ตอนนี้คลื่นพลังของเย่หยวนนั้นพุ่งทะยานไปอย่างไม่แพ้พ่ายเทพถ่องแท้แปดดาว
เขาโยกตัวหลบดาบของหวางหมิงที่พุ่งเข้ามาหาก่อนจะต่อยหมัดสวนกลับไป
หวางหมิงนั้นรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังหนักหน่วงที่พุ่งเข้าใส่ตัว แต่คิดจะหลบเวลานี้มันก็สายเกินไปแล้ว
ตุบ!
ภายใต้สายตาของทุกผู้นี้คนนี้หวางหมิงแตกสลายกลายเป็นฝนเลือดทันที
กรงเล็บมังกรเอกภพที่ผสานเข้ากับกายทองคำสัมบูรณ์ระดับหกมันย่อมจะทำให้พลังโจมตีนี้ของเย่หยวนไม่อ่อนด้อยไปกว่าเทพถ่องแท้เก้าดาวขั้นสุด
มีหรือที่หวางหมิงใด ๆ จะขัดขืนรับไว้ได้?
เมื่อเหล่าผู้นำศิษย์ทั้งหลายได้เห็นภาพนั้นมีหรือที่จะยังกล้ายืนต่อสู้อยู่อีก? เวลานี้พวกเขาต่างวิ่งแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง
“ท่านอาจารย์ ช่วยข้าด้วย!”
“ช่วยข้าด้วยอาจารย์!”
…
เหล่าผู้นำศิษย์ทั้งหลายนั้นต่างวิ่งกลับไปหาผู้ใหญ่ของตนราวกับเด็กน้อยที่ถูกเพื่อนแกล้งต้องวิ่งกลับไปฟ้องพ่อ
พวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าเย่หยวนนั้นอ่อนแอรังแกได้ง่าย ๆ ใครจะไปคาดคิดว่าแท้จริงเย่หยวนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดปีศาจในคราบคน ไม่อาจลบหลู่ท้าทายใด ๆ ได้เลย
เมื่อเทพสวรรค์ฉือหยูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็รีบตะโกนออกมาทันที “หยุดเดี๋ยวนี้นะจี้ฉิงหยุน!”
ในเวลานั้นเองเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็พร้อมที่จะลงมือเต็มที่
เพียงแค่ว่าเย่หยวนยังเร็วกว่าพวกเขาทั้งหลายไปมาก!
หลังจากเย่หยวนสังหารหวางหมิงลงเขาก็ไม่คิดที่จะหยุดมือแม้แต่น้อย
เวลานี้ร่างของเย่หยวนมันได้แยกออกไปในหกทิศ
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง เหล่าผู้นำศิษย์ทั้งหลายนั้นต่างตัวแตกสลายกลายเป็นฝนเลือดสิ้น!
ทุกผู้คนต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างมึนงง ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความตกตะลึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายในเวลานี้พวกเขาเทพจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด
คนทั้งหลายนี้คือผู้สืบทอดของเขาทั้งหลาย หลายต่อหลายปีที่เลี้ยงดูมานี้พวกเขาต้องเสียทรัพยากรไปมากมายปานใด?
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับใช้เวลาแค่อึดใจสังหารคนทั้งหลายนั้นลง มีหรือที่เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายจะรับมันได้?
แต่ทว่าตอนนี้สิ่งที่พวกเขารู้สึกหนักหนากว่าก็คือความตกตะลึง!
เย่หยวนนั้นใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาได้เหนือล้ำกว่าที่พวกเขาคาดคิดไปมาก
ในพริบตานั้นเขากลับแยกร่างกายออกเป็นหกร่าง ปรากฏขึ้นในหกทิศพร้อม ๆ กับ สังหารยอดคนลงในวินาทีเดียวกัน
พวกเขาเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นย่อมจะมองออกว่านี่มิใช่วิชาแยกร่างใด ๆ แต่มันเป็นวิชาการเคลื่อนไหวจากแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำฟ้า
วิธีการเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
แม้แต่พวกเขาเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังไม่อาจจะทำตามได้
“นี่มัน…จะเก่งกาจเกินไปหรือไม่? ต่อให้อาจารย์จี้จะเป็นผู้บ่มเพาะร่างกายแต่มันก็ไม่น่าจะเก่งกาจได้ปานนี้หรอกใช่ไหม? นี่กระบวนท่าเดียวกลับสังหารเทพถ่องแท้เก้าดาวลงถึงหกคน!”
“ช่างเหนือล้ำจริง ๆ! อาจารย์จี้นั้นเป็นยอดคนจอมโอสถแห่งแดนเหนือนี้ด้วยอายุยังน้อย ทั้งยังมีวิชายุทธที่เหนือล้ำ เขาบ่มเพาะฝึกฝนตนมาอย่างไรกัน?”
…
ทุกผู้คนต่างมึนงงกับความเหนือล้ำตรงหน้านี้ ไม่เข้าใจว่าเย่หยวนเก่งกาจปานนี้ได้อย่างไร
เดิมทีพวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าเย่หยวนเป็นแค่นักหลอมโอสถ ย่อมจะมีวิชาฝีมือการต่อสู้ที่ไม่เหนือล้ำนัก
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าวิชายุทธของเย่หยวนนั้นมันกลับล้ำฟ้า สังหารฆ่าคนข้ามดาวข้ามขั้นอย่างง่ายดาย
ในชุมเก้าสายนี้คนรุ่นหนุ่มสาวทั้งหลายย่อมไม่อาจจะหนีพ้นจากมือของเขาไปได้หากเขาคิดฆ่าสังหาร!
“จี้ฉิงหยุน เจ้าฆ่าศิษย์ข้า! เทพสวรรค์ผู้นี้จะสังหารเจ้าลงให้ได้!” เทพสวรรค์ฉือหยูร้องลั่น
เหล่าเทพสวรรค์คนอื่น ๆ เองก็โกรธแค้นอย่างมาก พวกเขาไม่พอใจกับการลงมืออันไร้ปรานีของเย่หยวน
แต่ทว่าเย่หยวนยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยหันไปมองเฟิงเทียนหยางอย่างเย็นเยือกก่อนจะกล่าวขึ้น “ดูท่าวิชายุทธใด ๆ ของมันจะไม่มีค่าเลย ไม่รู้ว่าวิชายุทธของเจ้านั้นมันจะทำให้ข้าตื่นเต้นได้บ้างหรือไม่”
เฟิงเทียนหยางนั้นหรี่ตาลงด้วยดวงตาเปี่ยมล้นความสนใจ
เพราะฝีมือนี้ของเย่หยวนมันเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดคิดไปมาก
เดิมทีเขาคิดว่าเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กหนุ่มอ่อนแอ ไม่นึกไม่ฝันว่าอีกฝ่ายแท้จริงจะมีฝีมือการต่อสู้ที่เหนือล้ำจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อตัวเขาได้
“หึ ๆ เจ้าหนุ่ม เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริง ๆ แต่ทว่าเจ้าก็ยังไม่มีค่าพอจะมายืนต่อหน้าข้าหรอก คนทั้งหลายที่เจ้าฆ่าสังหารไปนั้นมันก็เป็นได้แค่หินริมทางไม่มีค่าใดต่อหน้านายน้อยผู้นี้!”
เฟิงเทียนหยางก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมด้วยคลื่นพลังที่พุ่งทะยานจนทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสี
มันเกิดเสียงร้องหนึ่งขึ้นในหมู่คนที่กำลังมุงดูเรื่องราว “ช่างเป็นคลื่นพลังที่รุนแรง! นี่มันคลื่นพลังของเทพถ่องแท้ขั้นสุดอย่างแท้จริง อีกแค่ก้าวเดียวเขาก็คงขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้แล้ว!”
เฟิงเทียนหยางนั้นยิ้มออกมาด้วยสีหน้าท่าทางหยิ่งยโส “หากเจ้าคิดว่าแค่ฆ่าสังหารพวกมันแล้วเจ้าจะมีปัญญาต่อสู้กับข้าคนนี้ได้ เจ้าก็คงคิดผิดแล้ว! ข้านั้นคือเฟิงเทียนหยาง ยอดคนอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทุ่งราบสุดอุดรนี้! มีหรือที่ข้าจะอยู่ในระดับเดียวกับขยะทั้งหลายนั้น?”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มตอบกลับไป “เรอะ? พวกนั้นมันก็พูดคล้าย ๆ เจ้านี่แหละ แต่สุดท้ายก็ตายไปหมดแล้ว”
เฟิงเทียนหยางที่ได้ยินก็กล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “หึ! นายน้อยผู้นี้จะให้โอกาสเข้าอีกครั้ง ส่งลู่เอ๋อมาหรือไม่ก็ตายไปเสีย!”
เย่หยวนหรี่ตาลงมองอย่างเย็นเยือก “เจ้าคิดจะแต่งลู่เอ๋อเข้าไปเพื่อจะได้กายเทวะหยินล้ำ?”
เฟิงเทียนหยางที่ได้ยินถึงกับต้องผงะไปเล็กน้อย “เจ้ารู้ได้อย่างไร? แต่มันก็ไม่เกี่ยวหรอกว่าเจ้าจะรู้หรือไม่ นายน้อยผู้นี้ทำเรื่องทั้งหมดนี้เพราะอยากได้กายเทวะหยินล้ำของนางเท่านั้น การบ่มเพาะของนายน้อยผู้นี้มันมาถึงจุดสุดยอดแล้ว อยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรเทพถ่องแท้ด้วย หลังจากนายน้อยผู้นี้ได้กายเทวะหยินล้ำไปแล้ว ข้าก็ย่อมจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นเทพสวรรค์อายุน้อยที่สุดในทุ่งราบสุดอุดรนี้!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินจิตสังหารของเขาก็พุ่งพวยทันที
ก่อนหน้านี้ตอนที่เฟิงเทียนหยางปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันเดือดดาลร้อนแรงทันที
มันเป็นคลื่นพลังแสนร้อนแรงที่ราวกับเป็นไฟจากบรรพกาล
เพียงแค่ว่าสิ่งที่เย่หยวนมองเห็นนั้นมันมิใช่ขั้นสุดใด ๆ ทั้งสิ้น
ในพลังหยางอันรุนแรงนั้น เขายังขาดพลังหยินหนุนเสริมไปมาก
เย่หยวนนั้นเข้าใจถึงเต๋าสวรรค์กฎเกณฑ์ของโลกมากกว่าที่คนทั่ว ๆ ไปจะเทียบเคียงได้
ชีวิตทั้งหลายบนโลกใบนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นมาได้ด้วยการเกื้อหนุนของธาตุพลังต่าง ๆ ไม่ว่ามันจะเป็นพลังหยางที่หนักหน่วงปานใดสุดท้ายมันก็จะมีทางตันของมันเอง
หากเป็นเช่นนี้แล้วต่อให้เฟิงเทียนหยางจะมีเวลาอีกนับแสนปีเขาก็คงไม่อาจจะก้าวขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้แน่
แต่หากเขาสามารถเติมเต็มช่องว่างนี้ได้ เฟิงเทียนหยางก็จะสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ในเวลาไม่กี่ปี
แต่การจะหาพลังหยินมาเติมเต็มช่องว่านั้นมันง่ายดายมากหรือ?
แต่การปรากฏตัวของลู่เอ๋อมันได้ทำให้เฟิงเทียนหยางเห็นความหวัง!
เพราะฉะนั้นหลายปีมานี้เขาจึงได้เก็บตัวบ่มเพาะพลังให้ขั้นถึงขั้นสุดของอาณาจักรเทพถ่องแท้ เมื่อออกมาจากการเก็บตัวเขาก็ย่อมคิดจะเอาพลังหยินจากร่างกายของลู่เอ๋อไปใช้เติมเต็มเพื่อบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์อย่างง่ายดาย
เพียงแค่ว่าแผนการอันยิ่งใหญ่ของเขานี้มันกลับต้องมาเจอตัวแปรไม่คาดฝันอย่างเย่หยวนเข้า
เย่หยวนหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือก “เจ้า…สมควรตาย!”
เฟิงเทียนหยางนั้นทำการล้ำเส้นของเย่หยวน
ลู่เอ๋อนั้นคือคนสำคัญของเย่หยวน ใครคิดทำร้ายนางต้องตายสถานเดียว!
เฟิงเทียนหยางนั้นหัวเราะลั่นออกมา “ให้นายน้อยผู้นี้ได้ใช้มันเป็นฐานเหยียบขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ นับว่าเป็นเกียรติแก่มันด้วยซ้ำ! มันอยู่ที่ไหน? ส่งตัวมันออกมาแล้วนายน้อยผู้นี้จะไว้ชีวิตเจ้า!”
เย่หยวนมองดูเฟิงเทียนหยางอย่างเย้ยหยัน “เจ้าปากมากเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงได้พาตัวลู่เอ๋อออกมาเล่า?”
เฟิงเทียนหยางที่ได้ยินต้องเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร! หากไม่ส่งตัวลู่เอ๋อออกมาเจ้าต้องตาย!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะลั่นออกมา “เลิกขู่อย่างโง่เง่าเสียที ลู่เอ๋อนั้นไม่ได้อยู่ในชุมเก้าสายนี้อีกต่อไปแล้ว และนามของข้านั้นก็คือเย่หยวน”
เฟิงเทียนหยางที่ไม่เคยได้ยินนามนั้นย่อมจะมึนงง แต่ทางเทพสวรรค์ปิงหยุนต้องเบิกตาออกกว้างทันทีที่ได้ยินนามนั้น หัวใจของนางเกิดคลื่นพายุปั่นป่วนซัดสาดอย่างทันที
“จ-เจ้าคือเย่หยวน? มันเป็นไปได้อย่างไร?”
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นมีสีหน้าไม่ต่างจากเทพสวรรค์กู้หง นึกย้อนถึงเรื่องราวที่ผ่าน ๆ มา
และนั่นมันยิ่งทำให้จิตใจของนางเกิดความตกตะลึงหนักขึ้นกว่าเก่า
ที่แท้แล้วทั้งหมดนี้มันเป็นแผนของเขา!
และนาง เทพสวรรค์ผู้ปกครองดินแดนนี้กลับตกเป็นเหยื่อของแผนการนั้นอย่างไม่ทันรู้ตัวแม้แต่น้อย นางถึงขั้นส่งลู่เอ๋อออกมาถึงมือของเย่หยวน
เฟิงเทียนหยางที่ได้เห็นสีหน้านั้นจึงขมวดคิ้วถามขึ้น “มันเป็นใคร?”
………………