ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 802 เยี่ยนจ้าวเกอสามคน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ไม่รู้จริงๆ ว่าเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ถึงกับสร้างชื่อเสียงได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ คนในทะเลหวงเจียถึงขั้นเล่าลือมาถึงหมู่เกาะอาทิตย์ตกของพวกเรา”

ชื่อของตนพลันลอยเข้ามาในหู เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตาปริบๆ รวบรวมสมาธิตั้งใจฟัง

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และเสี่ยวอ้ายที่อยู่ด้านข้างสบตากัน

พลังฝึกปรือของคนที่พูด เป็นปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกคนหนึ่ง และปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในคนหนึ่ง

ด้านข้างเขา ยังนั่งไว้ด้วยจอมยุทธ์ระดับหลอมกายอีกหลายคน น่าจะเป็นคนรุ่นหลังของพวกเขา

ได้ยินปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกผู้นั้นเอ่ยว่า “เจ้าชายพระอาทิตย์แม้จะยังอ่อนเยาว์ กลับเลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ ทางที่ดีอย่างเรียกชื่อเขาตรงๆ จะดีกว่า”

“เจ้าพูดถูก” ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกผู้นั้นน้ำเสียงขลาดเขลาเล็กน้อย “แสดงว่าตอนนี้เขาอยู่ในขั้นรวมรูปหรือ?”

ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกว่า “ถึงแม้จะมีคนที่คิดว่าต้องรอเขาบรรลุขั้นสะพานเซียนก่อน จึงจะแบกรับชื่อ ‘เจ้าชายพระอาทิตย์’ ได้ อย่างน้อยก็ต้องบรรลุขั้นเทวะสำแดง กระนั้นนั่นเอาไว้ใช้กับยอดฝีมือที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาเท่านั้น”

“คนที่อยู่ในสำนักเล็กๆ อย่างพวกเรา มีพลังฝึกปรือตื้นเขิน ควรจะให้ความเคารพหน่อยจะดีกว่า เจ้ารู้หรือว่าคำพูดในวันนี้จะไม่ไปเข้าหูคนอื่น”

ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในที่อยู่ตรงข้างเขาพยักหน้าช้าๆ “ควรจะเป็นเช่นนั้น เมื่อครู่ข้าวู่วามไป”

เยี่ยนจ้าวเกอฟังพร้อมกับลูกคางของตัวเอง

อาหู่หัวเราะเหอะๆ ส่งกระแสเสียงเอ่ยว่า ‘คุณชาย ‘เจ้าชายพระอาทิตย์’ ที่ว่านี้ คงเป็นท่านกระมัง? ท่านสร้างชื่อยิ่งใหญ่โลกในโลกซ้อนโลกไปแล้วจริงๆ’

เฟิงอวิ๋นเซิงหัวเราะ ‘สมควรเป็นเพราะตราประทับตะวันมากกว่า หลายคนถึงได้คาดเดาว่าท่านเป็นผู้สืบทอดของราชันพระอาทิตย์’

เก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุน สำหรับคนระดับล่างที่อยู่บนโลกซ้อนโลกแล้ว ความจริงช่างแปลกหน้าและอยู่ไกลแสนไกล

คนส่วนใหญ่ถึงขั้นไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขาด้วยซ้ำ

ตอนยังอยู่ในทะเลหวงเจีย มีหลายคนที่ไม่เข้าใจสาเหตุ ยังเป็นราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องชี้ถึงจุดนี้ก่อน

ต่อมาฉายาในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นฝุ่นเหล่านี้ รวมถึงชื่อของราชันพระอาทิตย์เกาหาน ถึงปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

หากพูดในมุมมองอื่น กลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอช่วยสร้างชื่อให้กับราชันพระอาทิตย์อีกครั้ง

และหลังจากผู้คนสืบหาข่าวสาร และทำความเข้าใจกับข้อมูลคร่าวๆ แล้ว ก็พบว่าเยี่ยนจ้าวเกอถึงกับมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวตนในตำนานที่แข็งแกร่งมาเนิ่นนานนี้ จึงยิ่งรู้สึกสนใจในตัวเยี่ยนจ้าวเกอมากขึ้น

ทั้งส่องฝ่ายส่งเสริมชื่อเสียงของกันและกัน จนกระทั่งแผ่ขยายเป็นวงกว้าง เกิดเป็นความเร็วในการแพร่กระจายอันร้อนแรง

มีการคาดคะเนมากมายต่อสถานะและความเป็นมาของเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่าสถานะลูกศิษย์ของเก้านพเคราะห์ย่อมโดดเด่นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลาง ถือครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอดอย่างตราประทับตะวัน ย่อมดึงดูดความสนใจของทุกคนถึงขีดสุด

ดังนั้นคำเล่าลือนี้จึงแพร่กระจายมากที่สุด คนที่เชื่อมีมากมาย ผู้คนต่างคิดว่าเป็นข่าวลือที่มีส่วนจริงมากที่สุด

นี่ทำให้ในขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างชื่อเสียงขึ้น ก็เริ่มมีคนตั้งฉายา ‘เจ้าชายพระอาทิตย์’ ให้แก่เขา

จนแม้แต่จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ในตอนนี้ สามารถคุยเรื่องที่เกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอและราชันพระอาทิตย์ได้หลายประโยค

“ฉายานี้รับไว้บางส่วนจะดีกว่า เพราะไม่ใช่ความจริง” เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “นอกจากนี้ข้ายังรู้สึกว่าไม่ถูกต้องอีกด้วย”

อาหู่กล่าวเตือน “คุณชายก่อนหน้านี้ท่านเคยบอกว่าบนโลกซ้อนโลกคล้ายมีคนที่กำลังลบเลือนตำนานเกี่ยวกับเก้านพเคราะห์ แต่สถานการณ์ในตอนนี้เท่ากับดำเนินไปในทางตรงกันข้ามแล้ว”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ในปัจจุบันเหมือนกับมีคนจงใจ อาศัยการสร้างชื่อของคุณชาย เพื่อลอบวางแผนในที่ลับ”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “อาจจะแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้นี้”

เขาไม่เคยกลัวการใช้ความคิดในแง่ร้ายที่สุดไปคาดคะเนคนอื่นอยู่แล้ว

ครั้งนี้ได้ยินคนที่อยู่ด้านนอกพูดว่า “แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าชายพระอาทิตย์จะมายังหมู่เกาะอาทิตย์ตกของพวกเรา อีกทั้งยังมายังดินแดนวาฬ มาถึงเมืองตกวาฬของเราแล้ว”

“หือ?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยนจ้าวเกอพลันอึ้งกับที่ “เกิดอะไรขึ้นกัน?”

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และเสี่ยวอ้ายต่างอึ้งไปเช่นกัน

พวกเขาขณะเดินทางอยู่ในหมู่เกาะอาทิตย์ตก ภายใต้การครอบคลุมจากญาณจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอ สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจและการรับรู้ของคนอื่นได้

คนที่พลังฝึกปรือไม่ถึง เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเดินส่ายอาดๆ อยู่ตรงหน้าพวกเขา อีกฝ่ายยากจะให้ความสนใจ อย่าว่าแต่การจำเขาได้เลย

ไม่เหมือนกับการซ่อนรูปร่าง แต่เป็นการทำให้อีกฝ่ายมองข้ามเยี่ยนจ้าวเกอไปโดยสัญชาตญาณ ทำให้คิดว่าเป็นคนที่ไม่ควรเปลืองความสนใจด้วย

ขอแค่เยี่ยนจ้าวเกอปรารถนา ก็สามารถโยนตัวเองเข้าไปในกลุ่มคนแล้วหายตัวไปได้ตลอดเวลา

เพียงแต่ว่าด้วยนิสัยชอบเป็นที่เตะตาของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาจึงไม่เคยทำเช่นนี้

ครั้งนี้เป็นเพราะต้องตามหาเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดา อยู่ในสถานการณ์พิเศษ เยี่ยนจ้าวเกอจึงต้องทำตัวสงบเสงี่ยม

แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ กลับถูกคนจับได้หรือ?

ถูกคนจับได้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่หากอยู่ในขั้นที่ทุกคนรู้ โดยที่เยี่ยนจ้าวเกอเองไม่รู้ตัว เช่นนี้ก็เป็นปัญหาเสียแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอสับสนงงงวย หันไปมองอาหู่

อาหู่ส่ายหน้าเหมือนกลองเขย่า “คุณชาย ข้าระวังตัวแล้ว แน่ใจว่าไม่ได้เผยร่องรอยของท่านแน่นอน”

“พิลึกแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสับสน สลัดความสงสัยในใจทิ้งไปก่อน จากนั้นก็ฟังคนที่อยู่ด้านนอกพูดต่อ

ได้ยินอีกฝ่ายที่พูดกันอยู่กล่าวว่า “เจ้าชายพระอาทิตย์อาจจะต้องการออกผจญภัยก็ได้ การมาถึงหมู่เกาะอาทิตย์ตกไม่ใช่เรื่องแปลก ในเมื่อมาถึงดินแดนวาฬแล้ว เช่นนั้นก็คงมายังเมืองตกวาฬด้วย ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีสิ่งของที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย ธุรกิจการเดินเรือเองก็เจริญก้าวหน้าด้วย”

บนโต๊ะอีกโต๊ะที่อยู่ข้างกลุ่มคนที่คุยกัน นั่งไว้ด้วยชายหนุ่มผู้หนึ่ง

ชายหนุ่มผู้นี้มีสีหน้าเคร่งเครียด สองมือที่วางบนโต๊ะกำหมัดแน่น บนหลังมือมีเส้นเอ็นปูดโปนขึ้นมา

สายตาของเขาฉายความโกรธที่สะกดไว้ไม่อยู่ ยามนี้อดตวาดขึ้นไม่ได้ว่า “เจ้าชายพระอาทิตย์อะไรกัน เป็นแค่คนเลวทราบที่กระทำตามอำเภอใจ ทำแต่เรื่องบัดซบก็เท่านั้น!”

ครั้นกล่าวจบ รอบๆ ก็พลันเงียบลงทันที

สองฝ่ายที่คุยกันอยู่ในตอนแรกขมวดคิ้ว “คำพูดของเจ้าเกินเลยไปหน่อยกระมัง?”

ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชา “ตัวลามกละโมบบุปผา อาศัยพลังฝึกปรือของตัวเอง ขืนใจภรรยาของข้า คนที่ข่มเหงบุรุษรังแกสตรี หากเป็นลูกศิษย์ของราชันพระอาทิตย์จริงๆ ก็คงทำให้ตำนานอันยิ่งใหญ่มัวหมอง สร้างความอัปยศให้กับของวิเศษอย่างตราประทับตะวัน!”

ด้านในห้องส่วนตัว เยี่ยนจ้าวเกอที่กำลังดื่มชาเกือบสำลัก

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และเสี่ยวอ้ายอ้าปากตาค้างเช่นกัน

พ่านพ่านที่ทำท่าเกียจคร้านหลับไม่ยอมตื่นในตอนแรก พลันลืมตาโตขึ้นมา

คนด้านนอกตื่นตระหนก “ที่เจ้าพูดจริงหรือ?”

ชายหนุ่มผู้นั้นพูดอย่างขุ่นเคือง “ตอนนี้เขายังพาภรรยาข้ามาที่เมืองตกวาฬ กลายเป็นแขกของตระกูลเซี่ย ข้าตอนนี้กำลังจะไปเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา ได้ยินว่าทางพรรคลมหายใจวาฬก็ได้ส่งยอดฝีมือที่เป็นผู้อาวุโสมาเยี่ยมตระกูลเซี่ยด้วย อยากจะดูนักว่าคนแซ่เยี่ยนนั่นจะใช้มือเดียวบังฟ้าได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าโลกใบนี้จะยังมีความยุติธรรมอยู่อีกจริงหรือ!”

มีคนมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ใช่คนของเมืองตกวาฬ ยังไม่ทราบข่าวใหม่ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองตกวาฬในตอนนี้

“มีคนที่เรียกตัวเองว่าเจ้าชายพระอาทิตย์สามคน มาถึงเมืองตกวาฬพร้อมกันพอดี วันนี้จะไปไต่ถามกันซึ่งหน้า กลับไม่ทราบว่าคนที่ชิงตัวภรรยาเจ้าไปเป็นคนไหน?”

คนหนุ่มคนนั้นตกตะลึง

ในห้องส่วนตัว เยี่ยนจ้าวเกอใช้สองมือกุมใบหน้า “ครั้งนี้ข้าซวยจริงๆ เสียแล้ว..”

………………..