บทที่ 1724 ผลแพ้ชนะถูกกำหนดแล้ว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

อิ๋งอู๋หม่านยังไม่เข้าใจสถานการณ์ชัดเจน อิ๋งจิ่วกวงก็สั่งจั่วเอ๋อร์ด้วยเสียงต่ำแล้ว “ให้เจ้าเด็กเนรคุณนั่นมาพบข้า!”

เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ อิ๋งอู๋หม่านก็เข้าใจว่าหมายถึงเจ้ารองอิ๋งอู๋เชวีย ช่วงนี้มีเพียงเจ้ารองที่ถูกท่านพ่อเรียกว่าเด็กเนรคุณ พอได้ฟังคำพูดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อแทนอิ๋งอู๋เชวีย ครั้งก่อนตอนเพิ่งกลับมาจากวังสวรรค์ พอท่านพ่อเห็นเจ้ารองก็บอกว่า เอายาให้เขากิน จากนั้นสั่งให้คนไปเอาแส้สยบมังกรมา ผลปรากฏว่าเจ้ารองบาดแผลเก่าจากแส้ยังไม่ทันหาย ท่านพ่อก็ลงมือโบกแส้ใส่เจ้ารองอีกจนสาหัสปางตาย ตอนนี้ได้ยินคำพูดที่แฝงด้วยความเดือดดาล เหมือนเจ้ารองจะทำอะไรผิดอีกแล้ว

ว่ากันตามจริง การที่เจ้ารองโชคร้ายซ้ำซ้อนกลับทำให้เขาแอบดีใจนิดหน่อย สาเหตุก็ไม่ซับซ้อนเลย เพราะยิ่งในสายตาท่านพ่อตราตรึงลึกเท่าไรว่าเจ้ารองไร้ความสามารถ ก็ยิ่งไม่มีทางคุกคามตำแหน่งของเขาได้

และในขณะนี้เอง จั่วเอ๋อร์ก็รีบโน้มน้าวว่า “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณชายรอง แค่คุณชายรองบังเอิญโดนเท่านั้นเอง ดูจากป้ายหินรับสมัครนี้แล้ว เหมือนไม่ใช่การกระทำที่เพิ่งฉุกคิดได้เลยจริงๆ สิ่งนี้ยิ่งพิสูจน์ว่าเรื่องที่งานเลี้ยงวันเกิดคือความตั้งใจของหนิวโหย่วเต๋อ ต่อให้คุณชายรองไม่ไปติดกับดัก หนิวโหย่วเต๋อก็ต้องพาลหาเรื่องโดยไร้เหตุผลอยู่ดี ที่จริงการที่เขากับคุณชายรองขัดแย้งกัน เดิมทีก็เป็นการพาลหาเรื่องโดยไร้สาเหตุอยู่แล้ว เพราะจงใจจะอาศัยโอกาสแสดงความสามารถ…”

โชคดีที่นางกล่าวโน้มน้าว อิ๋งจิ่วกวงแสยะยิ้มสองสามที แล้วก็ไม่พัวพันเรียกอิ๋งอู๋เชวียมาพบอีก นับว่าปล่อยอิ๋งอู๋เชวียไปสักครั้ง จากนั้นก็ยื่นมือกำหมากบนกระดานมาไว้ในมือ แล้วส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “เสียตำแหน่งโหวไปตำแหน่งเดียวแล้วยังไงล่ะ ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากจะเอาตำแหน่งโหวสองตำแหน่งไปแลกกับความจงรักภักดีของเจ้าเด็กนี่ด้วยซ้ำ! ตาถั่วแล้ว นึกถึงไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี้นอกจากจะห้าวหาญแล้ว ยังวางแผนได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ด้วย เป็นแม่ทัพที่มีความสามารถจริงๆ ถ้าได้มาทำงานรับใช้ ในอนาคตก็เพียงพอที่จะแบกรับความเสี่ยงให้ตระกูลอิ๋งของข้าไม่น้อย ทั้งยังช่วยเจ้าได้อีกแรงด้วย หลังจากข้าตายก็หมดกังวลไปแล้วเกินครึ่ง!” เขายกมือชี้อิ๋งอู๋หม่านอีก “น่าเสียดาย น่าทอดถอนใจ เดิมทีเป็นคนที่อยู่ในมือข้า ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยให้เขาลอดซอกนิ้วไปได้ ข้าเพียงแค้นที่ตัวเองไร้ความสามารถในการมองคน!”

อิ๋งอู๋หม่านเหมือนหมอกลงสมองอย่างแท้จริง อยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าถาม อย่างไรเสียท่านพ่อก็เพิ่งโมโหไ กลัวว่าจะหาเรื่องซวยให้ตัวเอง ได้แต่มองตาปริบๆ

ดวงดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้า จันทร์กระจ่างส่องสว่าง จวนท่านปู่สวรรค์เซี่ยโห้ว ใต้ต้นไม้โบราณที่สูงระฟ้า บนกิ่งไม้แขวนโคมไฟเอาไว้ ข้างล่างเป็นกระดานหมากล้อม เซี่ยโห้วท่ากับเซี่ยโห้วลิ่งกำลังเล่นหมากล้อมด้วยกัน

เว่ยซูรีบก้าวเข้ามา แล้วยืนพูดอยู่ข้างๆ เขา “นายท่าน คุณชายรอง หนิวโหย่วเต๋อตั้งป้ายหินรับสมัครนอกประตูจวนแม่ทัพภาคตลาดผีขอรับ”

สายตาเซี่ยโห้วลิ่งจ้องกระดานหมากพร้อมอมยิ้ม “เจ้าหนุ่มนั่นน่าสนใจมาก ตอนอยู่งานเลี้ยงวันเกิดมั่นใจเต็มเปี่ยมอย่างนั้น คาดว่าป้ายหินรับสมัครคงจะมีลูกเล่นอะไรใหม่ๆ สินะ?”

“ป้ายหินรับสมัครกำหนดขอบเขตเอาไว้ ว่าจะไม่รับทหารเกรียงไกรของสี่ทัพ รับแค่พวกเทพแห่งภูผาเทพแห่งผืนดิน…” เว่ยซูกล่าวถึงอักษรบนป้ายหินอย่างช้าๆ

“อ้อ!” เซี่ยโห้วลิ่งเงยหน้าอย่างแปลกใจ ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่กลับได้ยินเสียงบางอย่าง พอหันกลับมามอง ก็เห็นตัวหมากที่คีบอยู่ตรงซอกนิ้วเซี่ยโห้วท่าตกลงกระเด็นบนกระดานหมาก ขณะที่ทำสีหน้าตกใจ รอยยิ้มเจื่อนก็ค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าเช่นกัน

แค่มองปราดเดียว เซี่ยโห้วลิ่งก็รู้แล้วว่าบิดาฟังจนเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงเงยหน้ามองเว่ยซูด้วยแววตาสอบถามทันที “หรือว่ามีความหมายลึกล้ำอีกอย่าง?”

“…” เว่ยซูอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เดิมทีอยากจะบอกประมาณว่า ‘คุณชายสามชี้แนะมา’ แต่พอนึกได้ว่าอยู่ต่อหน้าคุณชายรอง เรื่องที่คุณชายรองยังไม่เข้าใจ ถ้าตัวเองพูดต่อหน้านายท่านว่าคุณชายสามเข้าใจกระจ่างแล้ว ก็จะทำให้คุณชายรองไม่พอใจ ดังนั้นจึงต้องกลืนคำพูดลงไป แล้วชี้แนะว่า “คุณชายรอง อย่าดูถูกพวกเทพแห่งภูผา เทพแห่งผืนดินเชียวขอรับ ในจำนวนนั้นมีพวกที่วรยุทธ์ไม่อ่อนแอแต่ถูกข่มไว้เพราะไร้เส้นสายภูมิหลัง คาดว่าคงมีจำนวนไม่น้อย อย่าว่าแต่หนึ่งแสนเลย คาดว่าต่อให้หนึ่งล้านก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเช่นกัน”

เซี่ยโห้วลิ่งแปลกใจ “แล้วยังไงล่ะ? เกรงว่าจวนแม่ทัพภาคตลาดผีอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าตำแหน่งเทพแห่งภูผาเทพแห่งผืนดินสักเท่าไรหรอก อย่างน้อยพวกเทพแห่งภูผาเทพแห่งผืนดินก็มีอาณาเขตของตัวเอง ยังสามารถใช้ชีวิตอิสระเสรีได้บ้าง ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อสามารถเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล แต่เขาล่วงเกินคนไว้มาเท่าไรล่ะ? แล้วจะชดใช้ที่ทรยศสี่ทัพยังไง เกรงว่าจะไม่คุ้ม”

เว่ยซูมองเซี่ยโห้วท่าแวบหนึ่ง เขาไม่พูดอะไรแล้ว

“เจ้ารอง เจ้าอยู่กับความร่ำรวยมานานแล้ว ลองเจียดเวลาไปท่องโลกบ้าง ตีสนิทกับคนระดับล่างมากๆ หน่อย สิ่งนี้จะเป็นผลดีกับเจ้า” เซี่ยโห้วท่ากล่าวเสียงเรียบ

พอฟังออกว่าท่านพ่อกำลังตำหนิที่ตนมีความสามารถไม่พอ เซี่ยโห้วลิ่งก็ทำสีหน้าจริงจังทันที รีบลุกขึ้นยืน จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย แล้วโค้งตัวค้างไว้ “ขอรับ! ลูกจดจำคำของท่านพ่อไว้แล้ว เพียงแต่ได้โปรดอย่าเคลือบแคลงในในตัวลูก”

เซี่ยโห้วท่ากดมือลง หลังจากบอกใบ้ให้เขานั่งลงแล้ว เขายื่นมือไปดึงหมากบนกระดานขึ้นมา เก็บหมากที่วางผิดกลับมา เสร็จแล้วถึงได้กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “แผนนี้เด็ดมาก เป็นแผนชั่วที่โจ่งแจ้งสง่าผ่าเผย แต่กลับโจมตีใจคนที่สุด เรียกได้ว่าคาดเดาใจคนได้หมดแล้ว แทงไปที่จุดด้อยของตำหนักสวรรค์โดยตรง ข้าทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ ว่าคนหยาบอย่างหนิวโหย่วเต๋อจะคิดแผนนี้ให้ เจ้ารองเอ๊ย เจ้าถามว่าทำไมจึงมีคนไปขอพึ่งพาน่ะเหรอ แค่ข้าเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้เจ้าฟัง หลังจากฟังจบเจ้าก็ก็พอจะรู้บ้างแล้ว”

เซี่ยโห้วลิ่งพยักหน้า “ลูกจะล้างหูรอฟัง”

สายตาเซี่ยโห้วท่ากำลังกวาดมองบนกระดานหมากราวกับครุ่นคิดว่าจะลงหมากอย่างไร “ข้าถามเจ้าหน่อย ทำไมการทดสอบที่แดนอเวจีถึงมีนักพรตระดับล่างเป็นฝ่ายไปเสี่ยงอันตรายเองเสียส่วนใหญ่ แต่พวกลูกหลานชนชั้นสูงกลับถูกกดดันจนหมดทางเลือกถึงได้ไป?”

เซี่ยโห้วลิ่งบอกว่า “ลูกชายเข้าใจความหมายของท่านพ่อ เสี่ยงอันตรายเพื่อความร่ำรวยไงล่ะ ลูกหลานชนชั้นสูงไม่ขาดเงินทอง ย่อมไม่เอาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงง่ายๆ เป็นหลักการเดียวกัน ตอนนี้การทดสอบแดนอเวจีแทบจะรกร้าง ไม่มีใครไปเสี่ยงไปเข้าร่วมแล้ว ถ้าในบรรดาเทพแห่งภูผา เทพแห่งผืนดินพวกนั้นมีผู้ที่มีอุดมการณ์ แล้วทำไมไม่ไปสมัครเข้าร่วมล่ะ?”

เซี่ยโห้วท่าบอกว่า “ผู้มีอุดมการณ์ไม่ได้หมายความว่าจะโง่กันหมด เรื่องที่มองไม่เห็นความหวัง เหตุใดต้องพากันไปเข้าร่วมเพื่อเอาชีวิตไปทิ้งล่ะ? ลูกหลานผู้มีอำนาจบางส่วนที่เขเร่วม ส่วนใหญ่มีผู้ติดตามจำนวนมาก คนที่ทดสอบได้อันดับต้นๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกหลานผู้มีอำนาจ เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าขนาดเซี่ยโหวหลงเฉิงยังได้อันดับต้นๆ เลย ในบรรดาคนที่อยู่อันดับเดียวกันล้วนเป็นลูกหลานผู้มีอำนาจที่ได้ตำแหน่งอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้มีตั้งกี่คนที่รอดชีวิตจากการทดสอบกลับมาแล้วยังต้องรอตำแหน่งล่ะ? อัตราส่วนคนที่รอดชีวิตกลับมาคิดเป็นเท่าไร? และถึงแม้ในนามตลาดสวรรค์จะถูกตัดจากท้องถิ่นไปให้ตำหนักนารีสวรรค์ดูแลแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของกำลังพลท้องถิ่น จะหลีกเลี่ยงอิทธิพลนี้ได้เหรอ? อำนาจท้องถิ่นกระตือรือร้นที่จะใช้อีกวิธีการหนึ่งเพื่อควบคุมตลาดสวรรค์อีกครั้ง เจ้าไม่เห็นเหรอ? จะมีสักกี่คนในตลาดสวรรค์ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับขุนนางเต็มราชสำนักเหมือนหนิวโหย่วเต๋อได้? ไม่ว่าหนิวโหย่วเต๋อจะมีหกลัทธิหนุนหลังหรือไม่ เจ้าคิดว่าตอนแรกหนิวโหย่วเต๋อเต็มใจไปเข้าร่วมการทดสอบที่แดนอเวจีงั้นเหีอ? ผู้มีอุดมการณ์ที่พอจะมีสมองสักหน่อยล้วนไม่หลับหูหลับตาทุ่มเทชีวิตทำงานหรอก และนี่ก็คือจุดที่ร้ายกาจ ถ้าหนิวโหย่วเต๋อสามารถรับคนพวกนี้มาไว้ในมือได้จริง ก็จะมีรากฐานที่ทำให้ยืนได้อย่างมั่นคงในใต้หล้า มีโอกาสที่จะเข้าไปข้างหน้าต่อแล้ว ใต้บังคับบัญชาเขาจะมีแต่คนเก่งที่ใช้ประโยชน์ได้!”

เซี่ยโห้วลิ่งตกอยู่ในความเงียบ

แก๊ก! เซี่ยโห้วท่าทำหมากตัวหนึ่งตกพื้นเสียงดังมาก เตือนสติเซี่ยโห้วลิ่งแล้ว

เซี่ยโห้วลิ่งกำลังจะยื่นมือไปหยิบตัวหมาก แต่เซี่ยโห้วท่ากล่าวกลั้วหัวเราะว่า “คืนนี้เปรี้ยวปากนิดหน่อย เจ้ารอง ไม่ได้ชิมฝีมือเจ้ามานานแล้วนะ”

“ฮ่าๆ!” เซี่ยโห้วลิ่งยิ้มอย่างสดใส แล้ลุกขึ้นยืน “ท่านพ่อรอสักครู่ ลูกจะไปทำกลับแกล้มสุราสักสองสามอย่าง” เขายื่นมือบอกใบ้ให้เว่ยซูช่วยเขาเล่นหมากล้อมต่อ จากนั้นหันตัวเดินก้าวยาวออกไป

เว่ยซูทำได้เพียงนั่งลงเก็บตัวหมากมาไว้ในมือ แล้วจ้องกระดานหาที่ลงหมาก

ใครจะคิดว่าจู่ๆ เซี่ยโห้วท่าที่นั่งตรงข้ามจะกล่าวเสียงเรียบว่า “ดูจากปฏิกิริยาของเจ้าแล้ว เจ้าสามคงจะมองทะลุแผนเด็ดของหนิวโหย่วเต๋อแล้วใช่มั้ย?”

เว่ยซูเงยหน้ามองอย่างตกใจ สบประสานสายตาอันชาญฉลาดของเซี่ยโห้วท่าที่มองกดดันเข้ามาพอดี ทำให้ใบหน้าเต็มไปด้วยความขื่นขม ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าที่นายท่านบอกว่าเปรี้ยวปากเป็นเพียงข้ออ้าง ที่จริงต้องการจะถามเขาหลังจากกันคุณชายรองไปแล้ว เขาไม่กล้าปิดบัง พยักหน้าเบาๆ พร้อมกล่าวเสียงอ่อน “คุณชายสามเป็นคนส่งข่าวมาขอรับ คุณชายสามชี้แนะว่า หนิวโหย่วเต๋อยืนอยู่ในจุดที่ไม่แพ้แล้ว”

ชั่วพริบตานั้น เซี่ยโห้วท่าก็หลับตาลงช้าๆ ความเจ็บปวดพรั่งพรูบนใบหน้า “ถ้าไม่รู้จักความลำบากในโลกนี้ แล้วจะเข้าใจทั้งปรุโปร่งทั้งข้างล่างข้างบนได้อย่างไร จะควบคุมตระกูลที่ใหญ่ขนาดนี้คล่องมือได้อย่างไร? เวลาที่มั่นใจในตัวเองก็หมายความว่ากำลังหลับหูหลับตาอวดดีเช่นกัน! สิ่งที่เจ้าสามฝึกฝนมา เจ้ารองยังมีบางจุดที่สูไม่ได้ แล้วเจ้าเองก็เหมือนจะกลัวเจ้ารองมาก”

เว่ยซูตกใจจนมือสั่น

เซี่ยโห้วท่าหรี่ตามองปฏิกิริยาของเขา แล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้ากว่าปกติ “เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก ทำงานจองตัวเองให้ดี เจ้าติดตามข้ามานานขนาดนี้ สิ่งที่อยู่ในสมองก็คือสมบัติล้ำค่า ไม่ว่าใครจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งก็ไม่กำจัดเจ้าทิ้งหรอก ล้วนใช้งานเจ้าได้ หวังว่าเจ้ารองจะฟังเข้าใจ ตั้งใจฝึกฝนให้ดีก็แล้วกัน”

ลมราตรีพัดวูบเข้ามา ภายใต้โคมไฟที่เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เว่ยซูก้มหน้าเงียบๆ

จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ในห้องหนังสือของฮ่าวเต๋อฟาง ซูอวิ้นรายงานเรื่องตั้งป้ายรับสมัครที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีให้ฟัง หลังจากรู้ถึงความเกี่ยวโยงที่ร้ายกาจแล้ว ฮ่าวเจ๋อที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านพ่อ ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว สงสัยจะต้องกำจัดหนิวโหย่วเต๋อให้เร็วๆ หน่อย”

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอิ๋งหรือตระกูลฮ่าว หลังจากผลักดันตัวแทนตระกูลให้เข้าประชุมราชสำนักอย่างเปิดเผย บรรดาอ๋องสวรรค์ก็พูดคุยใกล้ชิดกับลูกชายตัวเองถี่มาก ถ้าจะพูดให้ชัดหน่อยก็คือกำลังชี้แนะฝึกฝน

ฮ่าวเต๋อฟางที่นั่งพิงเก้าอี้หลังโต๊ะยาวทำเสียงฮึดฮัด “จะกำจัดยังไงล่ะ? ถ้าปกป้องแค่นี้ยังทำไม่ได้ เช่นนั้นประมุขชิงก็นั่งในตำแหน่งไม่ได้แล้ว ไม่มีโอกาสลงมือแล้ว”

ฮ่าวเจ๋อครุ่นคิดเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าจะมีทางห้ามเทพแห่งภูผา เทพแห่งผืนดินพวกนั้นหรือเปล่า?”

ฮ่าวเต๋อฟางถอนหายใจเบาๆ “จะห้ามได้ยังไง? เจ้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครบ้างจะไปขอพึ่งพา? จะห้ามเทพแห่งภูผา เทพแห่งผืนดินได้ทุกคนเลยเหรอ? ใต้หล้าใหญ่ขนาดนั้น ดาราจักรกว้างใหญ่ คนพวกนั้นอยู่ระดับต่ำสุดทั่วพื้นที่ ต้องส่งคนไปมากเท่าไรถึงจะห้ามได้ล่ะ? นอกเสียจากจะให้ผู้บังคับบัญชาของคนพวกนั้นเตือนแล้วจะทำยังไงได้อีก แถมพวกเขาก็ถูกผู้บังคับบัญชาของพวกเขาข่มไว้ข้างล่าง พวกเขาไม่เคยได้รับบทเรียนจากคำเตือนของผู้บังคับบัญชาเชียวเหรอ? ขู่คนพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์เลย ถ้าพอจะอ่านสถานการณ์ออกสักหน่อย ก็คงไม่ใช้ชีวิตอนาถขนาดนั้นหรอก ตอนนี้มีทางไปแล้ว มีทางจะหลุดพ้นจากการควบคุมของสี่ทัพแล้ว ทั้งยังมีบัญชาจากราชันสวรรค์ ไม่มีอะไรให้ห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว ตบก้นหนีไปได้เลย พวกเขามองผู้บังคับบัญชาตัวเองเป็นศัตรูมานานแล้ว จะมองเห็นคำเตือนอยู่ในสายตาอีกเหรอ? ต่อให้ห้ามได้ แต่การห้ามคนมากมายขนาดนั้นต้องเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดไหน ประมุขชิงเป็นคนหูหวกตาบอกหรือไง? ถ้าห้ามได้แล้วก็เท่ากับพวกเราส่งจุดอ่อนไปให้อีกฝ่าย พวกเราก็แพ้การเดิมพันนี้อยู่ดี สงสัยการอยู่ในความร่ำรวยมานานจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร เจ้าน่ะ เจียดเวลาไปคลุกคลีกับคนระดับล่างเยอะๆ หน่อยนะ”

ฮ่าวเจ๋อกัดฟันพูด “ท่านพ่อ อย่าบอกนะว่าจะเอาแต่ดูอยู่อย่างนี้ จะไม่มีวิธีการอื่นแล้วเชียวหรือขอรับ?”

ฮ่าวเต๋อฟางพิงหลังเงยหน้า แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “พอใช้แผนนี้ ผลแพ้ชนะก็ถูกตัดสินไว้แล้ว แพ้แล้ว เป็นแผนชั่วที่ใช้ได้อย่างสง่าผ่าเผย! ตาแก่โค่วพลาดแม่ทัพชั้นดีอย่างนี้ไป…ซูอวิ้น ต้องคิดหาทางเอามาเป็นพวกสิถึงจะเป็นกลยุทธ์ชั้นยอด! ทำให้เขาสวามิภักดิ์ก่อน เมื่อโอกาสมาถึงก็ใช่ว่าจะทำงานให้ข้าไม่ได้!”

…………………………