ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 803 คนกลัวดัง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“นี่มันคนกลัวดังหมูกลัวอ้วนชัดๆ!” เยี่ยนจ้าวเกอใช้สองมือนวดแก้มของตัวเอง “มีพวกตัวบ้าบอโผล่มาเสียแล้ว”

พวกเฟิงอวิ๋นเซิงทำสีหน้าแปลกประหลาด

เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาว “อยากหัวเราะก็หัวเราะเถอะ อั้นไว้ไม่ดีต่อสุขภาพ”

อาหู่พลันอ้าปากหัวเราะขึ้น เสี่ยวอ้ายมีท่าทางเจ็บแค้น “กำลังมีคนอ้างตัวเป็นคุณชายอยู่”

นางเว้นครู่หนึ่ง “ต่อให้คุณชายจะข่มเหงบุรุษรังแกสตรีจริงๆ พวกเราก็อยู่ด้วยตลอด ไม่มีทางไม่รู้ถึงจะถูก”

เฟิงอวิ๋นเซิงตอนแรกยังอดทนได้อยู่ ครั้นได้ยินคำพูดของเสี่ยวอ้ายก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวอีก

พ่านพ่านที่อยู่ในอกของนางดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว สองอุ้งเท้าตบเข้าหากัน เหมือนกับกำลังปรบมือ

เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “พอได้แล้ว ถ้าข้าจะข่มเห่งบุรุษรังแกสตรีจริงๆ จะไม่ให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไปทำหรือ?”

เสี่ยอ้ายเบิกตากว้าง ครู่ต่อมาค่อยเอ่ยว่า “…จริงด้วย!”

นางเหลือบมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เช่นนั้นคุณชาย คนที่พูดอยู่ด้านนอกใช่ท่านหรือไม่?”

“เจ้าเดาสิ” เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตา

ทุกคนในห้องส่วนตัวทางหนึ่งถกเถียง ทางหนึ่งฟังการสนทนาของคนด้านนอก

คนหนุ่มผู้นั้นรับมือไม่ทัน “เป็นไปได้อย่างไร…เยี่ยนจ้าวเกอสามคนหรือ? นี่…นี่มัน…”

อีกฝ่ายถอนใจคำหนึ่ง “เย็นเมื่อวาน มีคนที่เรียกตัวเองว่าเจ้าชายพระอาทิตย์แสดงตัวในเมืองตกวาฬ เข้าไปในจวนตระกูลเซี่ย ต่อมาได้รับการต้อนรับจากตระกูลเซี่ย”

“มิคาด ตอนดึกของเมื่อวาน มีเจ้าชายพระอาทิตย์อีกคนมาถึงอีก ทั้งสองฝ่ายเกิดข้อพิพาท ชี้อีกฝ่ายว่าอ้างชื่อ”

“ในตอนที่เรื่องราวใหญ่โตจนไม่อาจแก้ไข ตอนเช้าของวันนี้ ก็มีคนที่สามโผล่มาอีก ตอนนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โดยสมบูรณ์แล้ว”

คนที่พูดส่ายหน้าติดต่อกัน “ประมุขตระกูลเซี่ยจึงค้นหาว่ามีคนที่เคยไปยังทะเลหวงเจีย หรือเคยเห็นภาพเหมือนเงาแสงของเจ้าชายพระอาทิตย์ตัวจริงหรือไม่?”

“เจ้าชายพระอาทิตย์สามคนล้วนประกาศว่าตัวเองเป็นตัวจริง สุดท้ายกำหนดเวลาตอนเที่ยงของวันนี้ ไต่ถามต่อหน้าผู้คน เพื่อแยกแยะจริงปลอม”

เขาทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งผุดกายขึ้น เดินออกไปนอก “จะว่าไปก็ได้เวลาแล้ว ข้าเดิมทีคิดจะมาดูเรื่องสนุกพอดี”

ด้านข้างยังมีอีกหลายคนที่ลุกขึ้นยืนเช่นกัน พากันกล่าว “ใกล้ถึงเวลาแล้วจริงๆ ด้วย ไปด้วยกันๆ”

ด้านข้างมีคนหวังดีกล่าวกับชายหนุ่มผู้นั้นว่า “ในบรรดาทั้งสามคนต้องมีสองคนปลอม ไม่แน่อาจจะปลอมทั้งหมด แต่ก็อาจจะมีเจ้าชายพระอาทิตย์ตัวจริง ท่านเองก็มาด้วยกันเถอะ ถ้าหากว่าการกระทำของตัวปลอมทำให้ชื่อเสียงของเจ้าชายพระอาทิตย์มัวหมอง ตัวจริงจะต้องไม่ยอมเลิกราแน่นอน สมควรคืนความยุติธรรมให้กับท่าน”

ชายหนุ่มได้สติ ใจเย็นลง พยักหน้า “ประเสริฐ!”

ด้านในห้องส่วนตัว เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ใช้นิ้วคลึงถ้วยชาที่ว่างเปล่าของตัวเอง

อาหู่พูดอย่างสนอกสนใจ “คุณชาย พวกเราเองก็ไปดูเถอะ”

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ไม่รีบ”

เงาแสงวูบไหว ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกปรากฏตัวในห้องเพียงชั่วพริบตา จากนั้นก็หายไปทันที

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “น่าสนใจ เมืองตกวาฬนี้มีฮวงจุ้ยแบบไหนกันแน่ ถึงได้ดึงดูดตัวปลอมมาพร้อมกันสามคน”

ถ้าหากมีแค่คนเดียวที่อ้างสถานะ กางธงใหญ่ต่างหนังพยัคฆ์ ก็อาจจะเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง

แต่การโผล่มาทีเดียวถึงสามคน และการมารวมตัวในเมืองตกวาฬแทบจะในเวลาเดียวกัน อธิบายได้ว่า คนสามคนเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน

บังเอิญที่พวกเขาเลือกวิธีการเหมือนกันอีก

ส่วนสาเหตุที่เลียนแบบตน เยี่ยนจ้าวเกอกลับคิดว่า เป็นเพราะเรื่องที่ทั้งสามคนสนใจก็คือ ตนสนิทสนมกับประมุขอาคเนย์

ครึ่งปีกว่าๆ ก่อนหน้านี้ การต้อนรับที่เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเดินทางไปยังเขาโถงทอง ก็เข้าไปในเขาได้ทันทีโดยไม่ต้องรออยู่ด้านนอก ต่อมายังได้เฉินจื้อเหลียงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง ลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ไปส่ง ก็เริ่มแพร่กระจายในเขตตะวันอาคเนย์

ไม่ว่าความเป็นมาที่เกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอในข่าวลือจะมีมากขนาดไหน การได้รับคำชมเชยจากประมุขอาคเนย์ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรต้องสงสัย

หลายๆ ครั้งนี่เท่ากับยันต์ประกาศิต ที่จะใช้ทำอะไรก็ได้ในอาณาเขตของเขตตะวันอาคเนย์

ยิ่งเป็นสถานที่เล็กๆ ยิ่งมีประโยชน์

“ตามเหตุผล คิดจะสวมรอยท่าน ความจริงยากลำบากมากไม่ใช่หรือ?” เฟิงอวิ๋นเซิงถาม “ถึงอย่างไรยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุน้อยเท่าท่าน ก็ต้องหายากเหมือนขนหงส์เกล็ดกิเลน ข้าถึงขั้นรู้สึกว่ามีแค่ท่านคนเดียวด้วยซ้ำ”

มีความสามารถเช่นนี้ ย่อมเป็นคนที่โดดเด่นมีชื่อเสียง เหตุใดต้องอ้างชื่อคนอื่นด้วย?

อาหู่เกาศีรษะของตัวเอง “อาจจะเป็นคนจากเขตเพลิงทักษิณกระมัง? เพราะพวกเขาเดินทางบนเขตตะวันอาคเนย์ได้ไม่ง่ายนัก”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ต่างเป็นไปได้ทั้งสิ้น

“การคำนวณอายุที่แท้จริงของคนผู้หนึ่งความจริงไม่ยาก แต่ก็ไม่สะดวก อย่างน้อยข้าก็รู้อยู่สองวิธีที่สามารถแปลอมแปลงในด้านนี้ได้ ขอแค่อีกฝ่ายไม่ได้มีพลังฝึกปรือสูงกว่าเจ้าเกินไป ก็ยากจะแยกแยะอายุที่แท้จริงของเจ้า”

ในอดีตเคยมีอัจฉริยะที่เป็นเด็กปลอมตัว แต่กลับมีอายุจริงไม่น้อย ทว่าการปลอมแปลงลดทอนอายุกลับใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งการให้ความสำคัญและความเคารพจากคนอื่น สำหรับหาผลประโยชน์

กระนั้นเนื่องจากความลำบากที่มีวัตถุดิบและความสามารถจำกัด เรื่องเหล่านี้จึงเป็นเรื่องหายาก นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่จะถูกเปิดโปงด้วย

อาหู่แยกเขี้ยว รินชาให้เยี่ยนจ้าวเกอไปพลาง กล่าวไปพลาง “แต่ว่าสามคนนี้ขวัญกล้าเทียมฟ้านัก ขนาดมาเจอกันเองยังกล้ามาไต่ถามกันอีกหรือ?”

คนอื่นไม่ทราบว่าสามคนนั้นเป็นตัวจริงตัวปลอม แต่พวกเขาย่อมรู้ว่าทั้งสามคนเป็นตัวปลอม

เฟิงอวิ๋นเซิงว่า “บางทีอาจเป็นเพราะว่ามีสามคน จึงมีความมั่นใจ”

ถ้าหากมีแค่สองคน ก็อาจคิดว่าอีกฝ่ายเป็นตัวจริงจนเกิดความรู้สึกขลาดเขลา

แต่การโผล่มาทีเดียวถึงสามคน เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าทั้งสามคนเป็นตัวปลอม นี่จึงมอบความกล้าในการเดิมพันให้กับแต่ละคน

หากกดดันตัวปลอมทั้งสองได้ เช่นนั้นตนก็จะเป็นตัวจริงชั่วคราว

ต่อให้ในสองคนนั้นจะมีเยี่ยนจ้าวเกอตัวจริง เช่นนั้นก็จนปัญญา

ในเมื่อมาเจอกันทางคับแคบแล้ว ก็ได้แต่บากหน้าเดินไป ไม่อาจถอยได้อีก

“เพราะการเจอกันของตัวปลอมสามคน จึงทำให้คนในเมืองตกวาฬเกิดข้อกังขา เริ่มสืบหารูปเหมือนเงาแสงของข้าอย่างเต็มกำลัง พวกเขาสามคนทำท่ามั่นใจในการพิสูจน์ ความจริงเป็นเพราะไร้ทางเลือก ต้องชิงความได้เปรียบ” เยี่ยนจ้าวเกอยื่นนิ้วออกมาวาดเป็นวงกลมวงหนึ่งกลางอากาศ

ญาณจริงแท้ทะลัก ประกอบกันเป็นภาพเหมือนเงาแสงภาพหนึ่ง แสดงภาพที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกดูอยู่

ด้านนอกจวนตระกูลเซี่ย ครั้งนี้มีคนมารวมตัวกันอยู่ไม่น้อย ทั้งหมดล้วนมาชมดูความสนุก

แต่แม้จะบอกว่าเป็นการแสดงหลักฐานต่อหน้าธารกำนัล ไต่ถามกันต่อหน้าผู้คน ทว่าในฐานะผู้ปกครองเมืองตกวาฬ ตระกูลเซี่ยย่อมไม่ได้ให้ทุกคนเข้ามาได้

มีแต่ขุมกำลังและผู้คุมหางเสือที่มีสถานะและตำแหน่งประมาณหนึ่งในเมืองตกวาฬเท่านั้นถึงจะเข้ามาในจวนได้

คนอื่นๆ ล้วนรอข่าวอยู่ด้านนอกจวน

การรอฟังข่าวที่หอสุราก็มีค่าเท่ากัน แต่คนที่ชอบเรื่องสนุกย่อมหวังจะได้รับข่าวในทันที

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่รีบร้อน ไม่ได้เข้าไปด้านใน มันเพียงกวาดดวงตา สายตาก็ทะลุค่ายกลป้องกันของจวนตระกูลเซี่ย มองเหตุการณ์ด้านในได้แล้ว

มีนเห็นคนกลุ่มหนึ่งแยกนั่งประจัญหน้ากันอยู่สี่ด้าน บนที่นั่งประธานนั่งไว้ด้วยคนของพรรคลมหายใจวาฬและคนในตระกูลเซี่ย

อีกสามด้าน ต่างคนต่างมีกลุ่มของตัวเอง แต่คนที่สะดุดสายตาที่สุด ก็คือบุรุษที่ภายนอกอ่อนเยาว์สามคน

……………………….