บทที่ 943 เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะมาท้าทายข้า

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ไป๋ฮุยหยวน กล่าวขึ้นอย่างหนักแน่นว่าเขาจะสู้แต่เมื่อเขาเห็นว่า เซียะซิงอี้ และ ติงหง ไม่สนับสนุนเขาเลยในท้ายที่สุดเขาจึงเงียบลงไปไม่กล้าพูดอะไรต่อ

หากเขาออกจากสำนักไปเขาก็ไม่สามารถพึ่งพาอาวุธเต๋าของสำนักได้อย่างมากที่สุดเขาก็ใช้ได้แค่อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาชนะ หลิงตู้ฉิง ได้ด้วยอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเห็นว่าในที่สุด ไป๋ฮุยหยวน เงียบลงไป เซียะซิงอี้ พูดขึ้นต่อว่า “เอาล่ะนี่คือเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นที่พวกเจ้าจำเป็นต้องรู้ ตอนนี้พวกเจ้าส่งคนไปตามเขามาได้แล้ว”

ในตอนนี้ไม่มีใครแย้งอะไรอีกแล้ว เพราะพวกเขาจะได้ทั้งอาณาเขตขนาดใหญ่ เคล็ดลับการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุแถมแผนการผู้สำเร็จเต๋าของพวกเขาก็ยังคงทำได้ต่อไปดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะต้องเอ่ยแย้ง

หลังจากนั้นไม่นาน หลิงตู้ฉิง ก็ถูกเรียกเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักเบญจธาตุ

“พวกเจ้าคงตกลงกันได้แล้วใช่ไหม?” หลิงตู้ฉิง ถามขึ้น

เซียะซิงอี้ พยักหน้าและพูดว่า “พวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคงต้องตกลงตามคำของผู้อาวุโส พวกเราหวังว่าผู้อาวุโสจะตอบแทนพวกเราตามที่ท่านพูดเช่นกัน”

หลิงตู้ฉิง ยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้าสามารถใช้ประตูเคลื่อนย้ายเดินทางไปที่อาณาจักรจันทราได้เลย ยี่เทียน จะเป็นคนพาพวกเจ้าไปที่อาณาเขตที่ข้าเลือกไว้เอง แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าเอาไว้สักหน่อย อาณาเขตใด ๆ ก็ตามที่มีคนอาศัยอยู่ก่อนแล้วพวกเจ้าห้ามรุกรานพวกเขาเด็ดขาด เพราะพวกเขาคือคนของข้า ส่วนวิธีการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุข้าจะถ่ายทอดให้กับพวกเจ้าตามสัญญา แต่พวกเจ้าที่บ่มเพาะเพียงธาตุเดียวมาโดยตลอดพวกเจ้าคงไม่สามารถบ่มเพาะมันได้สำเร็จ พวกเจ้าจงไปเฟ้นหาเด็กที่มีพรสวรรค์มาลองบ่มเพาะมันแทน ซึ่งในท้ายที่สุดแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าข้าแต่พวกเขาก็จะไม่ด้อยไปกว่าใครแน่นอน”

“ขออภัยที่ข้าขอถามแทรกสักหน่อย ผู้อาวุโส พวกข้าสามารถเดินทางไปที่ภูมิภาคอี้ซางได้จริง ๆ งั้นเหรอ?” เสี่ยหลี เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

หลิงตู้ฉิง พยักหน้า “พวกเจ้าเข้าไปได้แน่นอนตอนนี้ข้าได้ให้กองกำลังที่เป็นพันธมิตรกับข้าได้เข้าไปจับจองอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางแล้วมากมาย ส่วนพวกเจ้าเองเมื่อได้เข้าไปเห็นแล้วจะรู้เองว่าทรัพยากรของที่นั่นมันเหนือกว่าที่พวกเจ้าจินตนาการได้นักเพราะมันไม่เคยถูกแตะต้องเลยมานับล้านปี”

“แต่มันไม่ใช่ว่าภูมิภาคอี้ซางเป็นดินแดนต้องห้ามไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยหลี ถามขึ้นอีกครั้ง

“อย่าอยากรู้ในเรื่องที่เจ้าไม่ควรจะรู้มันไม่เป็นผลดีต่อตัวเจ้าเองเปล่า ๆ” หลิงตู้ฉิง ตอบกลับ

“ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่าภูมิภาคอี้ซางมีความเกี่ยวข้องกับตัวตนที่อยู่มาตั้งแต่บรรพกาลผู้หนึ่ง เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะมอบตำแหน่งประตูเคลื่อนย้ายของอาณาจักรจันทราให้กับพวกเจ้าเพื่อที่พวกเจ้าจะได้เดินทางไปได้ทันที”

หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิง ถ่ายทอดวิธีการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุให้กับ เซียะซิงอี้ พร้อมกับบอกตำแหน่งประตูเคลื่อนย้ายของอาณาจักรจันทราไปพร้อม ๆ กันจากนั้น เขาพูดขึ้นต่อว่า “เอาล่ะหลังจากนี้ข้าก็จะไปเหมือนกันและเมื่อไหร่ที่ข้าพร้อม ข้าจะกลับมาที่สำนักของพวกเจ้าอีกรอบ แต่ข้าขอเตือนเอาไว้ก่อน หากในอนาคตเมื่อข้ากลับมาแล้วและพบว่ามหาวิถีเต๋าของพวกเจ้าทั้ง 5 ธาตุไม่เหมือนเดิม สำนักเบญจธาตุของพวกเจ้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะได้ดำรงอยู่ต่อไป”

เมื่อได้ยินคำพูดของ หลิงตู้ฉิง เช่นนี้ ไป๋ฮุยหยวน อดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจด้วยความไม่พอใจแต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไร หลิงตู้ฉิง พุ่งตัวไปหาเขาภายในพริบตาและใช้นิ้วกรีดที่ข้างคอของเขาเบา ๆ แค่พอมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยจากนั้น หลิงตู้ฉิง พูดที่ข้างหูเขาว่า “อย่าได้คิดจะมาต่อกรกับข้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติขนาดนั้น!”

เมื่อพูดจบร่างของ หลิงตู้ฉิง หายวับไปจากห้องโถงทันที

เมื่อเห็นความเร็วที่เหนือมนุษย์ของ หลิงตู้ฉิง เช่นนี้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างเงียบลงด้วยอาการนิ่งอึ้ง

ด้วยระดับของพวกเขา พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่านี่มัน คือการใช้ความเร็วล้วน ๆ ไม่ใช่ทักษะที่เกี่ยวกับมิติ

พวกเขามองตามไม่ทันความเร็ว หลิงตู้ฉิง เลยดังนั้นถ้าหาก หลิงตู้ฉิง เกิดโจมตีพวกเขาขึ้นมาจริง ๆ พวกเขาจะต้านทานยังไง?

ในเวลานี้ ไป๋ฮุยหยวน มีเหงื่อออกเต็มไปทั่วทั้งร่างพร้อมกับจับที่คอตัวเองตรงบริเวณที่โดน หลิงตู้ฉิง ใช้นิ้วกรีดพลางคิดในใจ

ถ้าหาก หลิงตู้ฉิง คิดจะฆ่าเขาจริง ๆ เขาคงตายโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ!

เซียะซิงอี้ เหลือบมองไปที่ ไป๋ฮุยหยวน ด้วยสายตาเย้ยหยันอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาหยิบแผ่นหยกขึ้นมาหลายแผ่นและคัดลอกเคล็ดการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุที่หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดให้กับเขาเมื่อครู่ใส่ลงไปและพูดกับทุกคนว่า “พวกเจ้าทุกคนจงมานำเคล็ดการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุนี้ไปศึกษาซะ เพื่อดูว่าพวกเราพอจะมีทางฝึกฝนมันได้ไหม ส่วนอาณาเขตในอี้ซางที่พวกเราได้รับมา เมื่อข้าแจกเคล็ดวิชาเสร็จพวกเราจะไปดูมันพร้อม ๆ กัน”

จากนั้นเมื่อแจกจ่ายเคล็ดการบ่มเพาะร่างเบญจธาตุให้กับตัวตนระดับสูงของสำนักเบญจธาตุครบทุกคนแล้ว เซียะซิงอี้ ก็พาทุกคนเดินทางไปที่อาณาจักรจันทราเพื่อมุ่งหน้าไปดูอาณาเขตที่พวกเขาได้รับมาใหม่

คนจำนวนมากของสำนักเบญจธาตุ ใช้ประตูเคลื่อนย้ายของพวกเขาเดินทางไปโผล่ที่ประตูเลื่อนย้ายของอาณาจักรจันทราทันที ซึ่งมันทำให้ง้าวพินาศเทวะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย แต่เมื่อมันสัมผัสได้ว่าเป็นเพียงแค่กลุ่มคนของสำนักเบญจธาตุที่มามันจึงไม่สนใจอีกและหมอบลงไปนอนตามเดิม

ในทางกลับกัน เซียะซิงอี้ และ ติงหง ซึ่งเพิ่งจะมาถึงเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อันตรายอย่างยิ่งยวดต่อชีวิตของพวกเขาในทันที จนมันทำให้พวกเขาถึงกับขนลุกไปทั่วทั้งร่าง

แต่แล้วผ่านไปเพียงครู่เดียวจู่ ๆ ความรู้สึกถึงอันตรายนั้น ก็ได้หายไปและมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่ ง้าวพินาศเทวะที่กำลังนอนอยู่ไม่ไกลจากประตูเคลื่อนย้าย

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงพร้อมกับถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าท่านใช่…”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่ร่างแยก แต่สายตาของพวกเขายังคงดีอยู่โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเพิ่งถูกคุกคามไปเมื่อครู่

หมาตัวนี้หากมองจากผิวเผินมันดูไม่มีอำนาจใด ๆ ทั้งนั้นแต่ความรู้สึกอันตรายที่แผ่ออกมาจากมันนั้นนับได้ว่ามหาศาล

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังจำได้ว่า หลิงตู้ฉิง เคยพูดเอาไว้ว่าง้าวพินาศเทวะก็อยู่ในโลกเบื้องล่างกับเขาด้วยดังนั้นพวกเขาจึงพอจะเดาได้ว่าหมาตัวนี้แท้จริงแล้วเป็นอะไร

ง้าวพินาศเทวะ ลืมตาขึ้นหันไปมองพวกเขาและพูดว่า “จงไปทำธุระของพวกเจ้าซะ”

เซียะซิงอี้ และ ติงหง รู้สึกตกตะลึงกับภาพที่เห็นและจากนั้นพวกเขาก็รีบพาคนของพวกเขาทั้งหมดออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ทันทีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

อาจารย์ของพวกเขาเองก็มีอาวุธเต๋าที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่มันก็ไม่เห็นว่าจะสามารถตอบโต้เหมือนกับว่ามันชีวิตจิตใจมากขนาดนี้

ง้าวเทวะพินาศมันกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วกันแน่?

ในตอนนี้พวกเขาได้แต่ขอบคุณการตัดสินใจของพวกเขาเองที่ยอมรับเงื่อนไขของ หลิงตู้ฉิง ไม่เช่นนั้นไม่เพียงแต่สำนักเบญจธาตุในโลกเบื้องล่างจะต้องถูกทำลายแล้ว บนโลกเบื้องบนก็อาจจะต้องเผชิญกับหายนะด้วยเช่นกัน

หลิงยี่เทียน ออกมาต้อนรับ เซียะซิงอี้ และ ติงหง เป็นอย่างดีจากนั้นเมื่อเขารู้ว่าผู้คนของสำนักเบญจธาตุมาที่นี่เพราะอะไร เขาจึงหัวเราะและพูดว่า “ท่านพ่อของข้าได้เลือกอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดเก็บไว้ 5 อาณาเขตก็จริง ในเมื่อเขาตกลงว่าจะมอบให้พวกท่าน 1 อาณาเขต ถ้างั้นพวกท่านก็จงเลือกพวกมันจากในแผนที่นี้เอาเถอะว่าจะเอาอาณาเขตไหนข้าจะได้พาพวกท่านไปที่นั่น!

ตอนนี้มีผู้คนมากมายที่ได้รู้เรื่องของภูมิภาคอี้ซางแล้ว ดังนั้นอาณาเขตหลายอาณาเขตที่อยู่ขอบ ๆ จึงถูกยึดครองโดยกองกำลังอื่น ๆ ไปเป็นจำนวนมาก แต่ตรงกลางของภูมิภาคนั้นเป็นของพันธมิตรพวกเราทั้งหมด หลังจากพวกท่านไปถึงพวกท่านอย่าได้ไปรุกรานอาณาเขตที่อยู่ตรงกลางของภูมิภาคส่วนอาณาเขตที่อยู่ริมชายขอบเลย หากพวกเขาไม่ใช่พันธมิตรของข้ากับท่านพ่อ หากพวกท่านอยากจะบุกพวกเขาก็ตามสบายแต่ถ้าให้ข้าแนะนำ ทรัพยากรเพียงอาณาเขตเดียวมันก็เพียงพอให้พวกท่านอยู่กันอย่างสุขสบายแล้ว”

“ไม่ต้องกังวลฝ่าบาท พวกเราจะอยู่แค่ในอาณาเขตของพวกเราเท่านั้น” เซียะซิงอี้ เอ่ยขึ้น “ส่วนในอนาคตถ้าหากฝ่าบาทมีปัญหาอะไรท่านสามารถมาขอความช่วยเหลือจากสำนักของเราได้เสมอ”

หลิงยี่เทียน พยักหน้าและพูดขึ้นทันที “ในเมื่อผู้อาวุโสเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้งั้นข้าขอไม่เกรงใจก็แล้วกัน ในตอนนี้พวกอสูรกำลังรุกรานอาณาเขตของพวกเราเผ่ามนุษย์อยู่ซึ่งข้าเองกำลังจัดตั้งกองทัพพันธมิตรขึ้น เพื่อต่อกรกับพวกมันหากข้าได้รับความช่วยเหลือจากสำนักเบญจธาตุมันก็คงจะดีเป็นอย่างมาก”

เซียะซิงอี้ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจว่า “ในฐานะที่สำนักเบญจธาตุก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธ์ุมนุษย์ ถ้างั้นพวกเราเองก็คงต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้เอาเป็นว่าหลังจากนี้พวกเราจะส่งคนมาช่วยท่านรบก็แล้วกัน!”

อันที่จริงเขาไม่อยากเอาสำนักเข้ามายุ่งกับเรื่องวุ่นวายแบบนี้เลย แต่ในเมื่อเขาเป็นคนออกปากไปเองว่าถ้าหาก หลิงยี่เทียนมีปัญหาอะไรให้เอ่ยกับเขาได้แถมเขาเพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่นี้เท่านั้นถ้าขืนเขาปฏิเสธไปมันคงเป็นเรื่องน่าอับอายยันชั่วลูกชั่วหลาน

และอีกอย่างเขาอยากจะอาศัยโอกาสนี้เพื่อดูว่าวิถีใหม่ที่ หลิงตู้ฉิง บ่มเพาะนั้นน่ากลัวขนาดไหน