางเทพสวรรค์กู้หงจะลงมือใด ๆ แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้าหมอนี่มันจะกลับพูดตัดความช่วยเหลือของตนเสียอย่างนั้น

ในเวลานี้เฮ่อเซียงหยุนจึงหัวเราะขึ้นมาพร้อมใช้แนวคิดแห่งน้ำแข็งออกมาพุ่งทะยานใส่เย่หยวน

คลื่นพลังของมันนั้นย่อมเหนือล้ำ ทำให้ทางเทพสวรรค์กู้หงนั้นกังวลอย่างสุดใจ

เย่หยวนนั้นได้แต่เดินเข้ามาอย่างสบายตัว ก้าวแรกนั้นยาวเกือบหนึ่งเมตร แต่ยิ่งก้าวเข้าไปใกล้ เท้าของเขาก็ยิ่งก้าวไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนย่นระยะทางลงได้ในพริบตา

ภายใต้คลื่นพลังอันเหนือล้นของเฮ่อเซียงหยุน เย่หยวนนั้นดูอ่อนแอไปอย่างมาก

“มิติเยือกแข็ง!”

เฮ่อเซียงหยุนนั้นตะโกนร้องออกมา “ความอับอายที่เจ้าทำกับข้าไว้ ข้าจะคืนมันให้เป็นเท่า…”

คำพูดนั้นยังกล่าวไม่ทันจบเฮ่อเซียงหยุนก็ต้องหน้าซีดเผือดลงมองดูเย่หยวนอย่างหวาดกลัว

เพราะเย่หยวนนั้นกลับเดินผ่านมิติเยือกแข็งของนางมาราวกับไม่มีอะไร จนมาถึงตัวนางในพริบตาเดียว

ผัวะ!

เสียงจบดังสนั่นลั่นไปทั่วทั้งห้างยอดโอสถ

ฝ่ามือนี้ของเย่หยวนมันไม่ได้แฝงปราณเทวะใด ๆ ออกมา มันเป็นพลังของกายเนื้อล้วน ๆ

แต่พลังจากกายเนื้อมันกลับรุนแรงได้ปานนี้?

เพราะฝ่ามือนี้มันส่งร่างของเฮ่อเซียงหยุนลอยปลิวออกไป

เทพสวรรค์กู้หงและหยางเฟยเอ๋อที่อยู่ไม่ไกลออกไปต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง มองภาพตรงหน้าอย่างไม่คิดอยากเชื่อสายตา

เย่หยวนที่เป็นแค่เทพถ่องแท้หกดาวกลับตบหน้าเทพถ่องแท้เก้าดาวอย่างเฮ่อเซียงหยุนจนปลิวด้วยฝ่ามือเดียว?

เย่หยวนก้าวเดินตามออกไปหยุดตรงหน้าเฮ่อเซียงหยุนด้วยมือไขว้หลัง “เมื่อกี้เจ้ากล่าวว่าใดนะ? จะคืนความอับอายที่ข้าเคยมอบให้?”

เฮ่อเซียงหยุนนั้นเจ็บปวดใบหน้าอย่างรวดร้าวจนไม่อาจสัมผัสใด ๆ ได้อีก

ตอนนี้ครึ่งใบหน้าของนางนั้นมันปวดช้ำม่วงเขียวไม่ต่างจากหัวหมู

นางนั้นยกมือขึ้นมาปิดหน้านั้นของตนก่อนจะหันไปมองเย่หยวนอย่างมึนงง

มิติเยือกแข็งของนางนั้นมันแช่แข็งได้แม้แต่อากาศ แต่เย่หยวนกลับเดินผ่านมาง่าย ๆ เช่นนั้น?

มันเป็นไปได้?

เหตุผลที่นางคิดแช่แข็งเย่หยวนนั้นก็เพื่อที่จะตอบแทนความอับอายที่นางเคยได้รับมาก่อนหน้า

ใครจะไปคิดฝันว่ามิติเยือกแข็งของนางกลับไม่มีผลใด ๆ ต่อตัวเย่หยวนแม้แต่น้อย

มีหรือที่เฮ่อเซียงหยุนจะเข้าใจได้ว่าเย่หยวนนั้นเข้าใจแหนวคิดแห่งห้วงมิติอย่างลึกล้ำปานใด? แม้แต่เทพสวรรค์เองก็ยังเทียบเขาไม่ได้ในเรื่องนั้น

นางนั้นเพิ่งจะเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้เล็กน้อยผ่านจากจุดสูงสุดของแนวคิดแห่งน้ำแข็ง มีหรือจะเทียบเคียงกับเย่หยวนได้?

“ข้า…ข้าจะฆ่าเจ้า!” หลังจากหายตื่นตะลึงเฮ่อเซียงหยุนก็เปลี่ยนความอับอายกลายเป็นความแค้น ใช้จิตสังหารออกมาทันที

ในสายตาของนางแล้วเมื่อสักครู่ที่ผ่านมามันคงเป็นความประมาทของนาง มันย่อมไม่มีทางใดที่เย่หยวนจะเทียบเคียงตัวนางได้

“ศรน้ำแข็งอนันต์!”

เฮ่อเซียงหยุนนั้นจ้องมองออกมาอย่างโกรธแค้นวาดตราบนมือก่อนจะส่งศรน้ำแข็งนับไม่ถ้วนออกมาพร้อมด้วยการปิดกั้นมิติภายนอก

ต่อให้จะเป็นเทพถ่องแท้เก้าดาวแต่หากติดอยู่ภายในกระบวนท่านี้ พวกเขาก็ต้องบาดเจ็บหนักหรือไม่ก็ถึงตาย

นางนั้นเร็วมาก แต่เย่หยวนนั้นเร็วกว่า!

เมื่อเฮ่อเซียงหยุนเริ่มวาดตรา เย่หยวนก็ขยับตัวไปก่อนแล้ว

ผัวะ!

เสียงตบดังขึ้นอีกครั้ง

เย่หยวนมองดูที่ร่างของเฮ่อเซียงหยุนด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “ฆ่าข้า? แค่ด้วยฝีมืออย่างเจ้านี้?”

ที่ด้านข้างทางเทพสวรรค์กู้หงนั้นได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ

นี่มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเย่หยวนลงมือต่อสู้ และเพิ่งจะได้รู้ว่าอาจารย์ของตนเก่งกาจปานนี้!

ด้วยสายตาของเทพสวรรค์ เขาย่อมจะมองออกว่าเย่หยวนนั้นใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติและยังมีร่างกายที่ถูกบ่มเพาะมาอย่างดีจนถึงกายทองคำระดับหกขั้นปลาย!

ที่สำคัญไปกว่านั้นกายทองคำระดับหกของเย่หยวนนี้มันยังดูแตกต่างจากกายทองคำทั่ว ๆ ไป!

หยางเฟยเอ๋อเองก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ศิษย์พี่ใหญ่ผู้เก่งกาจของนางนั้นกลับพ่ายแพ้ลงอย่างไม่อาจรับมืออีกฝ่ายได้สักกระบวนท่า

มันมิใช่แค่วิชาโอสถของอาจารย์จี้ที่เก่งกาจ แต่วิชายุทธของเขาเองก็เหนือล้ำไม่แพ้กัน นี่มันปีศาจจากนรกขุมไหนกัน!

แต่ในเวลานั้นนางเองก็ย่อมจะไม่อาจทนเฉยได้อีก รีบพุ่งตัวเข้าไปขวางทางเย่หยวนไว้

เย่หยวนที่เห็นต้องขมวดคิ้วแน่น “เจ้าจะหยุดข้า?”

หยางเฟยเอ๋อได้แต่ยืนหน้าซีด ตัวนางรู้ดีว่าคงไม่อาจต้านเย่หยวนได้แม้แต่น้อย แต่นางก็ยังกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้ “ศิษย์พี่ใหญ่นั้นเสียมารยาทต่ออาจารย์จี้ ข้า… ข้าต้องขออภัยแทนนางด้วย หวังว่าอาจารย์จี้จะมีเมตตา”

ในเวลานี้ทางเทพสวรรค์กู้หงเองก็พูดเสริมขึ้นมา “อาจารย์ ท่านรอก่อน! เจ้าเฟิงเทียนหยางผู้นั้นในตอนนี้มันคิดจะใช้ท่านเป็นตัวอย่างให้ผู้คนทั้งหลาย หากท่านสังหารเฮ่อเซียงหยุนลงแล้วมันจะไม่เป็นไปตามแผนของมันหรือ?”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยิ้มขึ้นมา “โอ้? เช่นนั้นหากข้าอยากเป็นศัตรูกับเฟิงเทียนหยางผู้นี้ เจ้าจะเลือกฝ่ายใด?”

ในเวลานี้มันมาถึงช่วงการตัดสินแล้ว การกระทำใด ๆ ของกู้หงก่อนหน้านี้เย่หยวนย่อมมองเห็นมันสิ้น

เฮ่อเซียงหยุนนั้นมาในนามเฟิงเทียนหยาง แต่เมื่อสักครู่ตอนที่นางคิดลงมือทำร้ายตัวเขา กู้หงกลับคิดจะเข้ามาปกป้องตัวเขา

เมื่อได้เห็นเช่นนั้นเย่หยวนย่อมจะพอรู้สึกได้ว่ากู้หงนั้นภักดีต่อเขาไม่น้อย

กู้หงได้แต่ถอนหายใจยาวออกมาพร้อมส่ายหัว “มันไม่มีประโยชน์! เฟิงเทียนหยางนั้นมันย่อมไม่มีค่าใด เพียงแค่ว่าเบื้องหลังของมันนั้นเป็นเทพสวรรค์ห่าวเฟิง ยอดคนอันดับหนึ่งในแห่งทุ่งราบสุดอุดรนี้ ต่อให้ข้าจะยอมยืนข้าอาจารย์ แม้จิตใจของข้ามันจะอยากเพียงใด แต่ฝีมือของข้านั้นมันไม่มากพอจะช่วยเหลือใด ๆ!”

สำหรับเทพสวรรค์กู้หงแล้ว ชุมวายุไพศาลนั้นคือยักษ์ใหญาอย่างแท้จริง

ห้างยอดโอสถใด ๆ นี้มันย่อมไม่อาจจะไปเทียบเคียงกับชุมวายุไพศาลทั้งหมดทั้งมวลได้

แม้ว่าเขาจะเป็นถึงเทพสวรรค์ แต่ตัวเขาก็ยังต้องก้มหัวให้คนทั้งหลายนั้น!

เย่หยวนหันไปมองกู้หงด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่ถามเข้าว่า หากข้าคิดจะทำศึกกับเฟิงเทียนหยางนี้ เจ้าจะเลือกฝ่ายใด?”

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะดูท่าทางสบาย ๆ แต่กู้หงนั้นย่อมเข้าใจดีว่าเวลานี้เย่หยวนได้ตัดสินใจลงไปแล้ว

ตอนนี้มันเป็นเวลาของเขาแล้วว่าจะเลือกฝ่ายใด

จะยืนอยู่ข้างเย่หยวนสู้จนตัวตาย หรือทรยศเย่หยวนและไปยืนข้างเฟิงเทียนหยาง

แต่ศึกนี้มันไม่มีโอกาสใดที่จะชนะได้เลย!

แค่ตัวเขาคนเดียวนี้ หนึ่งเทพสวรรค์ผู้นี้มันจะเพียงพอ?

หากถึงจุดทำสงครามแท้จริงแล้วอย่าว่าแต่เหล่าเทพสวรรค์ในชุมวายุไพศาลทั้งหลาย แม้แต่เหล่าเทพสวรรค์ของชุมเก้าสายเองก็คงหันไปยืนข้างเฟิงเทียนหยางสิ้น

เทพสวรรค์กู้หงนั้นได้แต่คิดหนักอยู่ในใจ ดูท่าคงลังเลอย่างมากมายมหาศาล

เขานั้นย่อมไม่คิดจะทรยศกลายเป็นศัตรูกับเย่หยวน แต่การเสียสละที่ไร้ค่าใดเช่นนี้ เขาย่อมไม่อาจจะทำใจได้!

เย่หยวนเองก็ไม่ได้คิดเร่งรีบใด ๆ เขาแค่มองดูเทพสวรรค์กู้หงอย่างเรียบเฉย รอฟังคำตอบของอีกฝ่าย

ในเวลานั้นเองที่ทางเฮ่อเซียงหยุนได้เริ่มลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง “ลำพังแค่เจ้าเทพถ่องแท้น้อย ๆ คนหนึ่งมีหรือจะไปเป็นศัตรูกับท่านเทียนหยางได้? เจ้าคนโง่ไร้สมอง! นังลู่เอ๋ออยู่ที่ไหน? ไปเรียกนางออกมาเดี๋ยวนี้!”

ผัวะ ผัวะ ผัวะ…

หยางเฟยเอ๋อยังไม่ทันจะได้ขยับตัวพูดห้ามใด ๆ เย่หยวนก็พุ่งตัวไปถึงหน้าเฮ่อเซียงหยุนเรียบร้อยแล้ว

เสียงตบเป็นชุดดังสนั่นขึ้นจนทำให้ทั้งน้ำลายทั้งเลือดเริ่มไหลย้อมลงเต็มหน้าของเฮ่อเซียงหยุนจนแทบสลบลง

หลังจากผ่านไปไม่รู้กี่ฝ่ามือ เย่หยวนก็หยุดลง

เมื่อได้เห็นหัวบวม ๆ ของเฮ่อเซียงหยุนนั้น เย่หยวนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมถาม “รู้หรือไม่ว่าทำไมข้าตบตีเจ้า?”

เฮ่อเซียงหยุนนั้นแทบไม่ได้สติควบคุมตนเอง เมื่อได้ยินนางจึงส่ายหัวออกมา

นางนั้นก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเหตุใดเย่หยวนต้องเล็งนางหนักหน่วงปานนี้ ทางหยางเฟยเอ๋อก็ยืนอยู่แค่นั้นแต่เย่หยวนกลับไม่แตะต้องนางเสียด้วยซ้ำ หรือเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นแค่เพราะนางไปว่ากล่าวเขา?

เย่หยวนยิ้มออกมาพร้อมกล่าวขึ้น “เพราะข้า…มีนามว่าเย่หยวน”

……………….