คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1715

แดร์ริลสังเกตว่าอุโมงค์ลับนั้นยาวและลึกมาก ทั้งสองด้านของกำแพงหินมีเทียนอยู่ เขาไม่รู้เลยว่าอุโมงค์อันแสนคดเคี้ยวนี้จะพาไปที่ไหน?

‘ที่นี่ที่ไหนล่ะเนี่ย?’

แดร์ริลขมวดคิ้ว พร้อมกับเดินเข้าไปในอุโมงค์อย่างไม่ลังเล

เขาไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาต่อไป เขาเองก็ไม่มีทางออกอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาเลยอยากที่จะลองเสี่ยงดู ถ้าเขาหันกลับไป เขาจะต้องเผชิญหน้ากับองครักษ์ของพระราชวังนับพันคน

หลังจากที่แดร์ริลเดินไปได้ไม่กี่นาที ในที่สุดเขาก็มาถึงปลายอุโมงค์!

‘ห้องลับขนาดใหญ่นี่!’

แดร์ริลอ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

มันเป็นห้องลับอันว่างเปล่าขนาดใหญ่จนไม่น่าเชื่อ ห้องมีพื้นที่เกือบพันตารางเมตรและสว่างไสวไปด้วยเทียน ห้องลับใต้ดินสว่างไสวราวกับช่วงตอนกลางวัน ผนังทั้งสองด้านถูกแกะสลักด้วยลวดลายมังกรและนกฟีนิกซ์ ถึงแม้ว่าลวดลายสลักจะดูเรียบง่าย แต่ก็รู้สึกได้ถึงความองอาจและงดงามจนน่าประทับใจ

‘นี่มันอะไรเนี่ย? มีคนอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?’

แดร์ริลมองไปรอบ ๆ เขาตกตะลึงอย่างมากเมื่อกวาดสายตาไปจนถึงใจกลางของห้องลับ

มีแท่นหยกทรงสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ตรงกลาง และมีชายที่แต่งตัวดูดีนั่งอยู่บนนั้น

ชายคนนั้นหันหลังให้กับแดร์ริลอยู่ เขาสวมเสื้อคลุมลายมังกรสีทองและมีรูปร่างที่กำยำ ถึงแม้ว่าแดร์ริลจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่สง่างามและทรงพลังของชายผู้นี้เล็ดลอดออกมาจากไกล ๆ

หืออ!

‘เขาคือจักรพรรดิโฮ่วอี้เหรอ?’

ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นใบหน้าของเขาก็ตาม แต่แดร์ริลก็จำได้ทันทีว่าชายผู้นี้คือจักรพรรดิโฮ่วอี้ ผู้ปกครองทวีปโมอาน่าเหนือทั้งหมด

โอ้ ไม่นะ…

‘ในบรรดาสถานที่ทั้งหมดที่ฉันสามารถไปได้ ทำไมฉันถึงต้องมาในที่ที่จักรพรรดิโฮ่วอี้กำลังฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ด้วยนะ? นี่ฉันกำลังวอนหาที่ตายชัด ๆ เลยใช่ไหมเนี่ย?’

แดร์ริลยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ เขาอยากจะร้องไห้ออกมา

ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมถึงไม่มีองครักษ์อยู่รอบ ๆ ห้องนั้น มันเป็นห้องลับที่จักรพรรดิโฮ่วอี้ใช้ฝึกฝนนั่นเอง

แดร์ริลอยากจะหันหลังกลับและวิ่งหนีไปหลังจากที่เขารู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากเสียแล้ว แต่ทว่าในขณะที่เขากำลังจะออกตัววิ่ง เขาก็รู้สึกถึงออร่าอันทรงพลังที่แผ่ซ่านไปทั่วห้องจากจักรพรรดิโฮ่วอี้ แรงกดดันจากออร่านั้นท่วมท้นจนแดร์ริลรู้สึกว่าขาของเขาถูกยึดอยู่กับพื้น เขาไม่สามารถที่จะยกเท้าเพื่อก้าวขาออกไปได้

แดร์ริลรู้สึกแปลกใจเพราะจักรพรรดิโฮ่วอี้ยังคงนั่งอยู่กับที่และไม่ได้ลุกขึ้นยืน เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนใด ๆ

แต่ละนาที แต่ละวินาทีที่เวลาได้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

หลังจากที่แดร์ริลยืนมาสักระยะหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าขาของเขาเริ่มชา แต่จักรพรรดิโฮ่วอี้ยังคงไม่ขยับเขยื้อน

แดร์ริลไม่รู้ว่าจักรพรรดิโฮ่วอี้สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเขาได้ในทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้องลับ จักรพรรดิไม่ตอบสนองเพราะเขาได้เข้าสู่ขั้นสำคัญของการบ่มเพาะของเขา และไม่อาจให้ความผิดพลาดใด ๆ ได้

ทักษะที่จักรพรรดิโฮ่วอี้กำลังฝึกฝนเรียกว่า ปราณราชันย์ กระบวนท่านี้จะสำเร็จได้ด้วยความสงบในจิตใจ ถ้าเขาถูกรบกวนหรือขัดจังหวะ มันจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาได้

ดังนั้น ถึงแม้ว่าจักรพรรดิโฮ่วอี้จะสัมผัสได้ว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในห้องลับของเขา เขาก็ไม่อาจลุกขึ้นมาจัดการกับคนเหล่านั้นได้

จักรพรรดิโฮ่วอี้อยู่ในะหว่างการบ่มเพาะ และเขาอยู่ในขั้นตอนที่สำคัญ! และในที่สุด แดร์ริลก็รับรู้ได้ว่าจักรพรรดิจะต้องอยู่ในช่วงกลางของการบ่มเพาะเป็นแน่ และเขาต้องอยู่ในขั้นตอนสำคัญของกระบวนการนั้น นั่นจึงอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงไม่สนใจแดร์ริลเลยสักนิด

แดร์ริลอยากจะก้าวออกไปข้างหน้าและอยากจะอัดฝ่ามือเข้าโจมตีจักรพรรดิโฮ่วอี้ เพื่อสังหารเขา ตั้งแต่แดร์ริลช่วยจูปาเจี๋ยออกมา จักรพรรดิก็ส่งกงกงตามล่าหาพวกเขาทุกหนทุกแห่ง

ตราบใดที่จักรพรรดิโฮ่วอี้ยังมีชีวิตอยู่ กงกงก็จะตามล่าพวกเขาเสมอเพราะมันเป็นคำสั่งของเขา ดังนั้นเมื่อแดร์ริลตระหนักว่าจักรพรรดิโฮ่วอี้อยู่ในช่วงสำคัญของการบ่มเพาะ เขาเลยอยากแอบลอบโจมตีและสังหารเขาซะ!

แต่ทว่าแดร์ริลก็เปลี่ยนใจ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจักรพรรดิโฮ่วอี้ ฝึกฝนบ่มเพาะจนสำเร็จในตอนที่แดร์ริลจู่โจมล่ะ? แดร์ริลไม่อยากเสี่ยงในการที่จะต้องโต้ตอบกลับ พลังภายในของเขาเองก็ยังคงไม่ฟื้นตัว ดังนั้นเขาจะไม่สามารถซ่อนหรือป้องกันตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เลย

แล้วจู่ ๆ แววตาของแดร์ริลก็เปร่งประกาย เขานึกอะไรบางอย่างออกแล้ว

เขาสามารถรบกวนสภาพจิตใจของจักรพรรดิโฮ่วอี้และนำเขาไปสู่ความพินาศได้! แดร์ริลหัวเราะ เขารู้เทคนิคการเลียนเสียงเพื่อที่จะได้เลียนแบบเสียงของจู ปาเจี๋ยและฉางเอ๋อ และสร้างฉากที่พวกเขากำลังออกเดตกัน!

จักรพรรดิโฮ่วอี้ทรงรักฉางเอ๋ออย่างสุดซึ้ง ถ้าเขาได้ยินว่าฉางเอ๋อคบหาดูใจกับชายอื่น เขาจะต้องโกรธแน่ ๆ นั่นอาจทำลายการบ่มเพาะของเขาได้

‘ใช่แล้ว ฉันใช้วิธีนี้ได้นี่’

หลังจากที่เขาตัดสินใจได้แล้ว แดร์ริลก็ค่อย ๆ ถอยห่างออกจากจักรพรรดิโฮ่วอี้

หลังจากที่เขาถอยห่างจากจุดเดิมไปมากกว่าสิบเมตร แดร์ริลก็กระแอมในลำคอและเริ่มเลียนแบบเสียงของฉางเอ๋อ

“จูปาเจี๋ย เราควรจะทำอย่างไรกันดี?”

หลังจากที่เขาพูดท่อนแรกจบ แดร์ริลก็เลียนแบบเสียงของจูปาเจี๋ย “อย่าได้กลัวไปเลย ฉางเอ๋อผู้งดงามของข้า ดูเหมือนว่าโฮ่วอี้จะอยู่ในช่วงสำคัญของการบ่มเพาะของเขา ในเมื่อเขารู้แล้วว่าพวกเรากำลังแอบคบหาดูใจกันอยู่ เขาจะต้องมาพรากพวกเราหลังจากที่เขาบ่มเพาะเสร็จแล้วอย่างแน่นอน ทำไมเจ้าไม่มากับข้าล่ะ? หนีไปด้วยกันเถอะ”

หลังจากนั้นแดร์ริลก็เลียนแบบเสียงของฉางเอ๋ออีกครั้ง เขาพูดว่า “ก็ได้ค่ะ ท่านพี่จู ข้ารักท่านสุดหัวใจ ตอนที่ข้าอยู่กับโฮ่วอี้ ข้ารู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในกรงทุกวี่วัน ท่านต่างหากคือคนที่ข้ารักจริง ๆ !”

แดร์ริลพยายามเลียนแบบเสียงของจู ปาเจี๋ยและฉางเอ๋อ และเขาทำให้มันฟังดูสมจริงมาก

ถ้ามีคนอยู่ในละแวกนั้น พวกเขาเองก็คงจะตกใจ

แดร์ริลเลียนเสียงให้ฟังดูคล้ายกับจูปาเจี๋ยและฉางเอ๋อมากซะจนรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในห้องลับนั้นจริง ๆ