แววตาของเด็กชายคนนั้นแผ่ความเย็นชาออกมา แสงคริสตัลสองสายฉายออกมาจากดวงตา ชั่วพริบตาเดียว พร้อมตัดนิ้วทองคำที่ชี้ออกมา จากนั้นก็กระโดดขึ้นมา กลายเป็นรุ้งสีทองพุ่งตัวออกมา

“วิเศษมาก คาดไม่ถึงเลยว่าที่โลกแห่งนี้จะมีเซียนกลืนทองคำระดับนี้อยู่ที่นี่ หากสามารถนำกลับแดนเซียนได้แล้วล่ะก็ ชีวิตจากนี้ของข้าจะต้องราบรื่นอย่างมากแน่นอน”

หม่าเหลียงแสดงสีหน้าดีใจอย่างปิดไม่มิด มือข้างหนึ่งพุ่งไปยังสายรุ้งสีทองที่อยู่ห่างออกไป ในตอนนั้นเองแสงสีทองก็ควบแน่นขึ้นจากทุกทิศทุกทาง และมีฝ่ามือขนาดใหญ่สีทองจับสายรุ้งนั้นเอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ใช้พลังปกคลุมทั้งหมด

สายรุ้งเส้นนั้นก็กรีดร้องเสียงดังลั่น และหมุนไปมาเป็นวงกลม จากนั้นก็มีเสียง “ฟิ้วๆ” ดังขึ้นมา พร้อมปราณกระบี่จำนวนมากมายนับพัน พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น ปราณกระบี่ก็พุ่งไปทำลายฝ่ามือใหญ่สีทอง แต่ฝ่ามือใหญ่อีกข้างก็ปรากฏขึ้นบริเวณใกล้เคียง

ในขณะเดียวกัน เด็กตัวเล็กที่อยู่ท่ามกลางสายรุ้งก็โดนกระแทกทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวช้าลงอย่างมาก

บนพื้นดิน ภูเขาไฟสีทองก็ส่งเสียงดังสนั่น คาดไม่ถึงว่าในแสงสีทองจะกลายเป็นทหารสวมชุดเกราะรูปร่างสูงใหญ่ จำนวนหลายสิบนาย

ทันทีที่มีเสียงระเบิดกลางอากาศ ทหารสวมชุดเกราะเหล่านั้นก็พุ่งตัวไปยังสายรุ้งสีทองด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ความเป็นไปได้ที่ราชาแมลงกลืนทองคำจะสามารถหลบหนีได้นั้น แทบเป็นศูนย์เลยทีเดียว

หม่าเหลียงที่ยืนอยู่ในระยะไกลเห็นดังนั้น เขาก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แต่เมื่อดูจากปราณที่แผ่ออกมาจากตัวเขา เห็นได้ชัดเลยว่า เขาอ่อนแอลงไม่น้อยเลย ก่อนหน้านี้เขาได้รับความเสียหายจากการใช้พลังเหนือธรรมชาติติดต่อกัน ทำให้พลังเซียนในร่างสูญหายลงไปไม่น้อยเลย จึงไม่สามารถเทียบกับตอนแรกได้แล้ว

“ประมาณนี้ล่ะมั้ง”

ไม่รู้ว่าระยะห่างจากจุดนั้นห่างกันกี่พันลี้ หานลี่มองกระจกโบราณสีเขียวที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็แปลกๆ ขึ้นพร้อมพูดกับตัวเองขึ้นมาหนึ่งประโยค

กระจกโบราณตรงหน้าแสดงภาพ แมลงกลืนทองตัวหนึ่งที่กำลังกลายร่างเป็นแมลงยักษ์สีทองขนาดสูงหลายสิบจั้ง ดวงตาแวววาว พร้อมกำลังต่อสู้โรมรันกับทหารสวมชุดเกราะสีทองเหล่านั้น

ที่แมลงกลืนทองตัวนี้ไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นก็เป็นคำสั่งของหานลี่

มีแค่วิธีนี้เท่านั้น ถึงจะมั่นใจได้ว่าเขาจะสามารถควบคุมสถานการณ์อยู่หมัด และไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

“ควรลงมือแล้ว คิดไม่ถึงว่าข้าจะต้องลงมือเป็นคนคนสุดท้าย หากจบจากการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว แผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนน่าจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่เพื่อแดนวิญญาณทั้งหมด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำเช่นนี้”

พระราชวังขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ชายคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางวงแหวนขนาดใหญ่ เขายังถอนหายใจและพูดกับตัวเองอีกประโยค จากนั้นเขาก็สะบัดมือข้างหนึ่งเพียงเล็กน้อย วงแหวนหยินหยางสีเงินก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือทันที อักษรรูนสีเงินพวยพุ่งออกมาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

ภายในแสงสีเงินที่ส่องประกาย ทำให้เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน คาดไม่ถึงว่าเขาจะคือ

หมิงจุนอีกคน

อวิ๋นต้านและเยว่ซู มหาเมธีที่แข็งแกร่งสองคน เดิมทีเขาหลับตานั่งทำสมาธิ พวกเขาเป็นคนที่รับผิดชอบดูตาค่าย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังฟ้าดินที่กำลังเคลื่อนไหว เสาต้นกลมๆ ทั้งแปดต้นและแท่นบูชาขนาดใหญ่ก็แผ่ปราณที่น่าหวาดกลัวออกมา

พวกเขาทั้งสองรู้สึกตกใจอย่างมาก จึงลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน

แต่ทหารยามนับพันคนของกลุ่มการค้าพันธมิตรก็ยังรู้สึกถึงมันได้ จึงเกิดความโกลาหลขึ้น ทุกคนมีสีหน้าตื่นตระหนก และหวาดกลัวอย่างมาก

“ทำไมพลังฟ้าดินถึงเกิดการระเบิดที่รุนแรงเช่นนี้” อวิ๋นต้านลุกขึ้นยืนทันที และพูดขึ้นด้วยความตกใจ

“หรือว่าจะเกิดเรื่องกับค่ายกลเม็ดฝุ่นสองลักษณ์?” เยว่ซูพูดขึ้นด้วยความลังเล

“สถานการณ์ไม่ดี พลังแบบนั้นจะควบคุมพลังเหนือน่านฟ้าแบบนั้นได้อย่างไร เหมือนว่าเขากำลังพุ่งเป้ามาที่ข้าโดยเฉพาะ พวกเราต้องรีบไป”

ประสบการณ์ของอวิ๋นต้านเหมือนว่าจะมากขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่เขากวาดสายตามองท้องฟ้าแล้วรอบหนึ่ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

พวกเขาทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน แน่นอนว่าเยว่ซูต้องเชื่อคำพูดของอวิ๋นต้านอยู่แล้ว หลังจากได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็สะบัดแขนเสื้อโดยไม่ลังเล ม่านแสงสีดำก็ปรากฏออกมา หลังจากนั้นไม่นาน ด้านหน้าของพวกเขาทั้งสองคนก็มีรถเหาะอยู่ลำหนึ่งปรากฏขึ้น

แต่รถเหาะคันนี้มีสีดำเข้ม ด้านข้างทั้งสองฝั่งมีปีกสีเงินสามคู่ติดตั้งอยู่ แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา

แต่อวิ๋นต้านและเยว่ซูยังไม่ทันได้ขึ้นรถ หลังจากแท่นบูชาและเสาทั้งแปดต้นสั่นไหวกึกๆ จากนั้นมันก็พ่นลำแสงห้าสีขึ้นไปบนท้องฟ้า

ฟ้าร้องดังขึ้นหนึ่งครั้ง

กลางอากาศมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ทันใดนั้นก็มีวงแหวนแสงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสิบกว่าลี้ปรากฏขึ้นมา

วงแหวนแสงนี้ส่งเสียงดังฟิ้วๆ ออกมา ทันใดนั้นที่ใจกลางของมันก็มีกระแสน้ำวนห้าสีปรากฏขึ้น

ด้านในนั้นมีเสียงคำรามดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวรัศมีลำแสงที่แวววาวคล้ายเม็ดเลือดก็ถูกพ่นออกมา จากนั้นก็เลื่อนลงมาอยู่ที่จุดของตาค่าย

หลังจากแสงสีเลือดกะพริบเสร็จแล้ว ม่านแสงสีเลือดขนาดครึ่งวงกลมก็ก่อตัวขึ้น ราวกับว่าเป็นชามขนาดยักษ์ที่ครอบทับอวิ๋นต้าน เยว่ซู และทหารกลุ่มพันธมิตรการค้าทั้งหมด

ในขณะเดียวกันนั้นเอง พลังทั้งหมดก็เคลื่อนคลุมม่านแสงสีเลือดอีกครั้ง

อวิ๋นต้านและเยว่ซูรู้สึกหนาวสั่น เขาไม่สามารถรวบรวมลมปราณที่มีในตอนนี้ได้

“แย่แล้ว หนีไปทางใต้ดิน” อวิ๋นต้านคำรามเสียงเบา พร้อมลากมือข้างหนึ่งของเยว่ซู ในขณะเดียวกันก็ปรากฏตัวขึ้นไปบนรถเหาะ

เยว่ซูรีบร่ายคาถา ทันใดนั้นรถเหาะก็กลายเป็นลูกบอลแสงสีดำ พร้อมไถลลงไปที่พื้นดิน

“ตู้ม”

แสงสีดำปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง จากนั้นก็มีแสงสีเขียวครอบทับอีกหนึ่งชั้น เป็นการสะท้อนกลับของคาถา ทำให้รูปร่างเดิมของรถเหาะกลับมาอีกครั้ง

อวิ๋นต้านตะโกนอย่างโกรธจัด เขาพลิกมือข้างหนึ่งขึ้น ทันใดนั้นที่กลางฝ่ามือของเขาก็มีง้าวยาวสีทองขนาดหลายสิบจั้งปรากฏขึ้นมา เขาฟันมันลงไปที่พื้นอย่างแรง จนแสงสีทองพุ่งมาด้วยความเร็ว

“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น

กลุ่มแสงสีทองที่อยู่บนพื้นระเบิดขึ้นทันที หลังจากที่ระลอกคลื่นพัดออกไป ทหารของกลุ่มการค้าพันธมิตรก็โดนพัดออกไป เขาไม่มีทางลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีกครั้งแล้ว

แต่หลังจากอวิ๋นต้านหยุดการโจมตี และเรียกง้าวทองกลับคืนมา แสงสีทองที่พื้นได้สลายหายไปหมดแล้ว แต่อักษรรูนที่อยู่บนพื้นกลับส่องแสงสว่างไม่หยุด ราวกับว่ามันไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย

“เป็นไปไม่ได้ ง้าวลำแสงจิตวิญญาณของพี่ใหญ่เป็นของที่ไร้เทียมทานนี่นา” เมื่อเยว่ซูเห็นดังนั้น เขาก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

“ยังไม่เข้าใจอีกหรือ พวกเราตกหลุมพรางของหมิงจุนแล้ว ที่นี่คือตาค่ายบ้าอะไรกัน เห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจสร้างที่นี่เพื่อนฆ่าพวกเราพี่น้องโดยเฉพาะ” อวิ๋นต้านจ้องแสงสีเขียวที่อยู่บนพื้นอย่างไม่ละสายตา และพูดขึ้นด้วยสีหน้าย่ำแย่

“ทำไมเขาต้องทำเช่นนี้ด้วยล่ะ? ขังพวกเราไว้ที่นี่จะมีประโยชน์อะไร แม้ว่าเขตอาคมนี้จะแข็งแกร่ง แต่มันก็ขังพวกเราสองพี่น้องไม่ได้หรอก” ซูเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็พูดพร้อมกัดฟันกร๊อด

“ทำไมเขตต้องห้ามต้องกักขังเลยเช่นนี้ ตราบใดที่พวกเราไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ทันทีก็เพียงพอแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไม…”

แววตาของอวิ๋นต้านสว่างวาบ ทันใดนั้นแขนข้างหนึ่งของเขาก็พร่าเลือน จากนั้นเขาก็โยนง้าวสีทองไปที่แท่นบูชา

แสงสีทองของแท่นบูชาสว่างวาบจากนั้นก็ระเบิดขึ้น หลังจากเศษหินเศษดินแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่ตรงนั้นจึงเหลือเพียงหลุมลึกขนาดใหญ่เท่านั้น

“นี่มัน…” เยว่ซูจ้องมองไปที่หลุมยักษ์นั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ

“หมิงจุนไม่ได้ทิ้งสมบัติทมิฬเอาไว้ที่นี่เลย เกรงว่าเขาจะอยากเอาพวกเราสองพี่น้องมาแทนที่สมบัติสวรรค์ทมิฬ” อวิ๋นต้านกัดฟันแล้วพูดอย่างเย็นชา

“เขากล้าทำเช่นนั้นหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราสองพี่น้องก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด…” เยว่ซูพูดขึ้นด้วยความตกใจ

“ไม่ต้องกลัว แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าหมิงจุนวางกับดักแบบนี้เอาไว้ แต่ในเมื่อเขากล้าพาเจ้าเข้าร่วมมหาสงครามทำลายเซียนในครั้งนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องเตรียมการรับมือไว้หลายอย่างเช่นกัน”

เมื่อพูดจบ อวิ๋นต้านก็อ้าปากออกมา พร้อมคายไข่มุกสีดำอ่อนออกมาหนึ่งเม็ด

เขาหยิบไข่มุกเม็ดนี้ขึ้นมา สีหน้าของเขาดูดุร้ายอย่างมาก เขาโยนไข่มุกดำเม็ดนี้ไปยังม่านแสงสีเลือดอย่างแรง

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ม่านแสงสีเลือดก็มีเพียงแสงสีเลือดสว่างออกมา ทันใดนั้นระลอกคลื่นสีเลือดก็ปรากฏขึ้น ไม่ว่าระลอกคลื่นนี้จะพัดผ่านไปที่ไหน ทหารของกลุ่มการค้าพันธมิตรก็กลายเป็นหมอกโลหิตแล้วระเบิดขึ้นทันที

ไข่มุกสีดำเม็ดนั้นยังไม่ได้สัมผัสกับม่านแสงสีเลือดเลย ก็โดนปกคลุมด้วยระลอกคลื่น

“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น ไข่มุกสีดำเม็ดนั้นกระตุกสองครั้งจากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มควันและจางหายไป

“เป็นไปไม่ได้”

เมื่ออวิ๋นต้านเห็นดังนั้นสีหน้าก็ซีดขาวไร้เลือดฝาด เขาไม่สามารถสงบอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป

เยว่ซูก็ตกใจอย่างมาก เขาสะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง ของวิเศษนับสิบชิ้นก็กระจายออกมาทั่วทุกสารทิศ แต่หลังจากที่ลอยออกมาไม่นาน มันก็ระเบิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

ตอนนั้นเอง ทหารของกลุ่มการค้าพันธมิตรก็กลายเป็นหมอกเลือดไปหมดแล้ว และระลอกคลื่นประหลาดก็โผล่เข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ

หลังจากอวิ๋นต้านและเยว่ซูสบสายตากันแล้ว ก็เห็นแววตาสิ้นหวังของทั้งสองคน

หากเป็นตอนที่พลังของพวกเขาไม่ได้รับความเสียหาย วิธีการแปลกๆ จะไม่มีทางโจมตีเขาได้เลย แต่ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะต่อกรจริงๆ

พวกเขาทั้งสองคนกัดฟันกร๊อด พริบตาเดียวก็ปล่อยของวิเศษทั้งหมดออกมา ในขณะเดียวกันก็ใช้ปราณทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างกาย กระตุ้นของวิเศษเหล่านั้น เพื่อเป็นลำแสงจิตวิญญาณปกป้องร่างกาย

แสงสีเลือดส่องประกาย ระลอกคลื่นที่แปลกประหลาดก็กลืนกินพวกเขาไปทั้งหมด

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ท่ามกลางหมอกสีเลือดก็มีเสียงระเบิดดัง “ตู้มๆ” สองครั้ง หลังจากที่หมอกเลือดควบแน่นรวมตัวกันแล้ว มันก็ดูดซับทั้งหมดเข้าไปในกระแสน้ำวน

ส่วนตาค่ายอีกด้านหนึ่ง หานลี่ยืนอยู่บนพื้นที่เล็กๆ ที่มีม่านแสงสีเหลืองกั้นอยู่ เขาเงยหน้ามองเขตอาคมแสงขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง สีหน้าดูเคร่งครึ้มขึ้นหลายส่วน

นอกจากเขาที่อยู่ตรงนี้แล้ว ทหารของกลุ่มการค้าพันธมิตรล้วนกลายเป็นหมอกสีเลือดไปหมดแล้ว และถูกดูดขึ้นไปยังเขตอาคมแสงด้านบนทั้งหมด

“ตู้ม” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

เขตอาคมแสงกะพริบแสงอยู่ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หายเข้าไปในกลีบเมฆ

ในขณะเดียวกันคนตัวเล็กร่างสีทองก็ถูกทหารสวมชุดเกราะหลายคนกดเอาไว้อยู่ เวลาเดียวกันนั้นเส้นไหมเรืองแสงสีม่วงทองเส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศบริเวณใกล้เคียง มันเข้ามาพันตัวของเด็กตัวเล็กไว้อย่างแน่นหนา

“ฮ่าๆ ในแดนวิญญาณของข้า ต่อให้เจ้ามีความสามารถแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้เจ้าจะหนีไปที่ไหนได้อีก” หม่าเหลียงที่กลายร่างเป็นยักษ์ร่างทองหัวเราะเสียงดังและบินไปยังเด็กตัวเล็ก

อีกทั้งในตอนนั้นเอง ด้านล่างของเขาก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น เขตอาคมแสงระดับพิเศษปรากฏขึ้นครอบคลุมบริเวณทั่วพื้นที่ โดยมียักษ์ร่างทองเป็นจุดศูนย์กลางพอดี

“แย่แล้ว”

หม่าเหลียงตกใจอย่างมาก รีบใช้จิตสำรวจกวาดมองเขตอาคมแสงแห่งนี้ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

แทบจะในเวลาเดียว ลำแสงสีแวววาวก็พุ่งขึ้นมาจากศูนย์กลางของเขตอาคมแสงด้านล่างอย่างเงียบเชียบ หลังจากที่มันส่องแสง มันก็แทงทะลุผ่านความว่างเปล่า

เมื่อหม่าเหลียงมองไปที่เส้นไหมเหล่านี้ รูม่านตาของเขาก็หดเล็กเหมือนแววตาของงู เขารีบหนีทันทีโดยไม่ลังเล จากนั้นก็กลายเป็นลูกบอลแสงสีทองแล้วพุ่งตัวหายไปทันที