บทที่ 945 สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์หาเรื่องใส่ตัว

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 945 สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์หาเรื่องใส่ตัว

ในความเป็นจริงเหล่าผู้คนที่มาหาหลิงยี่เทียนในวันนี้หลายคนมีความคิดคล้าย ๆ กันก็คือจริง ๆ แล้วพวกเขาไม่ได้อยากจะสู้ให้กับหลิงยี่เทียนเลย

พวกเขาแค่คิดกันว่าหลังจากที่พวกเขาได้อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ไป พวกเขาอาจจะเข้าร่วมการรบนิดหน่อยหรือถ้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจริง ๆ พวกเขาคงจะหนีไป

แต่น่าเสียดายที่สิ่งต่าง ๆ มันจะง่ายแบบที่พวกเขาคิดได้ยังไง? ต้องไม่ลืมว่าค่าตอบแทนคืออาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาของแบบนี้มันหาง่ายซะที่ไหน มูลค่าของอาวุธระดับนี้ตีเป็นตัวเลขเงินไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาจะได้มันไปง่าย ๆ ได้ยังไง?

ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดจึงบังเกิดขึ้นทันที เมื่อได้ยินว่าหลิงยี่เทียนจะให้พวกเขาทำสัญญากฎสวรรค์ก่อนที่จะได้รับอาวุธไป

หากพวกเขาทำสัญญาไปแล้ว พวกเขาจำเป็นจะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือหลิงยี่เทียนทันที แถมยังต้องฟังคำสั่งหลิงยี่เทียนอีกต่างหาก มันไม่มีช่องโหว่ให้พวกเขาใช้เพื่อได้รับอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ไปง่าย ๆ เหมือนแบบที่คิดเอาไว้ในตอนแรกเลย

เมื่อมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเหล่าผู้คน หลิงยี่เทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังทันที “หากใครจริงใจต้องการช่วยข้าจริง ๆ ก็จงมาทำสัญญากับข้า แต่ถ้าหากพวกท่านมีความคิดอย่างอื่นอยู่ในใจก็จงออกไปจากอาณาจักรข้าซะ ข้าต้องการทำงานร่วมแต่กับคนที่มีความซื่อสัตย์เท่านั้น!”

“ฝ่าบาท ข้ายินยอมทำสัญญากับท่าน ข้ายินดีที่จะร่วมรบไปกับท่าน!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผู้หนึ่งตะโกนขึ้น

ในขณะนี้เผ่าอสูรยกทัพใกล้จะถึงอาณาเขตของเขาแล้ว ถ้าหากเขายังไม่รีบหาทางทำอะไรสักอย่างทั้งสำนักและเหล่าศิษย์ของเขาจะต้องโดนกวาดล้างโดยเผ่าอสูรแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากร่วมมือกับหลิงยี่เทียนเพียงอย่างเดียว

เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิหยดเลือดลงไปบนสัญญากฎสวรรค์ หลิงยี่เทียนสั่งคนของเขาทันที “ทหาร นำรางวัลที่ข้าเตรียมไว้ออกมาให้กับพันธมิตรของพวกเราผู้นี้”

โอสถกำหนดเต๋า 1 เม็ดพร้อมกับอาวุธระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุดอีก 1 ชิ้น และเหรียญผลึกจักรพรรดิอีก 1,000 เหรียญถูกเอามามอบให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่เพิ่งทำสัญญาทันที

ชายผู้ที่ตกลงทำสัญญากับหลิงยี่เทียนดีใจจนตัวสั่น เขารีบกลืนโอสถกำหนดเต๋าทันทีเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง จากนั้นเขาแยกออกไปรอคำสั่งต่อไปของหลิงยี่เทียน

เมื่อเห็นตัวอย่างที่น่าตื่นตาเช่นนี้ เหล่าผู้คนที่มาหลายคนก็เริ่มเข้ามาทำสัญญากับหลิงยี่เทียนด้วยสีหน้าตื่นเต้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดคนหนึ่งก็ยังทนไม่ไหวเดินเข้ามาทำสัญญากับหลิงยี่เทียนเช่นกัน

ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดอีก 2 คนที่ถามหลิงยี่เทียนในตอนแรก สายตาของพวกเขาเหล่ซ้ายเหล่ขวาตลอดเวลาราวกับว่าอยากจะหาโอกาสทำอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่กล้า

แน่นอนว่าพวกเขาอยากได้อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่อยากทำสัญญาเพราะว่าไม่ต้องการเอาตัวเข้าไปเสี่ยง อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามองไปรอบ ๆ ท้องพระโรงและเห็นว่ามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดของหลิงยี่เทียนยืนอยู่เป็นสิบพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังรู้สึกได้ตลอดเวลาว่าเหมือนมีอำนาจบางอย่างที่คอยจับจ้องพวกเขาอยู่ ซึ่งอำนาจนี้ที่พวกเขาสัมผัสได้มันไม่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญคนไหนเลย สิ่งที่เป็นปริศนานี้มันยิ่งทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเข้าไปใหญ่และยังไม่นับรวมเรื่องที่หลิงยี่เทียนเป็นลูกชายของเทพมรณะผู้นั้น…ดังนั้นในท้ายที่สุดพวกเขาจึงได้แต่ถอดใจและออกไปจากอาณาจักรจันทราด้วยสีหน้ามืดหม่น

เมื่อเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 2 คนนั้นจากไป ฟู่เซียนส่ายหัวและพูดว่า “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเผ่าอสูรถึงสามารถรุกรานพวกเราได้ถึงขนาดนี้ ผู้คนมากมายยึดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลักไม่ใส่ใจส่วนรวมเลยแม้แต่น้อย!”

หลิงยี่เทียนยิ้มอย่างเหยียดหยามและถามว่า “สำนักที่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ข้าคงต้องสั่งสอนพวกเขาสักหน่อยผู้อาวุโสฟู่ ท่านรู้จักพวกเขาไหม?”

“ข้าเคยเห็นหนึ่งในพวกเขา เขาเป็นคนของสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์” ฟู่เซียนถอนหายใจ “สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์นับได้ว่าเป็นสำนักมหาอำนาจที่มีความแข็งแกร่งไม่น้อย แต่ว่าที่ตั้งสำนักพวกเขาอยู่ห่างจากระยะการโจมตีของเผ่าอสูรมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวลว่าเผ่าอสูรจะโจมตีพวกเขาสักเท่าไหร่ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมองปัญหาของเผ่าอสูรเป็นเรื่องไกลตัว”

หลิงยี่เทียนครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาถามกลับว่า “ผู้อาวุโสฟู่ ยอดเขาอัสนีสวรรค์อยู่ใกล้กับภูมิภาคอี้ซางใช่ไหม?”

“ถูกต้องแล้วฝ่าบาท ว่าแต่ฝ่าบาทเคยได้ยินชื่อสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์มาก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?” ฟู่เซียนถามกลับด้วยสีหน้างุนงง

หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ไม่นานมานี้เผ่าปีศาจสมุทรได้มาแจ้งข้ามาว่าอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางของพวกเขาถูกคนของสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์รุกรานแถมแบ่งเขตยึดครองไปส่วนหนึ่ง ซึ่งข้าเองก็กำลังคิดอยู่ว่าจะแก้ปัญหายังไงดีเพื่อให้มันไม่บานปลาย แต่ในเมื่อสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ทำตัวเช่นนี้งั้นข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพวกเขาเหมือนกัน ต่อจากนี้ข้าจะอนุญาตให้เผ่าปีศาจสมุทรขับไล่พวกเขาออกไปจากอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางให้หมด!”

หากสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์เพิกเฉยกับปัญหาเรื่องเผ่าอสูรเขาก็ไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์มาปรากฏตัวตรงหน้าของเขาและไม่เพียงแต่ไม่ช่วยพวกเขา กลับแสดงท่าทีคิดจะเล่นตุกติกอีกต่าง ซึ่งสิ่งนี้หลิงยี่เทียนยอมไม่ได้

“ฝ่าบาท ข้าคิดว่าในเวลานี้มันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่รึเปล่าที่พวกเราจะขัดแย้งกันเอง?” เฉินหยูตงยิ่มอย่างขมขื่น

หลิงยี่เทียนตอบกลับด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ถ้าพวกเขาไม่มาปรากฏกายต่อหน้าข้าและไม่คิดจะเล่นตุกติกกับข้า ข้าก็คงจะปล่อยพวกเขาไป แต่ในสถานการณ์ที่เกี่ยวพันกับความอยู่รอดของพวกเราเช่นนี้ พวกเขากลับคิดฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากข้า พวกเขาทำแบบนี้ข้ายอมไม่ได้! และที่สำคัญอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางเป็นสิ่งที่ท่านพ่อของข้าตั้งใจว่าจะแบ่งให้กับพันธมิตรเท่านั้นไม่ใช่กับคนประเภทนี้ พวกท่านเข้าใจรึเปล่า?”

หลังจากนั้นหลิงยี่เทียนสั่งให้ชิวหมิงตง บรรพบุรุษของเผ่าปีศาจสมุทรนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดของเขาไปด้วยอีก 3 คนมุ่งหน้าไปที่ภูมิภาคอี้ซางทันที

จากนั้นไม่นาน เผ่าปีศาจสมุทรและสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ก็เกิดการปะทะกันที่ภูมิภาคอี้ซาง

“เผ่าปีศาจสมุทรต้องการตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเราเผ่ามนุษย์งั้นเหรอ?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล

ชิวหมิงตงหัวเราะและพูดว่า “สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์มีสิทธิ์อะไรมาอ้างถึงเผ่ามนุษย์ทั้งหมด? เอาล่ะพวกเจ้าออกไปจากอาณาเขตของพวกข้าได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมดไม่ให้เหลือกลับไปแม้แต่คนเดียว!”

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์แสดงสีหน้าเย็นชาและถามกลับทันที “อาณาเขตนี้เป็นของพวกเจ้าเมื่อไหร่กัน เจ้าละเมอรึยังไงที่จู่ ๆ ก็อ้างสิทธิ์ขึ้นมาลอย ๆ แบบนี้!?”

ชิวหมิงตงหัวเราะ “เจ้าไม่ลองคิดดูดี ๆ สักหน่อยล่ะว่าทำไมตอนนี้ภูมิภาคอี้ซางถึงสามารถเข้ามาอยู่อาศัยได้แล้ว? เจ้าคิดว่าจู่ ๆ ภูมิภาคมันก็เปิดออกเองงั้นเหรอ? ไม่ใช่เลย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะบิดาขององค์ราชันแห่งมวลมนุษย์เป็นผู้ทำให้มันเป็นเช่นนี้ และเขาก็เป็นคนมอบอาณาเขตนี้ให้กับพวกข้า หากเจ้ายังดื้อดึงอยู่แบบนี้ข้าจะรบแตกหักกับพวกเจ้าและถ้าเรื่องมันบานปลาย ข้าจะให้บิดาขององค์ราชันแห่งมวลมนุษย์มาตัดสินว่าพวกเจ้ากับพวกข้าใครควรจะอยู่หรือว่าควรจะไป! แต่พวกเจ้าก็จงระวังเอาไว้หน่อยก็แล้วกันการที่พวกเจ้าถือดีบุกรุกเข้ามาในภูมิภาคอี้ซางและสร้างความวุ่นวายเช่นนี้ ข้าคิดว่าบิดาขององค์ราชันแห่งมวลมนุษย์คงไม่ปล่อยพวกเจ้าไปง่าย ๆ เหมือนกัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์แสดงสีหน้ามืดหม่นทันที เพราะก่อนหน้านี้สำนักของเขาก็ไม่รู้กันว่าทำไมภูมิภาคอี้ซางถึงเปิดออกให้เข้ามาอาศัยได้ แต่แล้วเมื่อตอนนี้พวกเขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะเทพมรณะผู้นั้นที่เป็นสาเหตุ แถมเทพมรณะผู้นั้นยังมอบอาณาเขตในภูมิภาคให้กับพันธมิตรของเขาอีกต่างหาก เมื่อรู้เช่นนี้เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอยไปทั้ง ๆ ที่ในใจไม่อยากจะยินยอม

อย่างไรก็ตาม ทุกอาณาเขตที่อยู่ในภูมิภาคอี้ซางล้วนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรแถมมันยังอยู่ใกล้ ๆ กับสำนักของเขา ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้ยังไง?

หากพวกเขาไม่สามารถรุกรานอาณาเขตของเผ่าปีศาจสมุทรได้ งั้นพวกเขาไปรุกรานอาณาเขตอื่นก็ได้นี่นาจริงไหม?

อันที่จริงพวกเขาได้ข่าวมาเหมือนกันว่าที่อาณาเขตถัดไปนั้นถูกครอบครองโดยสำนักธรรมดา ๆ สำนักหนึ่งอยู่โดยที่เจ้าสำนักเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเท่านั้น

สำนักเล็ก ๆ แบบนี้คงไม่มีใครให้ความสนใจอยู่แล้วจริงไหม?

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์เปลี่ยนเป้าไปที่อาณาเขตที่อยู่ข้างเคียงทันที เขาตั้งใจไว้ว่าจะยกพวกไปฆ่าล้างสำนักที่ครอบครองอาณาเขตข้าง ๆ และจากนั้นเขาจะได้ยึดอาณาเขตมาเป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์

อันที่จริงในเวลานี้หลายสำนักที่ครอบครองอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางอยู่นั้นไม่ได้ถูกเชิญจากหลิงยี่เทียน พวกเขาส่วนใหญ่เดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองเพราะได้ข่าวมาว่าภูมิภาคอี้ซางเปิดแล้ว จากนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าอาณาเขตไหนยังว่างอยู่พวกเขาก็จัดการยึดครองเป็นของตัวเองเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรโดยที่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสำนักที่ยึดครองอาณาเขตที่นี่เป็นพวกแรก ๆ คือพวกที่ได้รับอนุญาตจากหลิงตู้ฉิงให้มาครอบครองอาณาเขต ดังนั้นพวกที่เข้ามายึดครองด้วยตัวเองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจึงต้องอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองในการอยู่รอด เพราะถ้าพวกเขาอ่อนแอ พวกเขาจะถูกลบหายไปโดยสำนักที่มาใหม่ ซึ่งแข็งแกร่งกว่า

อย่างไรก็ตามสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์นั้นไม่รู้เลยว่าสำนักต่อไปที่พวกเขาพุ่งเป้าไปหากลับเป็นสำนักที่เป็นพันธมิตรกับหลิงยี่เทียน แถมพวกเขาก็ได้ส่งคนออกไปช่วยหลิงยี่เทียนรบกับพวกอสูรอีกต่างหาก