ตอนที่ 2087 นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าวิชายุทธ?

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“หวางหมิง โจวเฉียนฮุ่ย ซูซินหยู! พระเจ้าช่วย คน…คนทั้งหลายนี้คือระดับผู้นำศิษย์ของเหล่าเทพสวรรค์ทั้งสิ้น!”

“ครั้งนี้มันจบแล้ว อาจารย์จี้นั้นคงตายแน่แล้ว! เหล่าผู้นำศิษย์ทั้งหลายนี้แม้คนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาว! ใครจะไปสู้ได้?”

“นอกจากเฮ่อเซียงหยุนที่ตายไปก่อนหน้าและอาจารย์ซ่งเฉา เหล่ายอดอัจฉริยะรุ่นใหม่ของชุมเก้าสายต่างมาอยู่กันพร้อมหน้า”

คนทั้งหลายนั้นต้องร้องขึ้นมาตาม ๆ กันเมื่อได้เห็นคนทั้งหลายนี้

เพราะว่าเหล่าผู้นำศิษย์ทั้งหลายนั้นมันคือสุดยอดตัวตนในหมู่เทพถ่องแท้เก้าดาวด้วยกัน ในรุ่นเดียวกันแล้วมันย่อมเหนือล้ำกว่าคนทั้งหลายไปอย่างมาก

อาจารย์จี้นั้นยังเป็นแค่เทพถ่องแท้ขั้นกลาง มีหรือที่จะต้านทานคนทั้งหลายนี้ได้?

เฟิงเทียนหยางยิ้มเย้ยขึ้นมาพร้อมหันไปกล่าวกับกู้หง “กู้หง เรื่องของเด็กรุ่นใหม่หวังว่าเจ้าคงไม่คิดจะเข้ามายุ่ง ไม่เช่นนั้น… อย่าได้ว่าเฟิงผู้นี้ไม่เกรงใจ!”

เทพสวรรค์กู้หงหรี่ตาลงมองอย่างเฉยชา “ไม่ต้องกังวลไป เทพสวรรค์ผู้นี้ย่อมไม่คิดจะยุ่งแน่”

หวางหมิงมองดูเย่หยวนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม “พี่เฟิง จัดการแค่ขยะเช่นนี้มันต้องให้พวกข้าทั้งหลายลงมือพร้อมกันหรือ? แค่หวางหมิงคนนี้มันก็มากพอแล้ว จำเป็นต้องให้ทุกผู้คนจัดการพร้อมกันด้วย?”

เย่หยวนที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้น “ขนะเช่นนี้? หากข้ามองไม่ผิดเจ้าคงเพิ่งจะกลืนกินโอสถยอดแจ่มที่ข้าหลอมไปมิใช่หรือจึงได้ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เก้าดาวขั้นสุดเช่นนี้ได้?”

ทางหวางหมิงจึงได้ตอบกลับมาอย่างไม่คิดแยแส “แล้วทำไม? เจ้าไม่ได้ยินพี่เฟิงว่าหรือ? วิชายุทธต่างหากคือเต๋าที่ยิ่งใหญ่! ต่อหน้าวิชายุทธแล้วเจ้ามันก็เป็นได้แค่มดปลวกแสนอ่อนแอ”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยิ้มขึ้นมา “ดีจริง ๆ! ดูท่าข้าจะประเมินหนังหน้าคนสุดอุดรต่ำไป มันช่างหนาอย่างไร้ยางอายนัก! ชุมเก้าสายนี้มันทำให้ข้าได้เบิกหูเบิกตาจริง ๆ เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งหลายก็โจมตีเข้ามาพร้อม ๆ กัน!”

เย่หยวนนั้นย่อมมองออกได้ว่าคนทั้งหลายนี้กลืนกินโอสถที่เขาหลอมไปจึงสามารถจะก้าวขึ้นมาถึงจุดที่ยืนอยู่ได้ในเวลานี้

บุญคุณเช่นนี้หวางหมิงนั้นกลับไม่คิดสนใจใด ๆ และปัดมันทิ้งด้วยคำพูดไม่กี่คำ มันจะหน้าด้านไปถึงไหนกัน?

โอสถที่เย่หยวนหลอมนั้นมันมีค่ามากกว่าจะใช้เงินมาแลกเปลี่ยนแล้วจบ ๆ กันไป

ต่อให้จะเป็นแค่การพัฒนาเล็ก ๆ น้อย แต่มันก็ยังช่วยย่นเวลานับพันปีให้คนทั้งหลายนี้

“โจมตีพร้อมกัน? เจ้ากลัวจนเสียสติไปแล้ว?” พวกหวางหมิงทั้งหลายนั้นอดหัวเราะขึ้นไม่ได้

ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายแล้วไม่ว่าเย่หยวนจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำปานใด สุดท้ายเมื่อลงสนามรบเขาจะไปมีพลังใด ๆ มากมายได้?

เย่หยวนนั้นยังก้าวขึ้นไม่ถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นปลายเสียด้วยซ้ำ แต่ตัวเขากลับกล้ามาอวดอ้างตัวว่าจะสู้เจ็ดต่อหนึ่ง พวกเขาทั้งหลายแทบจะอยากหัวเราะให้ฟันร่วง

“หึ ๆ ดูท่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะยืนอยู่บนจุดสูงส่งจนลืมไปแล้วว่าความสูงส่งที่แท้จริงมันคือสิ่งใด หากเป็นเช่นนั้นก็มาสั่งสอนมันกัน” ซูซินหยูยิ้มขึ้น

พูดจบคนทั้งหลายก็เดินออกมาล้อมรอบเย่หยวนไว้ตรงกลาง

ในการต่อสู้เช่นนี้พวกเขาทั้งหลายย่อมไม่คิดจะกังวลใด ๆ

มันไม่มีความท้าทายใด ๆ แม้แต่น้อย

เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่ได้เห็นเลยว่าเทพสวรรค์กู้หงกำลังยิ้มเย้ยตนอย่างมากมายปานใด

เย่หยวนและเฟิงเทียนหยางนั้น ตัวเขาไม่รู้ว่าใครจะเก่งกาจกว่าใคร แต่หากเป็นแค่เย่หยวนกับคนทั้งหลายนี้ ตัวเขาย่อมไม่คิดจะกังวลใด ๆ แม้แต่น้อย

เพราะต่อให้คนทั้งหลายนี้จะเก่งกาจกว่าเฮ่อเซียงหยุน มันก็คงไม่เก่งกว่ากันไปมากมาย

เย่หยวนนั้นเอาชนะเฮ่อเซียงหยุนได้ด้วยการตบ การจะจัดการคนทั้งหลายนี้มันก็คงจะไม่ถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อแน่

“พี่น้องทั้งหลาย เล่นกับมันให้ดี!”

หวางหมิงนั้นยิ้มและพุ่งตัวเข้าไปหาเย่หยวนอย่างรวดเร็ว

มุมปากของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันก่อนจะยกมือขึ้นตบลงใส่ตัวเย่หยวน

คนทั้งหลายที่ได้เห็นเองก็อมยิ้มออกมา คิดจินตนาการไปเองว่าบนใบหน้าของเย่หยวนนั้นเปี่ยมไปด้วยความวิตกกังวล

เมื่ออธิบายมันออกมานั้นมันอาจจะฟังดูช้า แต่ในความเป็นจริงหวางหมิงนั้นขยับจนถึงในช่วงเวลาแค่เสี้ยวพริบตา

แต่ทว่าก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะประทับลงที่ไหล่ของเย่หยวน เย่หยวนกลับขยับหลบออกไปด้านข้างเบา ๆ ราวกับว่ามีตาหลัง

“นี่หรือคือวิชายุทธที่เจ้าพูดถึง? พูดจาโอ้อวดมากมายถึงวิชายุทธ ข้าก็คิดว่าจะเก่งกาจกันปานใด ที่แท้มันช่างน่าผิดหวัง” เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ

ใบหน้าของหวางหมิงนั้นแดงก่ำขึ้นทันที

เพราะความผิดพลาดนี้มันทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก

“ฮ่า ๆ หวางหมิง เจ้าว่าจะเล่นกับมันมิใช่หรือ? เหตุใดเป็นตัวเองที่โดนทำเป็นของเล่นแทนเล่า?” โจวเฉียนฮุ่ยหัวเราะออกมา

“หวางหมิง เจ้าจัดการกับเทพถ่องแท้ขั้นกลางยังไม่ได้! เจ้าทำเราเสียหน้ากันไปหมดแล้วมิใช่หรือ!” ซูซินหยูพูดถามขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ

เมื่อเหล่าผู้นำศิษย์ทั้งหลายเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ย่อมจะพูดถากถางออกมาอย่างไม่คิดเว้นช่องว่าง

เพราะในหมู่คนทั้งหลายนี้แท้จริงมันก็มีการแข่งขันที่ดุเดือดอยู่ภายใน

เมื่อได้เห็นว่าหวางหมิงนั้นต้องเสียหน้าเช่นนั้น พวกเขาก็ย่อมจะอดไม่ได้ที่จะพูดจาดูถูกออกมา

หวางหมิงที่ได้ยินก็ยิ่งหน้าแดงหนักขึ้นจนต้องตะโกนกลับมา “เมื่อกี้มันแค่ประมาทไปหน่อย เด็กน้อย เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป!”

“โอ้? เรอะ?” เย่หยวนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยมือทั้งสองที่ไขว้หลังพร้อมสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ

เมื่อได้เห็นสีหน้าเช่นนั้นของเย่หยวน หวางหมิงก็ได้เปลี่ยนจากความอับอายกลายเป็นความโกรธแค้น “เด็กน้อย เจ้ากล้าทำให้ข้าต้องขายหน้า!”

หวางหมิงนั้นปล่อยพลังที่มีทั้งหมดออกมาพร้อมชักดาบที่ดูแปลกตาแทงเข้าใส่เย่หยวน

ฟุบ!

ความเร็วของหวางหมิงนั้นรวดเร็วมาก ดาบนั้นแทบจะเรียกได้ว่ามันแทงถึงทันที

แต่ก่อนที่มันจะแทงโดนร่างของเย่หยวน เย่หยวนกลับขยับเอียงตัวไปเล็กน้อย หลบดาบนั้นอย่างง่ายดาย

“ให้ตายสิ ม-มันทำได้อย่างไรกัน? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแค่เทพถ่องแท้ขั้นกลาง คนหนึ่งจะต้านทานข้าได้!”

หวางหมิงนั้นกัดฟันแน่นก่อนจะตวัดฟันดาบออกมาอีกครั้ง

เพียงแค่ว่าไม่ว่าจะพยายามหนักหน่วงปานใด เขาก็ไม่อาจจะแตะได้แม้แต่ชายเสื้อของเย่หยวน

เขานั้นกล่าวบอกว่าจะเล่นกับเย่หยวน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นตัวเองที่ถูกเย่หยวนปั่นหัวเล่น

ในตอนต้น ๆ นั้นคนทั้งหลายยังว่ากล่าวดูถูกหวางหมิงไม่ขาดสาย

แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาทั้งหลายก็ไม่อาจจะยิ้มหัวเราะใด ๆ ได้อีก

เพราะหากแค่หนึ่งหรือสองครั้งมันอาจจะเป็นดวงได้ แต่พวกเขาทั้งหลายเข้าใจฝีมือของหวางหมิงดี ไม่ว่ามันจะห่วยแตกปานใดมันก็ย่อมจะไม่ถึงขั้นที่ถูกเทพถ่องแท้ขั้นกลางปั่นหัวได้เช่นนี้

โจวเฉียนฮุ่ยและพวกทั้งหลายหันไปมองหน้ากันพร้อมด้วยความตื่นตะลึงเต็มใบหน้า

“โจมตีพร้อมกัน! เจ้าเด็กคนนี้มันแปลก ๆ แล้ว!” โจวเฉียนฮุ่ยร้องบอก

นั่นทำให้ผู้นำศิษย์ทั้งหกที่เหลือเข้าโจมตีพร้อม ๆ กันในทันที

เพียงแค่ว่าแม้จะเข้าโจมตีพร้อมกันมันก็ยังไร้ค่าใด ๆ ไม่มีใครที่จะโจมตีได้แม้แต่ชายเสื้อของเย่หยวน

คนทั้งเจ็ดนั้นโจมตีออกมาอย่างดุดัน แต่ไม่ว่าจะพยายามหนักหนาปานใดพวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้แม้แต่น้อย

ยิ่งสู้ไปคนทั้งหลายก็ยิ่งตื่นตะลึง ยิ่งสู้ไปพวกเขาก็ยิ่งตระหนก

เพราะการเคลื่อนไหวของเย่หยวนนั้นมันแสนแปลกประหลาด เป็นดังปลาไหลที่ไม่อาจจับไว้ในมือได้

ไกลออกไปทางเฟิงเทียนหยางนั้นก็ได้แต่ต้องจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างจริงจัง

เย่หยวนนั้นใช่แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาอย่างแน่นอน

แนวคิดอันสูงส่งเช่นนั้น แค่พอเข้าใจมันได้ก็เป็นโชคมหาศาลแล้ว แต่ดูท่าเย่หยวนคงบ่มเพาะมันไปถึงขั้นสูง

เจ้าโง่ทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนกำลังเจอกับอะไรอยู่

“นี่มัน…มันเกิดอะไรขึ้นกัน? เทพถ่องแท้หกดาวกลับรับมือเทพถ่องแท้เก้าดาวถึงเจ็ดคนได้อย่างง่ายดายปานนี้?”

“หรือว่า…อาจารย์จี้จะมิใช่แค่ยอดนักโอสถ แต่เป็นยอดนักยุทธด้วย?”

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ข้าสงสัยแค่ว่าอาจารย์จี้จะสามารถตอบโต้กลับมาได้หรือไม่!”

เทพถ่องแท้หกดาวที่รับมือเทพถ่องแท้เก้าดาวถึงเจ็ดคนได้อย่างง่ายดายมันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายตกตะลึง

ทุกผู้คนต่างคิดว่าเย่หยวนจะกลายเป็นคนเล่นของคนทั้งหลาย แต่ผลที่ได้มันกลับผิดคาด

“หึ ๆ นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าวิชายุทธ? น่าสมเพช เทียบเคียงข้าผู้เดินบนเส้นทางเต๋ารองยังไม่ได้เช่นนี้ เจ้ายังกล้าจะเรียกตัวว่าเป็นผู้นำศิษย์ใด ๆ อีกหรือ?”

บนฟ้าสูงเย่หยวนหัวเราะลั่นออกมา

ก่อนที่จู่ ๆ มันจะเกิดคลื่นพลังรุนแรงสะท้านฟ้าจนทำให้ใบหน้าของทุกผู้คนต้องถอดสี

“ช่างเถอะ พวกเจ้าทั้งหลายทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว มาจบการละเล่นนี้กัน!”

เย่หยวนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแสนเบื่อหน่าย

…………….