บทที่ 941 รอคอยในสำนักเบญจธาต

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เซียะซิงอี้ และ ติงหง ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่กับข้อแลกเปลี่ยนที่ หลิงตู้ฉิง บอกว่าจะให้อาณาเขตในอี้ซางกับสำนักของพวกเขาเพราะพวกเขาไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในโลกเบื้องล่าง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รู้ว่าภูมิภาคอี้ซางนั้นมันเป็นอย่างไร

ดังนั้นสิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจที่สุดก็คือเคล็ดลับการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุต่างหาก

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยากได้เคล็ดลับการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุ พวกเขาก็ยังลังเลที่จะตอบตกลง เพราะมันหมายความว่าพวกเขาต้องสละร่างแยกนี้ซึ่งสร้างขึ้นมาจากพลังส่วนหนึ่งของร่างหลักพวกเขา ถ้าพวกเขาเสียมันไปพวกเขาต้องทำการบ่มเพาะไปอีกนานกว่าที่พลังของพวกเขาจะฟื้นฟูขึ้นมาเหมือนเดิม

แต่แล้วเมื่อพวกเขามองไปที่สายตาที่มุ่งมั่นของหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจด้วยสีหน้าจนใจเพราะพวกเขารู้ดีว่า หลิงตู้ฉิง ไม่ยอมให้พวกเขาปฏิเสธข้อตกลงนี้แน่และถ้าสู้กันขึ้นมาจริง ๆ พวกเขาก็สู้ไม่ได้อยู่ดี สรุปแล้วผลลัพธ์ก็คือไม่ว่าจะยังไงร่างแยกของพวกเขาก็ไม่ได้กลับคืน ดังนั้นท้ายที่สุดพวกเขาจึงยอมตกลงเพราะอย่างน้อย ๆ วิธีนี้พวกเขายังได้รับผลประโยชน์ตอบแทน

หลิงตู้ฉิง หัวเราะ “พวกเจ้าตัดสินใจได้ถูกแล้ว การที่พวกเจ้ายินยอมทำข้อตกลงกับข้าพวกเจ้าจะยังคงสามารถหลงเหลือจิตสำนึกส่วนหนึ่งกลับขึ้นไปบนโลกเบื้องบนได้ซึ่งในภายหลังข้าจะมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเจ้าเพิ่มแน่นอน

ส่วนเรื่องที่อาจารย์ของพวกเจ้าส่งพวกเจ้าลงมาสละตัวเองแบบนี้ โดยที่ไม่บอกอะไรพวกเจ้าอย่าได้ไปถือโทษอะไรกับอาจารย์ของพวกเจ้า มันไม่ใช่ว่าเขาจงใจส่งพวกเจ้าให้มาเจอกับเรื่องลำบากแต่มันเป็นเพราะ เขารู้ว่าการส่งพวกเจ้าลงมาเช่นนี้พวกเจ้าจะได้รับประโยชน์จากข้า ต่อให้พวกเจ้าจะต้องเสียเวลาอีกหลายหมื่นปีเพื่อบ่มเพาะพลังที่หายไปแต่ในอนาคต ข้ารับประกันว่าพวกเจ้าจะได้มีโอกาสทะลวงขอบเขตขึ้นไปถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพแน่นอน

แต่ไหน ๆ พวกเจ้าก็ยอมรับข้อตกลงของข้าแล้วงั้นข้าจะบอกความลับให้พวกเจ้าฟังอีกอย่าง ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ตกลงกับข้าและพยายามสู้กับข้าด้วยอาวุธเต๋าที่คอยปกป้องที่นี่ พวกเจ้าก็ไม่มีโอกาสอยู่ดีเพราะตอนนี้ง้าวพินาศเทวะก็อยู่ในโลกเบื้องล่างกับข้าด้วยดังนั้นต่อให้พวกเจ้าจะพยายามต่อต้านข้าขนาดไหนมันก็ไร้ประโยชน์”

เซียะซิงอี้ และ ติงหง มองไปที่ หลิงตู้ฉิง ด้วยสีหน้าขมขื่นอยู่สักพัก จากนั้นพวกเขาพูดว่า “ผู้อาวุโส ดูเหมือนว่าท่านปิดทางเลือกของพวกเราทั้งหมดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าจะยังไงชะตากรรมร่างแยกของพวกเราก็ไม่รอดแน่นอนอยู่ดี เอาเป็นว่าพวกเราหวังว่าผู้อาวุโสจะมอบประโยชน์ที่มันคุ้มค่าพอกับสิ่งที่พวกเราต้องสละไป”

“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น พวกเจ้าจะพอใจกับผลประโยชน์ที่ข้ามอบให้แน่นอน” หลิงตู้ฉิง พูดขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ

ติงหง ถอนหายใจจากนั้นเขาพูดว่า “ผู้อาวุโสระหว่างนี้พวกเราขอเชิญท่านเข้าไปพักผ่อนในเรือนรับแขกของสำนักพวกเราก่อนก็แล้วกัน พวกเราต้องขอเวลาเตรียมตัวในการแลกเปลี่ยนกับท่านสักหน่อย”

หลิงตู้ฉิง พยักหน้า “พวกเจ้ารีบเตรียมตัวกันให้เร็วที่สุด ข้ายังต้องเดินทางไปที่อื่น ๆ ต่อเพื่อล่าตัวเหล่าผู้ส่งสาสน์ที่มาจากโลกเบื้องบนให้มากที่สุด ข้าไม่มีเวลาจะเสียกับพวกเจ้าที่นี่มากนัก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียะซิงอี้ และ ติงหง รู้สึกหนาวสันหลังแทนเหล่าผู้ส่งสาสน์ที่มาจากโลกเบื้องบนของสำนักอื่น ๆ จากนั้นพวกเขารีบเชิญ หลิงตู้ฉิง ไปพักผ่อนทันที

บรรดาศิษย์ของสำนักเบญจธาตุทั้งหลาย เมื่อได้เห็นว่าผู้ส่งสาสน์ของพวกเขาเดินตีคู่กับ หลิงตู้ฉิง เข้ามาในสำนัก พวกเขาต่างก็รู้สึกงุนงงกับภาพที่เห็น

ขณะนี้ทั้งโลกได้รู้หมดแล้วว่า หลิงตู้ฉิง เป็นใครดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจเลยว่าสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้มันหมายความว่ายังไง

แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้วีรกรรมในอดีตของหลิงตู้ฉิงกันหมดแล้ว แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว หลิงตู้ฉิง แม้แต่น้อยเพราะในตอนนี้ หลิงตู้ฉิง ได้เข้ามาอยู่ในสำนักของพวกเขาซึ่งพวกเขามั่นใจพอว่าเมื่อทั้งสำนักรวมกำลังกันพวกเขาน่าจะมีความแข็งแกร่งมากพอจะกำราบหลิงตู้ฉิงได้

“ผู้อาวุโส นี่ท่านมาที่นี่ทำไมกัน?” เสี่ยหนานเทียน เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ามืดหม่น

เขารู้สึกได้ว่าเหตุผลการมาเยือนของ หลิงตู้ฉิง นั้นน่าจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่

สีเป่ยเซียะ รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเมื่อได้ข่าวการมาของ หลิงตู้ฉิง นางรีบเดินออกมาทักทายเขาทันที “คุณชายหลิง!”

สีจิ้งหมิง อยู่ในฝูงชนและเห็น หลิงตู้ฉิง เช่นกันแต่เขาไม่ได้เอ่ยทักทายอะไร

เมื่อในอดีตตอนที่อยู่อาณาเขตนภาเขาไม่เห็น หลิงตู้ฉิง อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยและยิ่งไปกว่านั้นเขายังเล่นตุกติกกับ หลิงยี่เทียน อีกต่างหาก

แต่แล้วในท้ายที่สุดเมื่อเขาได้ข่าวของ หลิงยี่เทียน และ หลิงตู้ฉิง อีกครั้ง มันกลับเป็นเขาเองที่รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

ครั้งหนึ่งเขาเคยมีโอกาสทำให้ลูกสาวของตนเองแต่งงานกับราชันย์แห่งมวลมนุษย์แต่เขากลับปฏิเสธโอกาสนั้นเอง

ครั้งหนึ่งเขามีโอกาสที่จะได้สร้างสัมพันธ์กับ หลิงตู้ฉิง แต่เขาละทิ้งโอกาสนั้นไปแถมยังเกือบสร้างความบาดหมางอีกต่างหาก

ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะพี่สาวของเขาได้ห้ามเอาไว้ ป่านนี้เขาคงเป็นคนสร้างศัตรูตัวฉกาจให้กับสำนักของเขาไปแล้ว

ในตอนนี้เมื่อเขาได้รู้ว่า หลิงตู้ฉิง มีวีรกรรมที่น่ากลัวขนาดไหนและนึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวต่อ หลิงตู้ฉิง ถึงขนาดไม่กล้าจะสบตา

ทางด้านของ หลิงตู้ฉิง ก็ไม่ได้สนใจสีจิ้งหมิงแม้แต่น้อยเขาหัวเราะและพูดกับ สีเป่ยเซียะ และ เสี่ยหนานเทียนว่า “ข้าเคยบอกไปแล้วไงว่าข้าจะมาเยือนสำนักของพวกเจ้า เอาล่ะในเมื่อพวกเจ้ามากันทั้งคู่ก็ดี ในระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่พวกเจ้าก็ติดตามข้าก่อนก็แล้วกัน ส่วนพวกเจ้าทั้งสองก็จงรีบไปเตรียมตัวเองซะ อย่าลืมว่าข้ากำลังรีบอยู่!”

ประโยคท้ายนั้น หลิงต็ฉิง พูดกับ เซียะซิงอี้ และ ติงหง

เซียะซิงอี้ พูดกับ เสี่ยหนานเทียน และ สีเป่ยเซียะ ทันที “ในเมื่อพวกเจ้ารู้จักกับผู้อาวุโส ดังนั้นข้าจะให้พวกเจ้ารับหน้าที่คอยรับใช้ผู้อาวุโสในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่ พวกเจ้าทั้งคู่จะต้องดูแลผู้อาวุโสให้ดี อย่าให้มีเรื่องขาดตกบกพร่องใด ๆ ส่วนคนอื่น ๆ พวกเจ้าจงตามพวกข้าไปที่ห้องโถงหลักข้ามีธุระสำคัญต้องคุยกับพวกเจ้า!”

เมื่อได้ยินคำสั่งผู้คนทั้งหลายต่างก็เดินตาม เซียะซิงอี้ และ ติงหง ไปด้วยสีหน้าตกตะลึง

ผู้ส่งสาสน์ของพวกเขาเรียก หลิงตู้ฉิง ว่าผู้อาวุโสงั้นเหรอ?

เมื่อคนอื่น ๆ จากไปแล้ว เสี่ยหนานเทียน และ สีเป่ยเซียะ ที่ยังคงอยู่ก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าจนใจ

พวกเขาเองก็ได้ยินผู้ส่งสาสน์ของพวกเขาเรียก หลิงตู้ฉิง ว่าผู้อาวุโสชัดเจนเต็มสองรูหูซึ่งมันทำให้พวกเขารู้ได้ว่าเบื้องหลังของ หลิงตู้ฉิง น่าจะเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้เสียแล้ว

“อย่าคิดฟุ้งซ่านอะไรให้มันมากมาย!” หลิงตู้ฉิง โบกมือ “ข้าแก่กว่าพวกเขาดังนั้นพวกเขาเลยเรียกข้าว่าผู้อาวุโส พวกเจ้าเองก็ปฏิบัติตัวกับข้าตามเดิมแบบที่พวกเจ้าเคยทำก็พอ”

เสี่ยหนานเทียน เป็นคนแรกที่ปรับอารมณ์ได้ก่อนจากนั้นเขาหัวเราและพูดว่า “ผู้อาวุโส ถ้างั้นข้าขออนุญาตทำตัวตามสบายเหมือนเดิมก็แล้วกัน!”

เมื่อตอนที่อยู่ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน เสี่ยหนานเทียน ได้เห็นความมหัศจรรย์ของ หลิงตู้ฉิง ไปแล้วดังนั้นตอนนี้เขาจึงคิดแค่ว่า หลิงตู้ฉิง ก็แค่มหัศจรรย์ขึ้นมากกว่าเดิม

หลิงตู้ฉิง หัวเราะและพูดกับ เสี่ยหนานเทียน ว่า “ไอ้หนู เจ้าอุตส่าห์ได้สมบัติล้ำค่าไปจากต้นเทวะศาสตรา แต่ผ่านมาหลายปีตอนนี้เจ้ายังอยู่แค่ระดับสวรรค์สมบูรณ์ ในขณะที่ตอนนี้ข้าทะลวงขึ้นไปอยู่ขอบเขตราชันแล้วนี่เจ้าเอาแต่ขี้เกียจไม่ยอมบ่มเพาะหรือว่าเจ้าโง่กันแน่?”

“ผู้อาวุโส ท่านจะเอาข้าไปเทียบกับท่านแบบนี้ไม่ได้!” เสี่ยหนานเทียน ตะโกนขึ้น “ผู้อาวุโสมีชีวิตอยู่มาตั้งนานแล้วข้าผู้นี้จะไปเทียบกับท่านได้อย่างไรกัน?”

สีเป่ยเซียะ ยิ้มและพูดขึ้นเสริม “ถ้าเทียบกับผู้อาวุโสแล้วพวกเราไม่มีค่าอะไรให้พูดถึง”

เมื่อนางลองคิดย้อนกลับไป นางก็เริ่มคิดได้ว่า หลิงตู้ฉิง นั้นไม่ได้น่ากลัวเหมือนในตำนานที่กล่าวกันเอาไว้เลยดังนั้นนางจึงกล้าพูดกับเขามากขึ้น

“เมื่อตอนนั้นเจ้าเกือบจะได้เป็นภรรยาของข้าแล้ว!” หลิงตู้ฉิง พูดขึ้นแหย่นาง

สีเป่ยเซียะ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังและพูดว่า “หากข้ารู้ว่าท่านเป็นใครตั้งแต่แรก ข้าคงจะตอบตกลงกับท่านแน่นอน”

เสี่ยหนานเทียน รีบพูดขึ้นแทรก “ผู้อาวุโส ข้าคิดว่าตอนนี้มันก็ยังไม่สายเกินไปนัก! ศิษย์พี่ของข้าตอนนี้ก็ยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นท่านยังสามารถขอให้นางเป็นภรรยาของท่านได้อยู่”

หลิงตู้ฉิง ส่ายหัว “ในตอนนั้นข้าต้องการแต่ในตอนนี้ข้าไม่ต้องการอีกแล้ว”

“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิผู้อาวุโส! ศิษย์พี่ของข้าดีจริง ๆ นะ” เสี่ยหนานเทียน รีบพูดขึ้นเสริมอีก “ข้ารับรองว่าท่านจะมีความสุขมาก ๆ แน่นอนถ้าได้ศิษย์พี่ของข้าไปเป็นภรรยา!”

“ไอ้หนูเจ้านี่พูดมากจริง!” หลิงตู้ฉิง พูดขึ้นพร้อมกับชกหมัดไปที่กลางอกของ เสี่ยหนานเทียน จนร่างของเขาระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ แต่แล้วแค่เพียงอึดใจเดียวเศษซากร่างของเขาก็ลอยกลับมาประกอบกันเหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แน่นอนว่านี่เป็นอำนาจของใบไม้ที่ เสี่ยหนานเทียน ได้รับมาจากต้นเทวะศาสตราซึ่งมันทำให้ร่างกายของเขาไม่มีวันถูกทำลายได้