หลิงตู้ฉิงไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายของเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่ผู้ส่งสาสน์ของสำนักเบญจธาตุจะรู้ได้ว่าในตอนนี้ใครมาเยือนพวกเขา
เมื่อเห็นท่าทีของผู้ส่งสาสน์ทั้งสองของสำนักเบญจธาตุ หลิงตู้ฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขบขันและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งคู่อาศัยอยู่บนยอดเขาเบญจธาตุใช่ไหม?”
ผู้ส่งสาสน์ทั้งสองของสำนักเบญจธาตุ ตอบกลับทันที “ผู้อาวุโส พวกเราทั้งสองมาจากยอดเขาเบญจธาตุ ข้าขออนุญาตผู้อาวุโสแนะนำตัวเองข้าคือ เซียะซิงอี้ ส่วนสหายของข้าอีกคนคือ ติงหง พวกเราทั้งคู่เป็นศิษย์ของจักรพรรดิเทพต่งชิง ซึ่งผู้อาวุโสน่าจะรู้จักอาจารย์ของพวกเราดีอยู่แล้ว”
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการปะทะ พวกเขาจึงจำเป็นต้องเอ่ยแนะนำตัวเองและยกความสัมพันธ์ของอาจารย์พวกเขาที่มีกับหลิงตู้ฉิงขึ้นมาพูดก่อน
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ที่แท้พวกเจ้าก็เป็นศิษย์ของตาเฒ่าต่งชิงนี่เอง มิน่าล่ะร่างหลักของพวกเจ้าทั้งคู่ถึงได้อยู่ในขอบเขตเทวะราชา พรสวรรค์ของพวกเจ้าทั้งคู่นับได้ว่าคู่ควรแก่การเป็นศิษย์ของตาเฒ่านั่นจริง ๆ! ว่าแต่ทำไมตาเฒ่านั่นถึงส่งพวกเจ้าทั้งคู่ลงมาพร้อมกัน? ตาเฒ่านั่นวางแผนจะเล่นงานข้าเหมือนกับคนอื่น ๆ งั้นเหรอ?”
เซียะซิงอี้รีบตอบกลับทันทีด้วยอาการร้อนรน “พวกเราไม่มีความคิดเช่นนั้นเลยผู้อาวุโส! เหตุผลที่ท่านอาจารย์ส่งพวกเราทั้งคู่ลงมาพร้อม ๆ กันเป็นเพราะกองกำลังฝ่ายอื่น ๆ ต่างส่งผู้เชี่ยวชาญของตนเองลงมายังโลกเบื้องล่างเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของสำนักเราที่อยู่ที่นี่ พวกเราจึงถูกส่งตัวลงมา”
“พวกเรารู้ตัวดีว่าไม่มีทางเทียบกับผู้อาวุโสได้แน่นอน ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกเราเลย!” ติงหงเอ่ยขึ้นเสริม
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “อาจารย์ของพวกเจ้าไม่ได้บอกพวกเจ้าหรอกเหรอว่าการที่พวกเจ้าลงมาโลกเบื้องล่างครั้งนี้ร่างแยกของพวกเจ้าจะไม่มีวันได้กลับขึ้นไป? อาจารย์ของพวกเจ้าบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมี่รู้เรื่องนี้แน่นอน”
เซียะซิงอี้แสดงสีหน้าจนใจและพูดว่า “ทำไมผู้อาวุโสถึงต้องโหดร้ายกับพวกข้าแบบนี้ด้วย?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ก่อนหน้านี้ที่อาจารย์ของเจ้าและคนอื่น ๆ จับสัมผัสของข้าได้ว่าอยู่ในโลกเบื้องล่าง เป็นเพราะข้าจงใจเปิดเผยตัวตนเอง ซึ่งมันคือการล่อให้บรรดากลุ่มกองกำลังทั้งหลายส่งผู้เชี่ยวชาญลงมาที่โลกเบื้องล่างเพื่อที่ข้าจะได้แย่งเต๋าและพลังวิญญาณบริสุทธิ์จากร่างแยกของพวกที่ถูกส่งลงมา เพื่อที่ข้าจะได้เอาพวกมันไปให้กับคนในครอบครัวของข้าบ่มเพาะ”
“แล้วยิ่งสำหรับพวกเจ้าที่เป็นร่างแยกของร่างขอบเขตเทวะราชา เต๋าของพวกเจ้านั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่าของคนอื่น ๆ หลายเท่า แต่ก็ช่างเถอะเห็นแก่ที่ข้ากับสำนักของพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะอาจารย์ของพวกเจ้ากับข้าก็รู้จักกันมานาน งั้นข้าจะไม่ทำอะไรพวกเจ้าก็แล้วกัน แต่ว่าความลับนี้ที่ข้าเพิ่งบอกไปพวกเจ้าห้ามนำไปเผยแพร่ที่ไหนเข้าใจไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เซียะซิงอี้และติงหงเก็บอาการตกตะลึงของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
ที่แท้ทั้งหมดมันก็เป็นแผนของชายผู้นี้งั้นเหรอ? ถ้างั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ตกเป็นเป้าหมายเหมือนกันจริงไหม?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ พวกเขาก็เริ่มตื่นตัวทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าน่าจะสู้ไม่ได้แต่อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็อยากจะลองสักตั้งเพื่อปกป้องตัวเองดู
แต่แล้วเมื่อพวกเขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงไม่มีความคิดที่จะทำอะไรพวกเขา พวกเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเขาต่างโค้งคารวะและพูดว่า “พวกเราเข้าใจแล้วผู้อาวุโส และพวกเราขอขอบคุณที่ท่านละเว้นพวกเรา!”
หลิงตู้ฉิงเคยอยู่ในระดับเดียวกับอาจารย์ของพวกเขามาก่อน ซึ่งก็คือขอบเขตจักรพรรดิเทพ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าหลิงตู้ฉิงนั้นน่ากลัวขนาดไหน
ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะเกิดใหม่ แต่ด้วยความรู้และวิธีการอันมากมายที่เหนือกว่าหากต่อสู้กันขึ้นมาจริง ๆ มันก็มีความเป็นได้เกิน 8 ส่วนที่พวกเขาจะพ่ายแพ้ ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะไม่ต้องเสี่ยงสู้กับตัวตนแบบนี้
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “อย่าเพิ่งดีใจไป ถ้าแม้ว่าข้าจะไม่ทำอะไร แต่ร่างแยกของพวกเจ้าก็ไม่อาจกลับขึ้นไปได้อยู่ดี นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
“ผู้อาวุโสท่าน….” เซียะซิงอี้แสดงสีหน้าสับสน
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นต่อ “ข้าได้ยินมาว่ายุคนี้สำนักของพวกเจ้าเตรียมให้คนสองคนกลายเป็นผู้สำเร็จเต๋า และถ้าข้าเดาไม่ผิดทั้งสองคนนั้นบ่มเพาะธาตุที่ตรงกับพวกเจ้าอีกต่างหาก คนหนึ่งบ่มเพาะธาตุไม้ ส่วนอีกคนบ่มเพาะธาตุน้ำ ข้าพูดถูกไหม?”
“ผู้อาวุโสรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” ติงหงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“เอาเป็นว่าข้าพูดแทนอาจารย์ของพวกเจ้าเลยก็แล้วกัน เหตุผลที่พวกเจ้าทั้งคู่ถูกส่งลงมานั้นเป็นเพราะอาจารย์ของพวกเจ้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งคู่ช่วยให้สองคนที่ได้รับเลือกที่อยู่ข้างล่างนี่ได้กลายเป็นผู้สำเร็จเต๋า!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
เซียะซิงอี้และติงหงขมวดคิ้วทันที เพราะจากที่หลิงตู้ฉิงเอ่ยมามันหมายความว่าพวกเขาต้องสละวิญญาณและเต๋าในร่างแยกของพวกเขาให้กับคนที่ถูกรับเลือกในโลกเบื้องล่างงั้นเหรอ?
แต่พวกมหาวิถีเต๋าทั้ง 5 ธาตุก็มีพลังที่สมบูรณ์ดี ทำไมพวกเขาจำเป็นต้องสละตัวเองด้วยล่ะ?
เมื่อมองไปที่สีหน้าที่สับสนของคนทั้งสอง หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า “ข้าจะอธิบายให้พวกเจ้าฟังอย่างช้า ๆ ก็แล้วกัน มหาวิถีเต๋าทั้ง 5 ธาตุของพวกเจ้าที่มีพลังสมบูรณ์พร้อมใช้งานอยู่ในตอนนี้ข้าจะใช้พลังของพวกมันทั้งหมด! ดังนั้นพวกเจ้าจึงจำเป็นต้องรับหน้าที่เอาเต๋าของพวกเจ้าเองให้กับคนที่พวกเจ้าคัดเลือกทั้งสองคนเพื่อให้พวกเขากลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าแทนการใช้พลังจากมหาวิถีเต๋าของสำนักที่พวกเจ้าเตรียมเอาไว้”
เซียะซิงอี้และติงหงมองหน้ากันด้วยความงุนงง จากนั้นเซียะซิงอี้ขมวดคิ้วถามเนื่องจากเขายังคาใจ “ผู้อาวุโสข้าไม่เข้าใจ ท่าจะเอาพลังของมหาวิถีเต๋าทั้ง 5 ธาตุของพวกเราไปทำอะไร?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หลิงตู้ฉิงยิ้มและจากนั้นโคจรพลังของร่างเบญจธาตุแสดงให้กับเซียะซิงอี้และติงหงทันที
เมื่อเห็นร่างเบญจธาตุที่หลิงตู้ฉิงสำแดงให้เห็น เซียะซิงอี้และติงหงต่างยืนมองด้วยสายตาโง่งม เพราะการที่มีธาตุทั้งห้าผสมรวมอยู่ในร่างเดียวกันนี้มันไม่เคยมีใครที่ไหนทำได้มาก่อน!
ตามทฤษฎีแล้วธาตุทั้งห้านี้มันไม่ควรอยู่รวมกันได้ แต่แล้วทำไมคนผู้นี้ถึงทำมันได้สำเร็จ?
มันไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ยอดเขาเบญจธาตุที่อยู่โลกเบื้องบนไม่เคยลองทำมาก่อน แต่ทุกครั้งที่พวกเขาลองมันคือความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
เซียะซิงอี้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำชมเชย “ผู้อาวุโสช่างสมกับเป็นผู้อาวุโสจริง ๆ ในเรื่องของโชควาสนาในโลกนี้และโลกเบื้องบนคงไม่มีใครเทียบท่านได้จริง ๆ แต่ว่าผู้อาวุโส ข้าเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีในโลกนี้มีอีกหลายสถานที่ที่มีเต๋าธาตุคล้ายกับของสำนักข้า ทำไมท่านถึงต้องมาใช้พลังของมหาวิถีเต๋าธาตุทั้งห้าของสำนักข้าด้วย?”
“เป็นเพราะเต๋าธาตุทั้งห้าของพวกเจ้าเก่าแก่และแข็งแกร่งกว่าที่อื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งถ้าหากไม่ใช่เต๋าของพวกเจ้า ร่างเบญจธาตุของข้าก็คงไม่สมบูรณ์ ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงจำเป็นต้องใช้เต๋าของสำนักพวกเจ้า” หลิงตู้ฉิงอธิบาย
ติงหงหัวเราะอย่างขมขื่นและพูดว่า “ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจะสืบข้อมูลมาหมดแล้วสินะ ข้าขอเดาว่าผู้อาวุโสคงวางแผนนี้เอาไว้นานแล้วใช่ไหม?”
“ข้าไม่จำเป็นต้องสืบอะไรเลย แค่ข้าเดาก็รู้อยู่แล้ว มันจะมีสำนักไหนที่มีเต๋าธาตุทั้งห้าที่เก่าแก่และทรงพลังมากไปกว่าสำนักของเจ้าอีกจริงไหม?” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “และอีกอย่างเจ้าเดาผิดไปอย่างหนึ่ง ร่างเบญจธาตุของข้านั้นข้าบ่มเพาะด้วยตัวเอง มันไม่ได้เกิดจากปรากฏการณ์ของธรรมชาติหรือสวรรค์อย่างที่พวกเจ้าเข้าใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เซียะซิงอี้อุทานขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง “นี่มันเป็นไปได้ยังไง? ผู้อาวุโสนี่ท่านไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่ไหม?”
“ข้าจะไปล้อเล่นกับเจ้าทำไม?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เอาล่ะในเมื่อพวกเจ้าทำตัวเชื่อฟังดี ดังนั้นข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเจ้า เพราะในเมื่อข้าเอาของของพวกเจ้ามา ข้าเองก็จำเป็นต้องจ่ายราคาให้กับพวกเจ้าเช่นกัน สิ่งที่ข้าจะให้พวกเจ้ามีสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกมันคือเคล็ดการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุ ส่วนอีกอย่างก็คือข้ามีอาณาเขตขนาดใหญ่ที่อยู่ในภูมิภาคี้ซางและที่นั่นก็เต็มไปด้วยทรัพยากรบ่มเพาะจำนวนมหาศาล ซึ่งพวกเจ้าสามารถไปครอบครองมันได้เลย”