ด้านหลังของนกอมตะทั้งสามมีรถเกวียนกำลังถูกลากอยู่ ซึ่งภายในห้องของรถเกวียนไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากกล่องใบเดียว และเหตุผลที่พวกหลิงฮันสามคนตกตะลึงก็คือ นกอมตะทั้งสามนี้… ได้สิ้นชีพไปแล้ว
นกอมตะทั้งสามคงจะตกตายมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ว่าราชาเซียนนั้นสามารถคงสภาพร่างกายของตนเองเอาไว้ได้แม้จะตายไปแล้ว แม้จะไม่เหลือพลังชีวิตแต่ปีกของนกอมตะทั้งสามก็ยังปลดปล่อยเปลวเพลงอันร้อนระอุออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด
นกอมตะสามตัวยังคงลากรถเกวียนแม้แต่ตกตาย
ใครกันที่สามารถทำให้นกอมตะที่เป็นตัวตนระดับราชาเซียนยอมลากรถเกวียนให้ได้?
“นี่คือสมบัติของราชันวารีสวรรค์?” หลิงฮันจ้องอมอง
นกอมตะทั้งสามหยุดเคลื่อนไหวและหุบปีกมาบรรจบกันราวกับเข้าสู่สภาวะหลับใหล เพียงแต่ร่างกายของพวกมันยังคงปลดปล่อยไฟอันไร้สุดสิ้นออกมา
สตรีนกอมตะเผยสีหน้าเหม่อลอยพร้อมกับก้าวเดินไปด้านหน้า
หลิงฮันรีบคว้าร่างหยุดนางเอาไว้และกล่าว “อย่าผลีผลาม”
สตรีนกอมตะราวกับว่าถูกดึงสติกลับมา นางกล่าว “ข้าสัมผัสได้ว่านกอมตะทั้งสามกำลังเรียกหาข้า”
หืม?
หลิงฮันครุ่นคิด สตรีนกอมตะมีสายเลือดของนกอมตะเมฆา ซึ่งนกอมตะเมฆานั้นเป็นสายเลือดรองของนกอมตะสวรรค์ ถึงแม้นกอมตะสวรรค์ทั้งสามตนนี้จะตกตายไปนานแล้วแต่ทั้งกระดูก ร่างกายและโลหิตของพวกมันล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง
หากเป็นจอมยุทธทั่วไปอาจจะไม่สามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนั้นได้ แต่ถ้าพวกมันเป็นฝ่ายเชิญชวนเอง บางทีสตรีนกอมตะก็อาจจะได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่
หลังจากพิจารณาดูแล้วหลิงฮันก็ปล่อยปล่อยมือและกล่าว “ระวังตัวด้วย หากพบว่าอันตรายเจ้าก็อย่าได้ฝืน”
“ข้าเข้าใจ” สตรีนกอมตะก้าวเดินต่อพร้อมกับสยายปีกปลดปล่อยอำนาจของสายเลือดเผ่านกอมตะเมฆา
นกอมตะทั้งสามอ้าปีกออกพร้อมกันและโอบล้อมสตรีนกอมตะเอาไว้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสลัดไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแม้แต่น้อย
หลิงฮันสัมผัสออร่าของสตรีนกอมตะไม่ได้แล้ว แต่เขาก็ไม่มีกำลังพอจะทำลายการป้องกันของตัวตนระดับเซียน
แต่คงน่าไม่ปัญหาอะไร
หากราชาเซียนคิดจะสังหารนางคงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการยุ่งยากเช่นนี้ ต่อให้นกอมตะทั้งสามจะสิ้นชีพไปนานมากแล้วก็ตามพวกมันก็น่าจะมีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่ เพียงแค่นึกคิดแม้จะเป็นเซียนระดับต้นหรือกลางก็ย่อมถูกบดขยี้อย่างไม่ยากเย็น
นี่เป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของสตรีนกอมตะซึ่งอาจจะทำให้นางเปลี่ยนไปราวกับเกิดใหม่เลยก็เป็นได้
“ในกล่องบนรุเกวียนนั่นมีอะไร?” สตรีนกอมตะสงสัย
“ลองเปิดดูดีกว่า” หลิงฮันก้าวขึ้นไปยังรถม้าที่เก่าแก่เต็มไปด้วยรูผุพัง
เขาอยากนำกล่องเข้าไปเปิดในหอคอยทมิฬเผื่อว่าหากมีอันตรายๆจะได้ใช้อำนาจของหอคอยทมิฬยับยั้งเอาไว้ แต่ปัญหาก็คือตัวกล่องนั้นราวกับถูกยึดติดเอาไว้กับรถม้า ส่วนรถม้าก็ถูกนกอมตะสามตัวลากอยู่ หากจะนำเข้าไปในหอคอยทมิฬก็จำเป็นต้องนำนกอมตะทั้งสามนี้เข้าไปด้วย
นั่นเป็นไปไม่ได้เลย ถึงแม้นกอมตะทั้งสามจะตายไปนานแล้ว แต่พวกมันก็ยังมีเศษเสี้ยวจิตวิญญารเหลืออยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกมันคงไม่สามารถเหาะเหินข้ามผ่านห้วงอวกาศมายังพิกัดดวงดาวแห่งนี้ตามบทพูดได้
“ข้าจะเปิดเอง เจ้าถอยหลังไป” หลิงฮันชำเลืองมองจักรพรรดินี
แต่ครั้งนี้จักรพรรดินีไม่เชื่อฟัง นางนำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมา “เจ้าเป็นคนเปิด หากเป็นกับดักข้าจะหยุดมันให้”
หลิงฮันเห็นความดื้อรั้นบนใบหน้าของนางจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ายอมรับ
ต่อให้มีอันตรายเขาก็สามารถพานางหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬพร้อมกันได้อยู่ดี
เขาก้มตัวลงไปเปิดกล่อง
แม้กล่องจะจับเคลื่อนที่ยาก แต่กลับเปิดได้ง่ายเกินคาด
“หนักพอสมควร!” หลิงฮันรู้ราวกับกำลังยกภูเขานับแสนลูกหรือดวงดาวทั้งดวง เขาใช้ทั้งกำลังของกายหยาบและปราณก่อเกิดพร้อมกับเพื่อที่จะเปิดกล่อง
กล่องค่อยๆถูกเปิดแยกออกจากกันทีละน้อย แสงสว่างถูกส่องออกมาราวกับสมบัติกำลังจะปรากฏ
“ฮึ่ม!” หลิงฮันเค้นเสียงและพยายามเปิดกล่องเต็มแรงจนในที่สุดกล่องก็ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์
หลิงฮันถอยหลังไปยืนเคียงคู่กับจักรพรรดินีที่ยกหินต้นกำเนิดสวรรค์ขึ้นมาด้วยท่าทีระมัดระวัง
‘ครืนน’ กล่องที่ถูกเปิดออกส่องคลื่นแสงเจิดจ้าราวกับจะสว่างไปถึงสวรรค์
ผ่านไปนานพอสมควรคลื่นแสงสว่างถึงจะจางหายไป แต่ตัวกล่องก็ยังเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ดี
หลิงฮันกับจักรพรรดินีก้าวเดินไปด้านหน้าด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
“อะไรกัน?” ทั้งสองตกตะลึง ภายในกล่องไม่มีสมบัติใดๆ แต่เป็นห้วงมิติที่ไม่อาจมองเห็นก้นบึ้ง
“หรือในกล่องใบนี้จะเป็นโลกอีกใบ?” หลิงฮันมีสีหน้าแปลกใจ สมบัติของราชันวารีสวรรค์ถูกทิ้งไว้ในรูปแบบนี้งั้นรึ?
“ลองเข้าไปดูไหม?” จักรพรรดินีเอ่ยถามความเห็นหลิงฮัน
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า เขาเองก็รู้สึกสงสัยอยู่เป็นทุนเดิม ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ถอยหลัง
หลิงฮันยังคงระมัดระวังตัว เขานำสัตว์อสูรกระทิงออกมาจากหอคอยทมิฬและโยนมันลงไปในกล่อง
พริบตาเดียวร่างของกระทิงก็ถูกดูดหายไป
หลิงฮันโยนอสูรพยัคฆ์ หมาป่าและสัตว์อสูรตัวอื่นๆตามลงไปอีก
“นายท่าน นี่ข้าจักรพรรดิน้อยเอง อย่าโยนอย่าลงไปเลย” จักรพรรดิจอมอสูรถูกหลิงฮันเรียกออกมา เขารีบร้องโอดครวญเพราะกลัวว่าหลิงฮันจะโยนร่างของเขาลงไปในกล่อง
เขามีนิสัยหวาดกลัวความตายโดยไม่สนศักดิ์ศรีใดๆ
หลิงฮันยิ้ม จากการทดสอบหลายๆครั้งทำให้เขามั่นใจเก้าส่วนแล้วว่ากล่องใบนี้ไม่น่ามีอันตรายๆ แต่โลกภายในนั้นจะมีสภาพแวดล้อมแบบใดนั้นเขายังไม่รู้
“เข้าไปดูซะ” หลิงฮันถีบจักรพรรดิจอมอสูรลงกล่องและโอบร่างของจักรพรรดินีกระโดดตามลงไป
‘พรึบ’ พลังงานลึกลับนำพาพวกหลิงฮันสามคนมายังตีนเขา ภูเขาเบื้องหน้านั้นปลายยอดถูกทำลายเป็นรอยกรงเล็บขนาดใหญ่ คราบโลหิตที่ยังไม่แห้งเปรอะเปื้อนไปทั่วราวกับเพิ่งมีขึ้นเมื่อวาน
ที่โลกภายนอก เรือเหาะดาราลำหนึ่งลอยใกล้เข้ามาด้วยความเร็วสูง ทันทีที่มันหยุดจอดก็ได้มีคนเจ็ดคนก้าวเดินออกมา