หลังจากสั่งสมกำลังมานานหลายปี ในที่สุดเผ่าอสูรก็เริ่มแผนการรุกรานแผ่นดินใหญ่

ทุก ๆ อาณาเขตที่พวกมันบุกตะลุยไป พวกมันเปลี่ยนอาณาเขตเหล่านั้นให้กลายเป็นนรกต่อผู้อยู่อาศัยเดิมและเปลี่ยนให้กลายเป็นดินแดนสวรรค์สำหรับพวกมัน

แต่เดิมภูมิภาคซ่งหยวนคือภูมิภาคที่นับได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเผ่ามนุษย์ ในเวลานี้ได้กลายเป็นเป้าหมายหลักในการรุกรานของเผ่าอสูร แค่เวลาเพียงไม่นานอาณาเขตมากกว่า 100 อาณาเขตก็ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าอสูร

ส่วนภูมิภาคหนานลี่ก็เสียหายไม่น้อยเช่นกัน อาณาเขตเกือบ 100 อาณาเขตได้ตกไปอยู่ในกำมือของเผ่าอสูรเรียบร้อยแล้วแถมเผ่าอสูรไม่ยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดการโจมตีของพวกมันเลย

เมื่อเห็นว่าเผ่าอสูรรุกรานเข้ามาเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีใครสามารถต้านทานพวกมันได้ เหล่าผู้คนของทำเนียบราชันมนุษย์ก็เริ่มตื่นตระหนกเพราะพวกเขาไม่คิดว่าเผ่าอสูรจะแข็งแกร่งกันขนาดนี้

อันที่จริงมีบางอาณาเขตเหมือนกันที่ลองเสี่ยงดวงดูยอมจำนนต่อเผ่าอสูรโดยไม่มีการต่อต้าน แต่ผลลัพธ์มันกลายเป็นว่าพวกเขาไม่ตายจากการต่อต้านก็จริงแต่พวกเขากลับต้องทนดูเหล่าพวกพ้องของพวกเขาถูกเผ่าอสูรเกณฑ์ไปเป็นทาสหรือไม่ก็ถูกจับไปเป็นอาหารอย่างหน้าตาเฉย

ฟู่เซียนมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเศร้าใจพร้อมกับย้อนคิดถึงคำพูดของหลิงยี่เทียนที่เคยพูดเอาไว้ว่าจะปกป้องเผ่ามนุษย์จากหายนะทั้งมวล ซึ่งในเวลานั้นเขายังคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระเพราะเขาคิดว่าเผ่ามนุษย์ปกป้องตัวเองได้อยู่แล้ว

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดมหันต์!

“ฝ่าบาท สถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ข้าคิดว่าพวกเราคงหวังพึ่งได้แต่ตนเองเท่านั้น” ฟู่เซียนมาหาหลิงยี่เทียนที่อาณาจักรจันทราเพื่อปรึกษาปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น

หลิงยี่เทียนพยักหน้าและพูดว่า “ผู้อาวุโสฟู่ ท่านไม่ต้องกังวลเกินเหตุ ข้าได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์แบบนี้มานานแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้ส่งข่าวออกไปแจ้งกับสำนักทั่วโลกเรียบร้อยว่าถ้าหากสำนักใดที่ส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดมาร่วมกับเราในการสู้รบกับเผ่าอสูร ข้าจะมอบอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขา 1 ชิ้นต่อ 1 คนเป็นรางวัลตอบแทน ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิระดับอื่นหรือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ หากพวกเขาทำผลงานได้มากพอข้าจะมอบอาวุธระดับจักรพรรดิให้กับพวกเขาหรือไม่ก็เป็นโอสถระดับจักรพรรดิแล้วแต่ว่าพวกเขาจะเลือกอย่างไหน”

“ส่วนบรรดากองกำลังที่เป็นพันธมิตรกับข้าอยู่แล้ว คนเหล่านั้นรับปากข้าเอาไว้เรียบร้อยว่าจะส่งคนมาช่วยเราแน่นอน เมื่อถึงเวลาเผ่าอสูรจะได้เห็นว่าพวกมันอ่อนแอแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าการร่วมแรงร่วมใจของคนทั้งโลก”

ฟู่เซียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดว่า “ฝ่าบาทขอมีความเห็นว่ารางวัลที่ท่านเอ่ยขึ้นจะให้ผู้คนที่เข้าร่วมมันค่อนข้ามีมูลค่าสูงเกินไป ข้าเกรงว่าอาจจะมีบางคนที่คิดฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้เอาเปรียบท่านได้ ถ้าให้ยกตัวอย่างก็อาจจะเป็นพวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดเหล่านั้น เมื่อได้อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วพวกเขาอาจจะไม่ทุ่มเทอย่างเต็มที่กับการรบ หรือไม่บางคนอาจจะได้อาวุธแล้วและหนีไปเลยด้วยซ้ำ”

หลิงยี่เทียนหัวเราะ “ผู้อาวุโสฟู่ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย ปัญหาแบบนั้นอาจจะเกิดขึ้นที่อื่น แต่กับอาณาจักรจันทราของข้าไม่มีแน่นอน ถึงแม้ว่าข้าจะให้รางวัลพวกเขาเป็นอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ก็จริง แต่การที่พวกเขาจะได้มันไปก็ไม่ง่ายขนาดนั้น พวกเขาจำเป็นต้องทำสัญญากฎสวรรค์กับข้าก่อนพวกเขาถึงจะได้มันไป และแน่นอนว่าหนึ่งในข้อกำหนดของสัญญาก็คือพวกเขาต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่กับการรบเมื่อได้รับอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ไป ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะตายในทันทีจากทัณฑ์สวรรค์!”

ถึงแม้ว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงจะไม่อยู่ที่อาณาจักรจันทรา แต่มี่ไลก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถร่างสัญญากฎสวรรค์ได้เช่นกัน ด้วยการทำสัญญากฎสวรรค์เช่นนี้เขาจะต้องกังวลว่าใครจะมาโกงเขาอีก?

“ยิ่งไปกว่านั้นข้าจะประกาศออกไปอีกว่าถ้าสำนักไหนทำผลงานได้เป็นอย่างดีจนจบศึก ข้าจะมอบรางวัลเพิ่มเติมเป็นอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขาอีกสำนักละ 1 ชิ้น!” หลิงยี่เทียนพูดขึ้นต่อ “ด้วยรางวัลที่ล่อตาล่อใจขนาดนี้ใครมันจะไม่ทุ่มสุดตัวจริงไหม?”

ด้วยสินสงครามจากอาณาเขตเงินตราที่กองกันอยู่เป็นภูเขา หลิงยี่เทียนจึงมีความร่ำรวยมากพอที่จะจ้างใครก็ได้เช่นนี้

ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ หลิงไช่หยุนก็เดินเข้ามาพอดี

นางยิ้มให้กับหลิงยี่เทียนก่อนจะพูดว่า “พี่หก ภูเขาฟีนิกซ์ของข้าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะเดินทัพออกจากอาณาเขตฟีนิกซ์ในไม่กี่วันนี้ ทัพของข้ามีทหารจำนวน 10 ล้านนายภายใต้การนำของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 4 คน และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิระดับต่ำ กลาง สูง อีก 10 คน และพวกเราก็วางแผนเอาไว้ว่าในระหว่างที่เดิมทัพไปที่สันเขาหมื่นอสูร พวกเราจะชักชวนบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่พบตามทางให้เข้าร่วมด้วยอีกแรง ว่าแต่ตอนนี้ทางท่านพร้อมรึยัง?”

หลิงยี่เทียนหัวเราะ “ทางข้ากำลังรอคนอื่น ๆ ตามมาสมทบอยู่เลย หากพร้อมเมื่อไหร่ข้าจะนำทัพออกไปทันที”

“ถ้างั้นท่านก็รีบ ๆ หน่อย ข้าขอเดินทัพล่วงหน้าไปก่อนก็แล้วกัน” หลิงไช่หยุนหัวเราะ จากนั้นนางก็ใช้ประตูเคลื่อนย้ายเดินทางกลับไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ทันที

หลังจากผ่านมานานหลายปี ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงไช่หยุนได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในขอบเขตราชันเรียบร้อยแล้ว หลิงยี่เทียนจึงไม่กังวลกับความปลอดภัยของนางสักเท่าไหร่

ถึงแม้ว่าในสายตาของผู้อื่น ขอบเขตราชันมันจะไม่ได้สูงส่งอะไรนัก แต่ต้องไม่ลืมว่าพลังสายเลือดของนางคือฟีนิกซ์ระดับสูงแถมเคล็ดวิชาที่นางบ่มเพาะก็เป็นเคล็ดวิชาที่ดีที่สุดของเผ่าพันธุ์ฟีนิกซ์ และนางยังได้รับการชี้แนะจากหลิงตู้ฉิงอีกต่างหาก ดังนั้นต่อให้นางจะเผชิญกับคู่ต่อสู้ขอบเขตจักรพรรดินางก็ยังสามารถเอาชนะได้

หรือต่อให้นางจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่นางก็สามารถใช้วิชาพเนจรไร้จำกัดในการหนีได้ ซึ่งด้วยถ้าหากไม่ใช่พวกเขาด้วยกันเองที่รู้วิชาพเนจรไร้จำกัดเช่นกัน ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิก็ไม่มีวันตามนางได้ทัน

หลังจากหลิงไช่หยุนจากไปแล้ว หลิงว่านถิงก็ปรากฏตัวขึ้นเดินเข้ามาหาหลิงยี่เทียนและพูดว่า “น้องหก ตอนนี้สำนักของข้าไม่มีการจัดตั้งกองทัพอีกแล้วเพราะแนวทางปฏิบัติของสำนักข้าจริง ๆ แล้วไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นข้าจึงหาทางออกโดยการที่ข้าและอาจารย์ของข้าจะไปกับเจ้าแค่เพียงสองคนเพื่อช่วยเหลือเจ้าเป็นการส่วนตัว”

ในตอนนี้เมื่อไม่มีหลิงตู้ฉิงอยู่ด้วย แถมหลิงยี่เทียนก็ไม่สามารถขอร้องให้ง้าวเทวะพินาศมาช่วยเขาได้ ดังนั้นความแข็งแกร่งของซวนหยวนที่กลายเป็นผู้สำเร็จเต๋าแล้วจึงนับได้ว่าความสำคัญต่อหลิงยี่เทียนเป็นอย่างมาก

หลิงยี่เทียนยิ้มและตอบกลับทันที “แค่นี้ข้าก็พอใจแล้วพี่สอง เอาไว้ข้าพร้อมเมื่อไหร่พวกเราจะออกเดินทางพร้อมกัน”

ในระหว่างที่คู่พี่น้องกำลังคุยกันอยู่ ทหารของหลิงยี่เทียนก็เข้ามาแจ้งข่าวว่าในขณะนี้มีตัวแทนจากหลายสำนักใหญ่มารอขอเข้าพบกับหลิงยี่เทียนอยู่ที่ด้านนอกอาณาเขตนภา

“พี่ห้า ท่านช่วยนำพวกเขามาที่นี่สักหน่อยจะได้ไหม” หลิงยี่เทียนพูดกับหลิงฟ่างหัวที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ดูเหมือนว่าแผนล่อด้วยรางวัลของข้าจะได้ผลเป็นอย่างมากจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่รีบมากันขนาดนี้!”

หลิงฟ่างหัวพยักหน้า จากนั้นนางหยิบประตูมิติของนางออกมาตั้งไว้ที่กลางท้องพระโรงและเปิดประตูออก ซึ่งที่อีกฝั่งของประตูคือบริเวณที่คนจากสำนักอื่น ๆ กำลังยืนรอกันอยู่

“ทุกท่านโปรดเข้ามาหาข้าได้เลย!” หลิงยี่เทียนตะโกนขึ้นไปหาเหล่าตัวแทนของสำนักใหญ่ต่าง ๆ ที่ขอเข้าพบกับเขา

เมื่อเห็นอำนาจของหลิงฟ่างหัวที่สามารถเปิดมิติได้แบบนี้ หลายคนที่มาจากสำนักใหญ่ต่างยกระดับความแข็งแกร่งของอาณาจักรจันทราสูงขึ้นไปอีกระดับ

พวกเขาต่างมองหน้ากันอยู่สักพักก่อนที่จะเดินผ่านประตูมิติของหลิงฟ่างหัว เข้ามายังท้องพระโรงของหลิงยี่เทียน

“อันดับแรกข้าขอขอบคุณพวกท่านที่มีความคิดจะสนับสนุนข้า” หลิงยี่เทียนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ด้วยความช่วยเหลือของพวกท่าน พวกเราทั้งหมดจะสามารถกำราบเผ่าอสูรได้อย่างแน่นอน!”

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิถามขึ้นสวนทันที “ฝ่าบาท ประกาศที่ท่านปล่อยออกไปเป็นเรื่องจริงรึเปล่า? หากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดตกลงช่วยท่านรบ ท่านจะมอบอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้คนละ 1 ชิ้นใช่ไหม? ส่วนถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิระดับอื่น ๆ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิหากตกลงช่วยท่าน ท่านจะมอบอาวุธระดับจักรพรรดิหรือไม่ก็โอสถระดับจักรพรรดิให้จริงใช่ไหม?”

หลิงยี่เทียนหัวเราะ “พวกท่านคงเคยได้ยินข่าวมาบ้างแล้วใช่ไหมว่าอาณาจักรของข้านั้นมีสำนักโอสถนิรันดร์และตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ และข้าก็ได้ส่วนแบ่งในการค้าของพวกเขาด้วยไม่น้อย? ดังนั้นไม่ใช่แค่พวกท่านจะได้รับแค่อาวุธและโอสถอย่างเดียวเท่านั้น ข้าจะมอบเหรียญผลึกระดับจักรพรรดิให้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดอีกคนละ 10,000 เหรียญอีกต่างหาก ส่วนผู้เชี่ยวชาญระดับอื่น ๆ ข้าจะมอบให้ตามผลงานที่พวกเขาทำ ดังนั้นพวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าข้าจะเอาเปรียบพวกท่านมากเกินไป”

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดตะโกนขึ้นทันที “ในเมื่อฝ่าบาทใจกว้างขนาดนี้ ถ้างั้นข้าตกลงที่จะร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับท่าน ว่าแต่อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านจะมอบให้ ท่านจะให้มันกับข้าตอนไหน?”

หลิงยี่เทียนยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ข้ามอบให้ท่านแน่นอนแต่ก่อนที่ข้าจะให้ ท่านจะต้องทำสัญญากฎสวรรค์กับข้าก่อน ไม่สิ ทุกคนที่ตกลงจะช่วยข้ารบต้องทำสัญญากฎสวรรค์กับข้าทั้งหมด แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่มีเจตนาจะส่งพวกท่านไปตายแน่นอน แต่เมื่อถึงเวลารบแตกหัก พวกท่านจำเป็นต้องทุ่มสุดตัวให้คุ้มกับค่าตอบแทนที่ข้ามอบให้ สัญญากฎสวรรค์อยู่ที่นี่แล้วท่านแค่หยดเลือดของท่านลงไป แล้วจากนั้นข้าจะมอบอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเหรียญผลึกระดับจักรพรรดิให้ตามสัญญาทันที”

เมื่อพูดจบ หลิงยี่เทียนหยิบแผ่นกระดาษสีทองปึกหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งในขณะเดียวกันสีหน้าของบรรดาผู้คนหลายคนที่มาจากสำนักใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที