ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 804 พวกเจ้าเข้าใจเล่นกันนัก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

บุรุษหนุ่มสามคน มีสองคนที่ใส่อาภรณ์สีขาวเสื้อคลุมสีน้ำเงิน อีกคนหนนึ่งใส่อาภรณ์สีดำ

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็เบะปาก “เจ้าหมอนี่จะปลอมตัวทั้งทีไม่ยอมลงทุน”

สวมอาภรณ์ขาว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ขอบเสื้อคลุมขลิบดำ อายุน้อยมีชื่อเสียง หน้าตาหล่อเหลา ครอบครองตราประทับตะวัน

นี่เป็นภาพลักษณ์ที่โดยพื้นฐานแล้วแพร่หลายออกไปมากที่สุดของเยี่ยนจ้าวเกอ หากจะมีความแตกต่างตรงไหน ส่วนใหญ่จะขยายอยู่บนพื้นฐานนี้

คนสามคนตรงหน้าต่างเรียกได้ว่าหล่อเหลาทั้งสิ้น

“ชั้นสอง ชั้นสอง ชั้นหนึ่ง…” เสี่ยวอ้ายกำลังให้คะแนนตามมาตรฐานของตัวเองอย่างสนใจ จู่ๆ ก็พลันอึ้งกับที่

นางเบิกตามองภาพเหมือนเงาแสงอยู่ครึ่งวัน จากนั้นก็หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านข้าง เคลื่อนไหวแรงจนเกือบทำให้คอตัวเองเคล็ด

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ต่างมีใบหน้าตกตะลึง

เยี่ยนจ้าวเกอหยีตา “น่าสนใจ”

ด้านในเงาแสง คนที่สวมรอยเป็นเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสามคน สองคนยังพอทำเนา มีคนหนึ่งที่มองไปกลับเหมือนตัวเยี่ยนจ้าวเกอไปนั่งอยู่ที่นั่น

พวกเฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และเสี่ยวอ้ายพอเห็นแวบแรก ต่างก็ตกใจ

พวกเขาพินิจอย่างละเอียด เห็นหน้าตาของอีกฝ่ายเหมือนตัวเยี่ยนจ้าวเกอไม่ผิดเพี้ยน

เพราะว่านั่งอยู่ จึงไม่อาจเปรียบเทียบท่วงท่าได้ แต่ถ้ามองหยาบๆ กลับแทบจะเหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอ

คนทั้งสองเหมือนมาจากพิมพ์เดียวกัน

ต้องสังเกตอย่างละเอียด จึงจะพบว่า การพูดคุยและการแสดงสีหน้าของคนผู้นี้ รวมถึงนิสัยความเคยชิน ล้วนแตกต่างกับเยี่ยนจ้าวเกอ

ทว่าตัวปลอมผู้นี้แทบจะอยู่ในขั้นเปลี่ยนปลอมเป็นจริงได้

ต้องเป็นพวกเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้วยกับเยี่ยนจ้าวเกอ และคนที่คุ้นเคยกับเยี่ยนจ้าวเกอมากๆ จึงจะมองข้อบกพร่องออก

คนผู้นี้หากไปเดินผ่านพวกกู้หง กงซุนอู่ และโจวฮ่าวเซิงบนทะเลหวงเจีย พวกกู้หงถ้าหากมองแค่ผิวเผิน ไม่ได้สัมผัสคลื่นญาณจริงแท้และกลิ่นอายอย่างละเอียด เกรงว่าจะถูกหลอกเอาได้

ส่วนสถานที่ที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้จักโดยสิ้นเชิงอย่างเกาะอาทิตย์ตก ต่อให้มีภาพเหมือนเงาแสงมาเปรียบ ก็มองข้อบกพร่องไม่ออก

เยี่ยนจ้าวเกอมองคนผู้นี้พลางหัวเราะเหอะๆ “ใช้ได้ นี่จึงเรียกว่าเตรียมตัวพร้อมเพรียง รักในสิ่งที่ทำ มีความเป็นมืออาชีพ”

วินาทีนี้ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสนใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเข้าไปด้านใน แต่ให้รออยู่นอกจวนตระกูลเซี่ยต่อ เพื่อชมงิ้วใหญ่เรื่องนี้

ด้านในจวนตระกูลเซี่ยในตอนนี้ เซี่ยเลี่ยง ประมุขตระกูลที่อยู่บนที่นั่งประธาน กำลังกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะกล่าวเสียงทุ้ม “เจ้าชายพระอาทิตย์ได้ให้เกียรติมาถึง ตระกูลเซี่ยของข้าควรรู้สึกมีหน้ามีตา เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้มีความไม่ชัดเจน ไม่ทราบว่าทั้งสามท่านมีอะไรจะชี้แนะข้าหรือไม่?”

ซ้ายมือของเขา เป็นชายหนุ่มร่างสูงชะลูด สวมอารภรณ์สีขาว คลุมทับเสื้อคลุมสีน้ำเงิน

คนหนุ่มผู้นี้เอ่ยปากอย่างราบเรียบ “ข้าแซ่เยี่ยนไม่มีอะไรจะชี้แนะประมุขตระกูลเซี่ย ทว่าหากประมุขตระกูลเซี่ยมีปัญหาตรงไหน ก็สามารถเดินทางไปยังเขาโถงทอง เช่นนั้นย่อมได้รับคำตอบแน่นอน”

เขาคลึงหยกแขวนชิ้นหนึ่งในมือ บนปลายนิ้วมีแสงสว่างแวววาว

เมื่อเห็นหยกแขวนชิ้นนี้ คิ้วขาวของเซี่ยเลี่ยงก็สั่นไหวเล็กน้อย

คนผู้นี้คือคนที่เรียกตัวเองว่าเยี่ยนจ้าวเกอ ซึ่งมาถึงเป็นคนแรก

เซี่ยเลี่ยงไม่รู้จักเขา แต่จำหยกแขวนชิ้นนั้นในมือเขาได้ เป็นสิ่งของจากเขาโถงทองนั่นเอง

เยี่ยนจ้าวเกอมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเขาโถงทอง ทุกคนล้วนทราบดี เซี่ยเลี่ยงแม้ว่าจะไม่อาจยืนยันได้ว่าคนผู้นี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อีกฝ่ายก็มีของวิเศษของเขาโถงทองอยู่ด้วย อีกทั้งยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลาง จึงไม่อาจมองข้ามได้

เอกลักษณ์ภายนอกและระดับพลังฝึกปรือใกล้เคียงกับเยี่ยนจ้าวเกอในข่าวลือ เซี่ยเลี่ยงจึงเชิญให้เขาอยู่

ด้านในห้องส่วนตัวของหอสุรา อาหู่เอ่ยว่า “คุณชาย หยกแขวนของเขาเหมือนจะเป็นของจริง ข้าเคยเห็นลูกศิษย์ของเขาโถงทองไม่ต่ำกว่าหนึ่งคนพกไว้”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “สมควรใช่”

อาหู่ถามด้วยความสงสัย “เช่นนั้นเขาสวมรอยเป็นคนในเขาโถงทองไม่ดีกว่าหรือ?”

“หยกแขวนชิ้นนั้นเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แสดงสถานะของลูกศิษย์ของเขาโถงทอง มีวิธีการพิสูจน์ของตัวเอง จำเป็นต้องถ่ายเทญาณจริงแท้หรือญาณจิตราที่ได้จากการฝึกฝนวรยุทธ์ของเขาโถงทองเข้าไป หยกแขวนจึงจะมีการเปลี่ยนแปลงพิเศษ” เยี่ยนจ้าวเกอพูด

คนผู้นี้สมควรได้หยกแขวนมาโดยบังเอิญ แต่กลับไม่อาจสวมรอยเป็นคนในเขาโถงทองได้

ทว่าสามารถสวมรอยเป็นเยี่ยนจ้าวเกอได้ ถึงแม้จะลือกันว่าเยี่ยนจ้าวเกอเป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ แต่ก็เป็นแค่ข่าวลือ ต่อให้ใช้วรยุทธ์ของเขาโถงทองไม่ได้ ก็พอจะมีคำอธิบาย

เยี่ยนจ้าวเกอมีความสัมพันธ์กับทั่วทั้งเขาโถงทองไม่เลว การได้หยกแขวนมาเสมือนเป็นหลักฐาน เดินทางภายใต้การดูแลจากประมุขอาคเนย์ ถือว่าสมเหตุสมผล

เป็นเพราะเหตุผลนี้ เซี่ยเลี่ยงจึงเชื่อไปก่อนแล้ว

มิคาดไม่ทันไร กลับมีคนใส่อาภรณ์ดำมาถึง เรียกตัวเองเป็นเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกัน

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำผู้นั้นในตอนนี้นั่งอยู่ด้านขวาของเซี่ยเลี่ยง นั่งประจัญหน้ากับชายหนุ่มร่างผอมที่ถือหยกแขวนผู้นั้น

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำแค่นหัวเราะอย่างรังเกียจ “ใช้ของเช่นนี้มาพิสูจน์สถานะ รังแต่จะทำให้คนหัวเราะจนฟันหักเสียเปล่าๆ”

ชายหนุ่มสูงผอมที่อยู่ตรงข้ามกล่าวอย่างราบเรียบ “ตราประทับตะวันเป็นของวิเศษ ไหนเลยจะนำออกมาแสดงได้? ตราประทับตะวันของข้าแซ่เยี่ยนหากลงมือ นั่นคือต้องการชีวิตคน ถ้าท่านถามถึงเรื่องนี้ ท่านสามารถนำตราประทับตะวันออกมาแสดงให้ทุกคนดูได้หรือไม่?”

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำร้องเหอะ “ตัวปลอมก็คือตัวปลอม คุยโวโอ้อวด ท่านมีตราประทับตะวันหรือ? ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ นำตราประทับตะวันของท่านมากระแทกใส่ศีรษะหน่อยเป็นไร?”

ชายหนุ่มผอมสูงผู้นั้นหันไปมองเซี่ยเลี่ยง “ประมุขตระกูลอยู่ที่นี่ ข้าแซ่เยี่ยนกลับไม่อาจเสียมารยาท”

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำยืดกายขึ้น เงยหน้าหัวเราะ “เสียมารยาท?”

เขาเหลือบมองพวกเซี่ยเลี่ยง แสดงความโอหังเต็มที่ “ปล่อยให้ตัวปลอมสองคนนี้มาแสดงความยโสต่อหน้าข้า ประมุขตระกูลอย่างท่านก็ถือว่าทำตัวเสียมารยาทอย่างที่สุดแล้ว”

“ข้าเยี่ยนจ้าวเกอเดินไม่เปลี่ยนชื่อนั่งไม่เปลี่ยนแซ่ เหตุใดต้องมาพิสูจน์สถานะของตัวเองให้ผู้อื่นเห็นด้วย? น่าขันเสียจริง ข้าจะอยู่ที่นี่ ขอดูหน่อยเถอะว่าตัวปลอมเหล่านี้มีความสามารถอะไรจึงมาสวมรอยเป็นข้า”

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำชี้นิ้วไปที่ผู้อาวุโสด้านข้างเซี่ยเลี่ยง “ข้าให้เกียรติพรรคลมหายใจวาฬ ไม่เช่นนั้นข้าคงทำลายตระกูลเซี่ยของท่านไปเพราะท่านเอาข้ากับตัวปลอมสองคนนี้มาเปรียบเทียบข้า และยังสอบสวนข้าไปแล้ว ท่านคิดหรือว่าข้าทำไม่ได้”

ผู้อาวุโสด้านข้างเซี่ยเลี่ยงคือผู้อาวุโสพรรคลมหายใจวาฬ พอได้ยินดังนั้นก็นิ่วหน้าเล็กน้อย

“เจ้าชายพระอาทิตย์สยบทะเลหวงเจีย ตระกูลเซี่ยของข้าย่อมไม่อาจตอแย” เซี่ยเลี่ยงได้ยินก็ไม่มีโทสะ “ใต้เท้าหากคิดสะบัดแขนเสื้อจากไป ข้าคงตกใจ ไม่กล้ามีคำต่อว่าอะไร”

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำผู้นั้นหัวเราะเหอะๆ “ท่านไม่จำเป็นต้องซ่อนดาบไว้ในรอยยิ้ม ข้ารู้ว่าท่านคิดว่าข้าขลาดเขลา อับอายกลายเป็นโทสะ จึงกำลังยกตนข่มท่านอยู่กระมัง?”

เขาชี้ชายหนุ่มผอมสูงที่อยู่ตรงข้าม กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตราประทับตะวันเป็นของวิเศษของข้าไม่แปลกปลอม แต่เวลาข้าจะเอาชีวิตคน จำเป็นต้องพึ่งพาตราประทับตะวันตั้งแต่เมื่อใด? ท่านบอกว่าข้าเป็นตัวปลอม ท่านเป็นตัวจริง เช่นนั้นพวกเรามาประลองกันดีหรือไม่”

ทุกคนที่อยู่รอบๆ ตอนแรกคิดว่า คนที่เขาโถงทองเป็นพยานให้ สมควรเป็นตัวจริง ไม่เช่นนั้นจะไม่เพียงเป็นการล่วงเกินแค่เยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น จะเป็นการล่วงเกินเขาโถงทองไปด้วย

แต่ว่าตอนนี้เมื่อเห็นความมั่นใจเช่นนี้ของชายหนุ่มอาภรณ์ดำ ทุกคนก็ใจเต้นรัวพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอมีชื่อเสียงโด่งดัง กอปรด้วยพรสวรรค์ล้ำเลิศ พลังเหี้ยมหาญ ไม่มีคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน ทุกคนล้วนรู้ดี

การตัดสินจริงปลอมเกี่ยวกับตัวเขา ในระดับหนึ่งอาจบอกได้ว่าใครแกร่งว่า คนนั้นก็อาจเป็นตัวจริง

ด้านในห้องส่วนตัวของหอสุรา เยี่ยนจ้าวเกอห่อปาก “พวกเจ้าเข้าใจเล่นนัก”

………………..