ตอนที่ 2419 กลุ่มสุดแข็งแกร่งที่ตกลงมาจากฟ้า

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

ทันใดนั้นปราณสีดำก็แผ่ออกมาจากชายสวมชุดคลุมสีเทา เดิมทีแขนที่ยื่นออกมาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แต่พริบตาเดียวมันก็เหี่ยวแห้งลงไปทันที แต่ระลอกคลื่นทั้งเก้าวิถีที่พวยพุ่งออกมาจากแขนข้างนั้น และผสานเข้าด้วยกันอย่างแปลกประหลาด

“ตู้มๆ” เสียงหนึ่งดังขึ้น

แขนที่เหี่ยวย่นราวกับรากไม้แห้งแทงทะลุเอวของยักษ์ร่างสีทองไปทันที และเมื่อแทงเข้าไปได้ไม่นาน มันก็ระเบิดตัวเองออกมา

ตอนนั้นเองก็มีเปลวเพลิงเก้าสายพวยพุ่งออกมา วินาทีต่อมาไฟเหล่านั้นก็ลุกลามไปทั่วยักษ์ร่างทองตนนั้น จนกลายเป็นมนุษย์เพลิงยักษ์คนหนึ่ง

ยักษ์ร่างทองกรีดร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด เปลวเพลิงเก้าสีแทบจะหลอมละลายเนื้อหนังทีละชั้นๆ และเผาไหม้อย่างรวดเร็ว

เปลวไฟทั้งเก้าสีนี้ มีสีที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อมาหลอมรวมกันแล้ว พลังที่แตกต่างทั้งเก้าชนิดก็เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“เซียนแท้อะไรกัน เมื่อมาอยู่ภายใต้การโจมตีของเก้าภัยพิบัติของข้า ก็ทนการโจมตีเพียงครั้งเดียวของข้าไม่ได้หรอก” หลังจากเซวียนจิ่วหลิงโจมตีไปแล้วครั้งหนึ่ง เขาก็หายไปจากจุดเดิมทันที วินาทีต่อมาเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านข้างของหมิงจุน และพูดพร้อมแค่นเสียงหัวเราะเย็นๆ

แม้ว่าเขาจะระเบิดแขนของตัวเองไปข้างหนึ่ง แต่ก็สามารถฆ่าเซียนได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจไม่น้อย

ในตอนนั้นเองในที่สุดเปลวสีดำที่ปกคลุมยักษ์ร่างทองไว้ก็สลายหายไปแล้ว

ส่วนตะเกียงโบราณสีดำก็ลอยอยู่บนอากาศ และมีเสียงดัง “ตู้ม” เกิดขึ้น พร้อมมีลำแสงวิญญาณระเบิดออกมา

สมบัติชิ้นนี้เป็นของวิเศษที่สิ้นเปลือง สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากใช้งานไปแล้วหนึ่งครั้ง จะไม่มีทางใช้ครั้งที่สองได้

เมื่ออิ๋นกังจื่อ ฮูหยินอูหลิงและคนอื่นๆ เห็นดังนั้น ก็รู้สึกดีใจกันอย่างยิ่ง หลังจากที่สบตากันไปมาแล้ว เขาก็อดรู้สึกโล่งอกที่รอดออกมาจากภัยพิบัติได้แล้ว

หมิงจุนมองยักษ์ร่างทองที่กลายเป็นมนุษย์เพลิง ใบหน้าที่มืดครึ้มก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

นอกจากเคล็ดวิชาเก้าภัยพิบัติทำลายวิญญาณจะร้ายกาจแล้ว เปลวเพลิงเก้าภัยพิบัตินี่ก็เป็นของจริง เปลวเพลิงที่เที่ยงแท้ ประกอบด้วยไฟทั้งเก้าธาตุ เมื่อดูดซับปราณรวมเข้าด้วยกันแล้ว พลังของมันก็มากพอที่จะทำลายทะเลและภูเขาได้เลย

ไม่ต้องพูดเรื่องเซียนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นเซียนลำดับต้นๆ ของแดนเซียนโดนวิชานี้เข้าไป ก็เชื่อว่าร่างของพวกเขาไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้แล้ว

ดูเหมือนว่าวิธีอีกทางหนึ่งที่หมิงจุนได้เตรียมไว้ คงไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้วสินะ

หมิงจุนคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ

ในตอนนั้นยักษ์ร่างทองยังคงไม่มีส่งเสียงใดๆ ออกมา เลือดเนื้อของเขาแทบจะหลอมละลายหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงโครงกระดูกสีทองร่างใหญ่ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกโล่งใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“ไม่สิ เซียนท่านนี้ยังไม่ตาย พลังของผนึกเลือดหมื่นวิญญาณไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย” ทันใดนั้นหญิงสาวสวมชุดนางในที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ก็กรีดร้องขึ้นพร้อมเหงื่อที่ไหลท่วมตัว

ประโยคนี้ทำให้อิ๋นกังจื่อ หมิงจุนและคนอื่นๆ ตกใจอย่างมาก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองกลางอากาศทันที

เมื่อเห็นว่าตราประทับเลือดที่มีเกล็ดน้ำแข็งปิดผนึกอยู่ เปลวเพลิงสองชนิดก็ยังคงลุกลามอยู่อย่างต่อเนื่อง เกล็ดน้ำแข็งด้านนอกก็ละลายอย่างรวดเร็ว จนเหลือเพียงชั้นบางๆ แล้ว

“แย่แล้ว เซียนคนนั้นยังไม่ตายจริงๆ ด้วย รีบโจมตีเขาอีกครั้งเร็ว” สีหน้าของหมิงจุนดูย่ำแย่อย่างมาก หลังจากพูดออกไปเช่นนั้น ทันใดนั้นเขาก็ยกมือสองข้างขึ้นมาร่ายคาถา จากนั้นเขาก็อ้าปาก มีดบินสีน้ำเงินขนาดไม่กี่ชุนก็พุ่งออกมา หลังจากที่มันสั่นไหวอยู่เล็กน้อย มันก็กลายเป็นสายรุ้งขนาดหลายสิบจั้งพุ่งตรงเข้าไปฟันที่โครงกระดูกสีทองอย่างรุนแรง

หลังจากเซวียนจิ่วหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา เขาก็รีบสะบัดแขนข้างหนึ่งอย่างไม่รอช้า ในตอนนั้นเองแสงสีเงินมากกว่าร้อยสายก็ปรากฏขึ้นมา เพียงชั่วพริบตาเดียว มันก็พุ่งตรงไปที่บริเวณใกล้เคียงของโครงกระดูสีทอง ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นกระบี่บินสีเงินจำนวนมากกว่าร้อยเล่ม พุ่งเข้าไปทันที

“ตู้ม” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ทันใดนั้นด้านนอกของโครงกระดูกยักษ์สีทองก็มีเกราะคริสตัลสวยงามปรากฏขึ้นมา ในขณะเดียวกัน หลังจากมีเสียงดังหึ่งๆ เกิดขึ้น ตัวอักษรรูนสีม่วงทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมาอย่างหนาแน่น กระบี่บินสีเงินนับร้อยเล่มและสายรุ้งสีทองน้ำเงินก็ฟาดลงไปอย่างรุนแรง หลังจากมีเสียงดัง “ตู้มๆ” มันก็กระเด็นออกมาทันที เขาไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับอักษรสีม่วงทองได้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อชายหนุ่มทั้งสี่เห็นดังนั้น เขาก็รู้ว่านี่มันเป็นเรื่องวิกฤตแล้ว เขาอ้าปากพ่นลูกไฟสีดำออกมาอีกครั้ง โดยไม่สนใจสัญญาที่เคยเอ่ยไว้เมื่อครั้งที่แล้ว ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน และถอยหลังลงไปด้านหลัง

เมื่อลูกไฟสีดำโจมตีไปที่อักษรรูนเหล่านั้น แม้ว่าอักษรรูนเหล่านั้นจะถูกระเบิด แต่ก็ถูกขวางกั้นเอาไว้ด้านนอกเท่านั้น

ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะแปลกๆ ดังออกมาจากปากของโครงกระดูกยักษ์สีทอง หัวกะโหลกขนาดใหญ่ก็อ้าปากออกพร้อมคายขวดโอสถขนาดเล็กสีเขียวหมึกออกมาที่กลางฝ่ามือ ทันใดนั้นเองภาพบรรยากาศที่เลือนรางก็หายไปอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

วินาทีต่อมา เหนือศีรษะของโครงกระดูกสีทองก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น เงาของขวดโอสถที่มีขนาดใหญ่มากกว่าหนึ่งหมู่ก็ปรากฏขึ้น

ขวดใบนั้นพลิกหัวลงมา และมีเสียงคำรามดังขึ้นที่ปากขวด ของเหลวสีเขียวไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก และเมื่อมีลมพัดผ่านมา น้ำเหล่านั้นก็กระจายออกมาทั่วท้องฟ้าตกลงเป็นหยาดพิรุณแห่งจิตวิญญาณ

พิรุณจิตวิญญาณนี้มีสีเขียวอ่อน ดูไปแล้วมีจำนวนมหาศาล และดูผิดปกติอย่างมาก เพราะมันปกคลุมแค่พื้นที่ที่โครงกระดูกยักษ์สีทองยืนอยู่เท่านั้น

อีกทั้งโครงกระดูกสีทองนั้นก็ไม่สนใจการโจมตีของที่บ้าคลั่งของกระบี่บินสีเงิน มีดบินสีฟ้า ที่อยู่ด้านนอกเลยสักนิด มันส่งเสียงคำรามเสียงต่ำมาเท่านั้น แขนทั้งสองข้างก็กางออกมา ราวกับว่าต้องการให้ร่างกายทุกส่วนได้รับหยาดพิรุณเหล่านั้น

ภาพเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น

หลังจากที่เขาได้รับพิรุณจิตวิญญาณสีเขียวชโลมทั่วร่างกายแล้ว ก็มีแสงจิตวิญญาณสีเขียวอ่อนแผ่กระจายออกมา จากนั้นก็มีเส้นเลือดเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่โครงกระดูกโล้นๆ หลังจากที่มันผสมผสานกันแล้ว เลือดเนื้อของเขาก็ค่อยๆ กลับมาอีกครั้ง

แต่ว่าหลังจากใช้เวลามาไม่นาน ผิวหนังของโครงกระดูกที่สีทองก็กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ดวงตาที่เคยปิดสนิท ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

แสงสีทองและเปลวไฟสีน้ำเงินก็ลุกโชกโชนในดวงตาของเขาอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง มือข้างหนึ่งของเขาก็แบมือขึ้นมากลางอากาศ

แสงสีเขียวสว่างวาบ ขวดสีเขียวหมึกเล็กๆ ขวดนั้นก็ถูกดึงกลับมา

เสียงกระทบดังฟิ้ว

เงาโอสถขวดนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว พิรุณวิญญาณก็สลายหายไปด้วยเช่นกัน

“ดีมาก คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะมีตะเกียงปราณต้องห้ามกับเคล็ดวิชาเก้าภัยพิบัติทำลายวิญญาณ ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าจะดูถูกพวกเจ้ามากไปหลายส่วนเลยสินะ แต่ว่าตอนนี้พวกเจ้าก็ทำให้ข้าโกรธมาก ต่อไปนี้ข้าจะไม่ให้โอกาสพวกเจ้าหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว วันนี้คนที่มาปรากฏตัวที่นี่ต้องตายให้หมดทุกคน ข้าไม่ให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” ยักษ์ร่างทองคำรามขึ้นมาด้วยความโมโห มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาร่ายคาถา แล้วก็อ้าปากขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นเองอักษรรูนสีม่วงทองก็ถูกพ่นออกมา จากนั้นมันก็พัดกระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง

วินาทีต่อมา เหนือน่านฟ้าก็มีแสงสีทองสว่างวาบขึ้น ลูกบอลแสงสีทอง ขนาดเท่าศีรษะคนก็โผล่ขึ้นมากลางอากาศ อีกทั้งมีเสียงร่ายคาถาภาษาสันกฤตดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งด้วย

ในขณะเดียวกัน ภูเขาไฟด้านล่างที่เคยหยุดนิ่งกลับปะทุลาวาสีทองออกมา นอกจากนั้นยังเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เมื่อรวมกันแล้ว มันแทบจะครอบคลุมพื้นที่ทุกส่วน

แสงสีทองที่อยู่บนท้องฟ้าก็พุ่งเข้าหาทุกคนอย่างดุเดือด

“แดนวิญญาณ เขาเปิดฉากโจมตีแดนวิญญาณแล้ว รีบไปเร็ว” เมื่อหมิงจุนเห็นดังนั้น ก็รู้สึกได้ถึงความอันตราย จึงตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เท้าข้างหนึ่งเหยียบที่ความว่างเปล่า แสงสีฟ้าส่องประกายออกมาจากผิวหนังของเขา และกลายเป็นรุ้งสีฟ้าสายหนึ่งที่พุ่งออกไประยะไกล

อสูรสี่หัวล่วงหน้าไปก่อนแล้วหนึ่งก้าว ตั้งแต่ที่เขาพ่นลูกไฟสีดำสี่ลูกเสร็จเขาก็รีบจากไปทันที

หลังจากนั้นที่เซวียนจิ่วหลิงกัดฟันกร๊อด ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ บิดเบี้ยวแล้วจางหายไปจากที่เดิม

เมื่ออิ๋นกังจื่อและฮูหยินอูหลิงเห็นดังนั้นเขาก็รู้สึกหนาวจับใจ จึงรีบหนีโดยไม่กล้าลังเลเช่นกัน

หลังจากที่มือขนาดใหญ่และกระบองหนามยักษ์หายไปกลางอากาศ ยักษ์ร่างสีเงินก็หายไปในทันที เขาพุ่งตัวออกจากพื้นที่ราวกับดาวตกพุ่งใส่พื้นโลก หลังจากที่แสงสว่างส่องขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็รีบใช้วิชาลับหลบหนีอย่างรวดเร็ว

ส่วนอสูรที่มีหัวสุกรร่างวานรก็มีแสงสีดำสว่างขึ้นที่ด้านหลังของมัน พริบตาเดียวพวกมันให้กำเนิดค้างคาวสีเทาสองคู่ พวกมันขยับปีกอย่างรุนแรง พัดจนมีม่านหมอกสีขาวมาปกคลุมอยู่

เหลือเพียงหญิงสาวที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น นางตกใจมาก นางคิดจะร่ายคาถาเพื่อหนี แต่ว่ามันก็ไม่ทันแล้ว

นางเห็นเพียงตราประทับเลือดที่อยู่ด้านบนคำรามเสียงดังกึกก้อง เกล็ดน้ำแข็งบางๆ ถูกละลายจนหายไปหมดแล้ว เมื่อไม่มีอะไรมาขวางกั้น มันก็ตกลงมาอย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้า

หญิงสาวที่อยุ่ในชุดนางในก็รู้สึกว่าช่องว่างมันน้อยลงเรื่อยๆ ร่างกายของนางหนักราวกับมีภูเขา

ไท่ซานมากดทับ นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย นางร่ายคาถาในใจอย่างรีบร้อน ของวิเศษที่อยู่ร่างกายก็บินออกมาจนหมด กลายเป็นม่านที่ปกป้องตนเองหนึ่งชั้น

แววตาทั้งสองข้างเป็นสีดำสนิท ร่างกายร้อนผ่าว ไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย

มหาเมธีที่แข็งแกร่งเมื่อมาอยู่ต่อหน้าพลังอันน่าสะพรึงกลัวของตราประทับเลือด ร่างกายของตนเองไม่เพียงแค่จะดับสูญไป ขนาดของวิเศษก็ถูกทำลายทั้งหมดด้วย

“คิดจะหนีหรือ?”

ยักษ์ร่างทองแค่นหัวเราะเสียงเย็น แสงสีม่วงทองตรงหน้าเขาสว่างวาบ ทันทีที่เขาสะบัดแขนออกไป ลำแสงก็พุ่งออกไปในระยะที่ห่างออกไป

“ตู้ม” ลำแสงสีทองก็พุ่งออกมา หลังจากยิงออกไปเพียงแค่หนึ่งครั้งโดนเข้าที่หมิงจุน เซวียนจิ่วหลิง ฮูหยินอูหลิง ที่กำลังหลบหนีเข้าไปที่โลกสีทอง

ในตอนนั้นเอง โลกสีทองที่อยู่ใกล้ๆ ก็เกิดความผันผวนขึ้น เซวียนจิ่วหลิงปรากฏตัวขึ้นด้วยรูปร่างที่บิดเบี้ยว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจระคนโกรธ

“ฆ่า”

ยักษ์ร่างทองไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาทั้งสามใช้วิชาลับในการหลบหนีอีกแล้ว เขาตะโกนขึ้นพร้อมความโกรธแค้น

ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองล้อมรอบพวกเขาทั้งสามและอสูรอีกสี่ มือขนาดใหญ่ที่มีสีทองลายม่วงเพียงแค่เขาจับเบาๆ ก็คว้าพวกเขาทั้งเจ็ดเอาไว้ในฝ่ามือได้แล้ว

พวกเขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก มีพลังไหลวนเข้ามาในร่างกาย ไม่เพียงแต่แขนขาไม่สามารถขยับได้ แต่ก็ไม่สามารถเดินลมปราณได้เช่นเดียวกัน

คนทั้งสามและอสูรอีกสี่ตกใจจนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง

ในตอนนั้นเองกลุ่มหมอกสีเลือดก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขา ผนึกเลือดเจ็ดชิ้นที่หน้าตาเหมือนกัน จะหล่นลงมาจากฟ้า

คนทั้งสามและอสูรอีกสี่ที่อยู่ท่ามแสงโลหิตก็สั่นสะท้านไปเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลี

ในขณะเดียวกัน ยักษ์สีเงินอยู่ใต้ดินที่ลึกลงไปมากกว่าพันจั้ง ใบหน้าของเขาก็เขียวคล้ำ เขาอยู่ท่ามกลางภูเขาไฟแปดลูก เขาติดอยู่ตรงนั้นโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้เลย

เมื่อเห็นว่าภูเขาไฟเหล่านั้นส่งเสียงร้องโครมคราม ลาวาสีทองม้วนเป็นคลื่นซัดสาดเขามา ความร้อนที่ไม่น่าเชื่อทำให้ยักษ์ร่างสีเงินจมลงไปในลาวาอย่างรวดเร็ว

หลังจากส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนแล้ว ก็ไม่มีเสียงอะไรดังออกมาจากลาวาสีทองอีกแล้ว

เมื่อยักษ์ร่างทองเห็นว่ามหาเมธีทุกคนโดนฆ่าไปหมดแล้ว ใบหน้าของเขาก็แสดงความพึงพอใจออกมา แต่ในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มลง พร้อมตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาล

“ใครแอบอยู่ตรงนั้น ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้”

ทันทีที่เขาพูดจบ พื้นที่ว่างเปล่ากลางอากาศที่ห่างออกไปมากกว่าพันจั้งก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น มือขนาดใหญ่สีทองปรากฏออกมา นิ้วทั้งห้าก็พุ่งมาข้างหน้าอย่างกะทันหัน พริบตาเดียวก็มีเด็กร่างสีทองคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า

เด็กคนนี้ไม่มีปากและจมูก มีเพียงแววตาที่เปล่งประกาย แม้ว่าเขาจะยืนอยู่บนฝ่ามือยักษ์ แต่กลับไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาเลย เขาเพียงมองยักษ์ร่างทองด้วยแววตาเย็นชาเท่านั้น

“เซียนกลืนทอง”

ยักษ์ร่างทองมองเพียงครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเด็กคนนั้นคือใคร สีหน้าดุร้ายของเขาหายไป เสียงของเขาหายไปเช่นกัน