ตอนที่ 982 ผิดหวัง + ตอนที่ 983 จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมแม้แต่นิดเดียว โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 982 ผิดหวัง
คุณปู่สามารถควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงได้อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะโมโหมากแต่เขาก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของคุณย่าทั้งหมด และยังกล่าวเตือนคุณย่าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดอีกด้วยว่า ห้ามเอาไปพูดมั่วซั่วข้างนอก
เหมยเหมยเพิ่งจะกลับไปที่โรงพยาบาลก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณปู่ให้เธอกลับไปหน่อย แต่ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร
เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากจึงกลับบ้านใหญ่ไปพร้อมกับจ้าวเสวียหลินด้วยกัน คุณปู่และคุณย่าต่างก็อยู่บ้าน อีกทั้งสีหน้าดูไม่สบอารมณ์เท่าไร โดยเฉพาะคุณย่าที่ทำหน้าเหมือนใครติดหนี้เธอหลายล้านยังไงอย่างนั้น
เหมยเหมยหันไปมองคุณย่าแวบหนึ่ง ไม่ได้ยาน้ำของเธอช่วยบำรุงรักษา สีหน้าของคุณย่าก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร
เมื่อก่อนเธอเคยให้ยาน้ำกับผู้เฒ่าทั้งสองคนที่บ้านปีละครั้ง ซึ่งมันเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อนช่วงนี้พอดี
ปีนี้ก็เป็นปีที่สามแล้ว เมื่อไม่นานมานี้คุณปู่ก็กินไปแล้วเหมือนว่าจะดูสุขภาพดีขึ้นเยอะ กำลังวังชาเต็มเปี่ยม ตรงกันข้ามกับคุณย่าที่สีหน้าดูแย่ไปหน่อย
แต่นี่ก็แค่เริ่มต้น และก็จะเป็นไปตามลำดับขั้น คนในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าจรดเย็นมองไม่ออกหรอก แม้กระทั่งตัวคุณย่าเองก็คงไม่รู้
“คุณปู่ มีธุระอะไรเหรอคะ?” เหมยเหมยถาม
คุณปู่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร คุณย่าก็อดไม่ได้ตะเบ็งเสียงถามว่า “เมื่อวานแกไปที่ห้างสรรพสินค้ามาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ หรือว่าหนูไปไม่ได้?”
เดิมทีอารมณ์ของเหมยเหมยถือว่าสงบอยู่มาก แต่พอเห็นท่าทางของคุณย่าอารมณ์โมโหของเธอก็พุ่งขึ้นมา พูดย้อนอย่างประชดประชันเสียดสี ไม่อ่อนข้อเลยแม้แต่นิดเดียว
ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กต่างก็ไม่มีใครยอมใคร อารมณ์โกรธพุ่งปรี๊ด คุณย่าโกรธจนหน้าเขียว ยิ้มเยาะพลางพูดว่า “พวกเราตระกูลจ้าวทำไมถึงได้มีหลานสาวแบบแกได้นะ มั่วกับผู้ชายข้างนอกก็ช่างมัน ตอนนี้แม้กระทั่งเงินของผู้ชายก็ยังกล้าใช้ แกคิดอยากจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลจ้าวใช่ไหม?”
สีหน้าของเหมยเหมยเคร่งขรึมในทันที สายตาที่มองไปทางคุณย่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร ความรักความห่วงใยอันน้อยนิดสุดท้ายที่ยังมีให้กับคุณย่าเวลานี้หายวับไปทั้งหมดแล้ว กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอย่างสมบูรณ์
“คุณย่าคะ เวลาคุณย่าพูดอะไรก็ควรจะมีหลักฐาน อะไรเรียกว่าหนูมั่วกับผู้ชายข้างนอกไปทั่ว? ยังมีอีกที่ว่าหนูทำให้ชื่อเสียงของตระกูลจ้าวต้องแปดเปื้อน? ต่อให้คุณย่าจะเป็นผู้อาวุโสกว่า แต่ก็ไม่สามารถพูดด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐานแบบนี้ได้ พูดจาซี้ซั้วงั้นเหรอคะ?”
เหมยเหมยมองคุณย่าอย่างเย็นชา ในดวงตาเหลือเพียงแต่ความเย็นชาเท่านั้น
คุณย่าที่เลอะเลือนเป็นอย่างมาก ไม่รู้อะไรควรไม่ควรทำ แล้วยังชอบพูดเป่าหูซุบซิบข้างหูของเธอ เชอะ รอเธอสืบหาออกมาได้ก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านจะได้เห็นดีกัน คอยดูเถอะ!
คุณย่ามองเหมยเหมยอย่างเหยียดหยาม ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟัง “ถ้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ตัวเองก็อย่าทำตัวแกเอง ทำเรื่องหน้าอับอายขายหน้า คิดเหรอว่าคนอื่นจะไม่รู้จริง ๆน่ะ?”
เห็นเหมยเหมยโกรธมากคุณย่าก็พลันอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ยัยเด็กอกตัญญูสมควรตาย ครั้งนี้ดูสิว่ามันจะมีอะไรดี ๆให้พูดอีก!
คิด ๆแล้วก็รู้สึกยังระบายความโกรธไม่หมด คุณย่าก็พูดต่ออีกประโยคว่า “ถ้าแกอยากจะขายขี้หน้ามากก็กลับไปทำที่เมืองจินนู่น อย่ามาทำลายชื่อเสียงของตระกูลจ้าวในเมืองหลวงแห่งนี้ พวกเราตระกูลจ้าวไม่ควรจะปลาเน่าตัวเดียวแล้วพาลทำให้ปลาตัวอื่นเน่ากันไปหมด”
ประโยคสุดท้ายพูดออกมา คนในห้องก็หน้าเปลี่ยนสีกันยกใหญ่ เหมยเหมยโมโหจนตัวสั่น หน้าอกกระเพื่อมไม่หยุด
“คุณพูดจาไร้สาระอะไร? หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”
คุณปู่เพิ่งจะได้สติกลับมาก็หันไปตวาดใส่คุณย่าเสียงดัง เพียงแต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เหมยเหมยไม่เพียงแต่ผิดหวังกับคุณย่า แม้กระทั่งคุณปู่เธอก็ไม่ได้เคารพเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว
รู้ ๆกันอยู่ว่าคุณย่าสติเลอะเลือนยังจะให้เธอมาที่บ้านเพื่อมาให้คุณย่าสติเลอะเลือนด่าประจานอีก แล้วก็ไม่คิดเลยว่าคำพูดพวกนี้ เธอฟังแล้วจะทุกข์ใจไหม?
และเป็นเพราะจิตวิญญาณของเธอคือผู้ใหญ่แล้ว ถ้าหากเธอเป็นเด็กสาวที่อายุแค่สิบกว่าปีจริง ๆ โดนญาติสนิทในบ้านทำให้อับอายแบบนี้ จิตใจต้องได้รับความกระทบกระเทือนมากแค่ไหนกันเชียว?
งั้นแบบนี้ตระกูลจ้าวกับตระกูลอู่มีอะไรแตกต่างกันล่ะ?
…………………………………………..
ตอนที่ 983 จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมแม้แต่นิดเดียว
เหมยเหมยชิงพูดก่อนคุณย่า ยิ้มเยาะพลางพูดว่า “คุณปู่ คุณปู่อย่าเสแสร้งอีกต่อไปเลย ตอนนี้หนูดูออกหมดแล้ว สำหรับตระกูลจ้าวแล้วหนูมันก็แค่คนนอก พวกคุณไม่เคยคิดว่าหนูเป็นคนในครอบครัวเลยสักนิด อาศัยแค่คำพูดการปั้นน้ำเป็นตัวเพียงไม่กี่คำก็คิดไปแล้วว่าเป็นความผิดของหนู คิดจะให้หนูเป็นแพะรับผิดเหรอ…เชอะ…พวกคุณช่างเป็นญาติสนิทที่ดีของหนูเสียจริง คุณย่าจ้าววางใจ ต่อให้ต่างคนต่างอยู่หนูก็จะไม่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องแปดเปื้อนแม้แต่นิดเดียว แต่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกคุณตระกูลจ้าวก็อย่าคิดที่จะได้ผลประโยชน์อะไรจากตัวหนูอีกก็แล้วกัน!”
เวลานี้เองที่เหมยเหมยตัดสินใจเด็ดขาด ไม่สนว่าจะเป็นคุณปู่หรือคุณย่าจะหยุดให้ยาน้ำนั่นทั้งคู่!
ตระกูลจ้าวจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรแค่ไหนเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?
คุณย่าหัวเราะเยาะพูดว่า “ตาเฒ่า คุณฟังคำพูดของยัยเด็กสมควรตายนี่สิ ช่างพูดจาโอหังเสียจริง ตระกูลจ้าวได้ประโยชน์อะไรจากแก? หรือว่าถ้าตระกูลจ้าวไม่มีแกก็จะหมดอำนาจล่มสลายเหรอ? ช่างน่าตลกจริง ๆ!”
เหมยเหมยมองคุณย่าหน้านิ่งส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา “ล่มไม่ล่มหนูไม่รู้ แต่ว่าหนูรู้ว่าการเลื่อนขั้นของลุงสองลุงสามทั้งสองครั้งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับหนู คุณย่าก็เป็นแค่คนสติเลอะเลือนไม่รู้อะไรดีไม่ดี หนูไม่พูดกับคุณย่าแล้ว คุณปู่คะคุณปู่ไม่เคยสติเลอะเลือน คุณปู่พูดจากจิตใต้สำนึกสิคะว่าหนูพูดถูกหรือไม่ถูก?”
คุณย่ายังคิดที่จะพูดดูถูกต่อ คุณปู่ที่ควบคุมสีหน้าไว้ไม่ได้แล้วก็หันไปตวาดคุณย่าด้วยความโกรธ “หุบปาก!”
เห็นคุณปู่โมโหขึ้นมาแล้วจริง ๆ คุณย่าจึงหุบปากอย่างโมโห สายตาที่มองเหมยเหมยไม่พอใจมาก เอ็นดูเหมยเหมยไม่ขึ้นแล้วจริง ๆ
ตระกูลจ้าวมีความยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์ได้ในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะมาจากเลือดเนื้อหยาดเหงื่อของเธอและตาเฒ่า ยังมีชีวิตของลูกคนโตที่แลกมาด้วย เด็กสมควรตายพูดจาตอแหลได้อย่างเต็มปาก ช่างไม่มีความละอายเลยแม้แต่น้อย!
เรื่องนี้หวงอวี้เหลียนพูดไม่ผิดเลยจริ งๆ คนนอกเลี้ยงมายังไงก็ไม่สนิทชิดใกล้ ไม่ใช่หนึ่งใจเดียวกัน!
เหมยเหมยก็ไม่คิดจะเสแสร้งทำหน้ารักใคร่อะไรอีก เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งจะพูดกับเธอเอง พี่น้องจ้าวอิงสยงช่วงนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะได้เลื่อนขั้นอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่เรื่องราวก็ได้ตัดสินลงไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
เหตุผลก็เป็นเพราะเฮ่อเหลียนเช่อจับตัวเธอไป นายใหญ่ก็อารมณ์ดี และเพื่อเป็นการชดเชยให้ตระกูลจ้าวก็เลยให้ผลไม้แสนหวานแก่ตระกูลจ้าวลองชิม
จ้าวอิงหัวคือพ่อของเธอ แน่นอนว่าเธอไม่มีความเห็นอะไร แต่จ้าวอิงสยงและจ้าวอิงหย่งเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?
เธอไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้น ภรรยาของสองพี่น้องนี่ต่างก็ปฎิบัติต่อเธอแบบนี้แล้ว เธอยังต้องทำความดีเพื่อตอบแทนคนเลว ๆงั้นเหรอ?
เธอไม่ใช่พระพุทธเจ้าเสียหน่อย มันคุ้มค่าสำหรับเธอหรือยังไง?
คุณปู่เห็นสีหน้าของเหมยเหมยเย็นชา จิตใจก็เจ็บปวดมาก ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนไปกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?
เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าปรองดองรักใคร่ มีความสุขกันดีเหรอ?
“เหมยเหมยครอบครัวเดียวกันไม่พูดจาแบ่งแยกครอบครัว จำเป็นต้องพูดแบ่งฝักฝ่ายให้ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือไง?”
คุณปู่ไม่พอใจอยู่บ้าง ไม่สนว่าจะเป็นจ้าวอิงสยงหรือจ้าวอิงหย่ง หรือว่าจะเป็นเหมยเหมยต่างก็แซ่จ้าวกันทั้งนั้น คำว่าจ้าวไม่สามารถเขียนออกมาให้เป็นสองคำได้ ใครได้ประโยชน์ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?
หรือว่าในใจของลูกรองกับลูกสามจะไม่นึกถึงความดีของเหมยเหมยเลยเหรอ?
แต่ว่าพูดออกมาก็ไม่มีความหมายอะไร แถมยังอาจจะทำให้คนในครอบครัวเอาใจออกห่างอีก!
เหมยเหมยส่งเสียงยิ้มเยาะ “คุณปู่อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ หนูโตจากข้างนอก ไม่อาจเอื้อมแตะต้องตระกูลจ้าวหรอกค่ะ คุณปู่อย่าโทษหนูที่พูดจาไม่น่าฟังเลยนะคะ ตอนที่ออกมาจากตระกูลอู่ หนูก็เคยสาบานแล้วว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม!”
ได้ยินเหมยเหมยพูดถึงตระกูลอู่ ในใจของคุณปู่ก็เจ็บปวด รู้สึกว่าตอนเล็ก ๆหลานสาวได้รับความทุกข์ความเจ็บปวดมามาก นิสัยจะแปลกไปสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่ให้อภัยได้ เขาคิดอยากจะพูดเหตุผลกับเหมยเหมยดี ๆ อยากจะให้หลานสาวอย่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุไป
…………………………………………