เย่หยวน?
เย่หยวนไหน?
เพราะเฮ่อเซียงหยุนนั้นถูกเย่หยวนตบจนแทบสิ้นสติตอนนี้สมองของนางจึงยังไม่อาจทำงานได้ดีนัก
แต่ตอนนี้เป็นทางหยางเฟยเอ๋อที่ร้องออกมาแทนพร้อมสายตาไม่คิดอยากเชื่อ “เย่หยวน? เจ้า…เจ้าคือนายน้อยที่ลู่เอ๋อเคยพูดถึง…เย่หยวนผู้นั้น?”
เย่หยวนพยักหน้าออกมาด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว มันคือข้าเอง! ศิษย์พี่เฟยเอ๋อ เวลาพันปีที่ผ่านมานี้ข้าต้องขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือดูแลลู่เอ๋อมาตลอด”
พูดไปเย่หยวนก็ก้มหัวลงต่อหน้าหยางเฟยเอ๋ออย่างเต็มตัว
การก้มหัวครั้งนี้ของเขา มันมาจากใจของเย่หยวน
เวลาพันปีมานี้หากไม่มีหยางเฟยเอ๋อดูแลแล้วลู่เอ๋อคงไม่อาจรักษาชีวิตมาได้ถึงวันนี้
หยางเฟยเอ๋อนั้นได้แต่ยืนนิ่งอย่างตื่นตะลึง “นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน? ศิษย์น้องซุนไปตามหา…ด้วยฝีมือขนาดนี้มีหรือที่ศิษย์น้องซุนจะเทียบเคียงได้?”
พูดมาได้ถึงตรงนี้หยางเฟยเอ๋อก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมส่ายหัว
พวกนางทั้งหลายนั้นคิดว่าเย่หยวนเป็นแค่ขยะถูกรังแกได้ง่ายดาย ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นจะมีกำลังฝีมือที่มากเหนือล้ำกว่าศิษย์พี่เฮ่อเซียงหยุนของพวกนาง
เพราะไม่ว่าอย่างไรความเร็วในการบ่มเพาะของลู่เอ๋อนั้นมันก็เหนือล้ำอย่างมาก ก้าวจากอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขึ้นถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ด้วยเวลาแค่พันปี
จะมีใครในหอเมฆาน้ำแข็งคิดบ้างว่านายน้อยของนางนั้นกลับจะมีความเร็วในการบ่มเพาะที่เหนือล้ำเสียยิ่งกว่านาง?
แม้ว่าพลังบ่มเพาะของเขานั้นมันจะอ่อนแอมากแต่พลังการต่อสู้ที่แท้นั้นมันกลับเหนือล้ำฟ้า ใช้พลังจากกายเนื้อบดขยี้เฮ่อเซียงหยุนเทพถ่องแท้เก้าดาวผู้นี้ลงอย่างง่ายดาย
พรสวรรค์ขนาดนี้มันมิใช่แค่น่ากลัวแล้ว
ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนยังเป็นถึงจอมเทพโอสถผู้เก่งกาจ กวาดล้างวงการโอสถของทุ่งราบสุดอุดรได้อย่างง่ายดายจนจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายได้แต่ต้องก้มหัวให้
ความตื่นตะลึงในใจของหยางเฟยเอ๋อเวลานี้มันมากมายจนเกินกว่าจะรับ
คนเช่นนี้มันก็มีในโลกหล้าด้วยหรือ?
“จ-เจ้าคือเย่หยวน!” เฮ่อเซียงหยุนร้องขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
แม้ว่านางจะยังไม่อาจคิดอะไรได้มากมาย แต่มันก็ยังเป็นเสียงที่แฝงล้ำไปด้วยความหวาดกลัว
เฮ่อเซียงหยุนนั้นเข้าใจเสียทีว่าเหตุใดเย่หยวนจึงได้พยายามสร้างความผิดให้นาง คิดจะลงโทษนางอย่างหนักหนา
ที่แท้แล้วเขาทำไปก็เพื่อแก้แค้นให้ลู่เอ๋อ!
เป้าหมายที่พวกนางเคยคิดว่าจัดการได้ง่ายดายมันกลับมาปรากฏตัวในทุ่งราบสุดอุดรนี้พร้อมจัดการพวกนางเสียเอง
นี่มันคือเรื่องราวที่ไปเล่าให้ใครฟังเขาก็คงไม่คิดเชื่อ
เหมือนดั่งเวลาเห็นไกล ๆ ตัวเล็กเป็นมด พอเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายนั้นมันกลับกลายเป็นยักษ์ใหญ่ราวขุนเขา
ความกลัวเช่นนั้น ความตื่นตะลึงเช่นนี้ มันมิอาจจะใช้คำพูดใด ๆ มาอธิบาย
“หึ ๆ เจ้าเองก็ด้วย! ในเวลาพันปีมานี้ข้าคงต้องขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยดูแลลู่เอ๋ออย่างดี แน่นอนว่าเพื่อเป็นการตอบแทนข้าย่อมจะส่งเจ้าไปลงนรกให้เอง”
เย่หยวนชี้นิ้วออกมาทำลายร่างของเฮ่อเซียงหยุนลงดับสิ้นทั้งลมหายใจและวิญญาณ
ในเวลานี้หยางเฟยเอ๋อก็เริ่มตั้งสติขึ้นมาได้และแม้จะยังกลัวเย่หยวนอยู่ไม่น้อยแต่นางก็พูดขึ้น “จ-เจ้ารีบพาลู่เอ๋อไปเถอะ แม้ตอนนี้เฟิงเทียนหยางจะยังไม่รู้เรื่องของเจ้าแต่เขาก็คิดจะเอาตัวลู่เอ๋อไปพร้อมจัดการเจ้าเสียแล้ว หากเขารู้ถึงความสัมพันธ์ของเจ้ากับลู่เอ๋อ เขาคงไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!”
เมื่อหยางเฟยเอ๋อรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเย่หยวนนางก็ได้แต่คิดจะให้คนทั้งสองรีบหนีไป ยิ่งไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
เพราะไม่ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจปานใด เขาก็เป็นแค่เทพถ่องแท้
ในชุมเก้าสายนี้มันมีเทพสวรรค์อยู่รวมกันในเวลานี้ถึงสิบคน
หากคนทั้งหลายรู้ คนทั้งหลายสองคงไม่อาจหนีรอดใด ๆ ได้อีก
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มขึ้นมา “หนี? ทำไมต้องหนี? หากข้าอยากหนีข้าคงไปตั้งนานแล้ว เหตุที่ข้ายังอยู่ก็เพื่อที่จะพบเจอกับเจ้าเฟิงเทียนหยางผู้นี้ ข้าแค่อยากรู้ว่ามันเป็นคนอย่างไร”
หยางเฟยเอ๋อนั้นคิดว่าเย่หยวนคงไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ยอมหนีไป “ตอนนี้มันมิใช่เวลามาดื้อรั้นนะ เฟิงเทียนหยางนั้นมีฝีมือระดับที่ศิษย์พี่ใหญ่ไม่อาจเทียบเคียงได้ ที่สำคัญเขายังพาเทพสวรรค์มากับเขาถึงสองคน”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาอย่างไม่คิดตอบกลับใด ๆ อีก เขาหันกลับไปหาเทพสวรรค์กู้หงด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดเสร็จหรือยัง? หากตัดสินใจได้ก็จงสาบานต่อเต๋าสวรรค์เสีย เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”
เทพสวรรค์กู้หงนั้นได้แต่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่สงเสียงใด ๆ ตลอดการสนทนาของคนทั้งสามพร้อมด้วยคลื่นลมอันปั่นป่วนเต็มหัวใจ
แม้ว่าตัวเขาจะไม่ทราบเรื่องราวใด แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่าเหตุผลที่เย่หยวนเดินทางมายังชุมเก้าสายนี้มันก็เพื่อจะเอาตัวลู่เอ๋อไปเท่านั้น!
ช่างเป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่นัก!
คนชุมเก้าสายทั้งหมดทั้งสิ้นต่างได้แต่เต้นไปบนฝ่ามือของเย่หยวน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพสวรรค์ปิงหยุนที่ถึงขั้นส่งเป้าหมายอย่างลู่เอ๋อออกมาอย่างไม่รู้เรื่องราว
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเขาเองก็คงไม่มีทางเชื่อได้ว่าเทพสวรรค์แห่งทุ่งราบสุดอุดรทั้งหลายนั้นได้กลายเป็นแค่เครื่องมือของเย่หยวน
มันช่างเป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่นัก!
มันช่างกล้าหาญยิ่งนัก!
มันช่างเป็นแผนการที่เหนือล้ำนัก!
แต่ทว่าจนถึงเวลานี้กู้หงก็ยังไม่เข้าใจว่าเย่หยวนมั่นใจในเรื่องใดถึงได้คิดยืนท้าทายเฟิงเทียนหยางต่อไป
เดี๋ยวนะ!
คนอย่างเย่หยวนที่สร้างแผนการใหญ่โตเช่นนั้นได้ มีหรือที่เขาจะไม่มีทางออกให้ตัวเอง?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้กู้หงก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึก
ในเวลาหนึ่งปีมานี้ที่เขาได้ติดตามรับใช้เย่หยวน เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจเย่หยวนไม่น้อย
ไม่นึกไม่ฝันว่าในวันนี้ เขากลับได้รับรู้ถึงความจริงที่ว่าเขานั้นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเย่หยวนเลย!
ในตอนนี้ตัวเขาที่เป็นเทพสวรรค์นั้นไม่อาจจะคิดถึงเส้นทางใดที่เย่หยวนจะใช้หนีออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้ได้เลย
แต่จู่ ๆ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกอีกครั้งและตัดสินใจครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“กู้หงจะติดตามอาจารย์ไปจนวันตายอย่างไม่คิดทรยศหักหลัง! หากข้าขัดคำสาบานนี้ขอให้สวรรค์ลงโทษกู้หงด้วย!” เทพสวรรค์กู้หงร้องกล่าวขึ้น
ที่ด้านข้างเวลานี้หยางเฟยเอ๋อได้แต่เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
นางนั้นรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยจะได้พบเจอ
หลังจากเทพสวรรค์กู้หงรู้ถึงตัวตนของเย่หยวนแล้ว ตัวเขากลับยังเลือกจะสาบานต่อเต๋าสวรรค์ว่าคิดอยากติดตามเย่หยวนไป?
นี่มัน… เขาบ้าไปแล้วหรือ?
“ฉลาดมาก!” เย่หยวนยิ้มรับออกมาพร้อมโยนแผ่นหยกสองชิ้นให้แก่กู้หงและหยางเฟยเอ๋อพร้อม ๆ กันก่อนจะบอกขึ้นตาม “จากนี้ไปหากเจ้าได้เจออันตรายใด จงส่งปราณเทวะลงใส่แผ่นหยกนี้และหักมันลง ทำเช่นนั้นแล้วเจ้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”
เทพสวรรค์กู้หงได้แต่เบิกตากว้าง ได้แต่คิดว่าตัวเองคงคิดไม่ผิดแล้ว!
เพียงแค่ว่าแผ่นหยกน้อย ๆ นี้มันจะช่วยให้หนีรอดพ้นจากมือของเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายได้หรือ?
ทางนั้นมันมีเทพสวรรค์หลัวเฟิง เทพสวรรค์ฉือหยู ทั้งสองคนนั้นเป็นถึงเทพสวรรค์สามดาว!
…
เวลากว่าชั่วโมงได้ผ่านไป ตอนนี้ภายในหอเมฆาน้ำแข็งเฟิงเทียนหยางได้ค่อย ๆ เบิกตาขึ้น “ดูท่ามันคงเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! ดูท่าเจ้าจี้ฉิงหยุนคนนี้มันจะไม่รู้เสียแล้วว่าใครกันที่ปกครองแดนสุดอุดรนี้!”
ที่ด้านข้างเทพสวรรค์ปิงหยุนก็ได้กล่าวเสริมขึ้น “เจ้าเด็กคนนั้นมันไม่คิดสนใจใครอยู่แล้ว มันมิใช่คนที่จะยอมแพ้ลงจนกว่าจะได้ไปนอนในโลงศพนั่นแหละ! แต่ว่านะ…หากให้พูดกันจริง ๆ ไม่ว่าจะอย่างไรเซียงหยุนก็น่าจะลากตัวมันกลับมาได้ หรือว่าพี่กู้หงจะเข้าขัดขวาง?”
เฟิงเทียนหยางนั้นได้แต่เบะปากขึ้น “ข้าว่ากู้หงมันเองก็คงสติฟั่นเฟือนไปแล้ว กลับไปกราบเทพถ่องแท้เช่นนั้นเป็นอาจารย์ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นถึงเทพสวรรค์! ท่านลุง ไปดูกันหน่อยเถอะ หากเจ้ากู้หงนั้นมันไม่คิดรับน้ำใจเราก็จัดการมันทิ้งไปด้วยเสียเลย!”
เทพสวรรค์หลัวเฟิงพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามออกไป
เมื่อได้เห็นว่าเฟิงเทียนหยางเดินจากไปด้วยจิตสังหารเช่นนั้นทางเทพสวรรค์ปิงหยุนก็ถอนหายใจยาวขึ้น
นางนั้นคิดว่าเย่หยวนและกู้หงนั้นน่ารำคาญมานานแสนนาน ครั้งนี้นางกลับสามารถยืมดาบฆ่าคนได้อย่างไม่ต้องออกแรงใด ๆ ชุมเก้าสายจะกลับมาสู่ความสงบได้อีกครั้งแล้ว
เหล่าเทพสวรรค์และเทพถ่องแท้ทั้งหลายเดินทางมาจนถึงห้างยอดโอสถด้วยท่าทางเตรียมรบเต็มที่ แต่กลับพบว่าหน้าห้องโถงนั้นมันเพิ่งจะเกิดการต่อสู้ขึ้น
และในเวลานี้ห้างยอดโอสถมันไร้ซึ่งผู้คนไปเรียบร้อย
มีเพียงแค่บนบัลลังก์นั้นที่เย่หยวนได้นั่งไขว่ห้างอยู่พร้อมดื่มสุราอย่างสบายใจ
โดยมีเทพสวรรค์กู้หงและหยางเฟยเอ๋อยืนรับใช้อยู่สองด้านซ้ายขวา
…………….