ตอนที่ 2418 เก้าภัยพิบัติปรากฏ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

คาดไม่ถึงว่าผู้แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงโด่งดังของแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนจะตายลงแบบยังไม่ทันได้สั่งเสียอะไรเช่นนี้

ส่วนหมิงจุนและคนอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การปกป้องของบันทึกสวรรค์อิ๋นจวิน สามารถรอดพ้นจากการโจมตีครั้งนี้ได้

มีเส้นเลือดมากมายพุ่งชนสมบัติชิ้นนี้ มันทำให้ของชิ้นนี้หม่นแสงลงอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ทะลุแนวป้องกันมาแต่อย่างใด

แต่มันก็ทำให้อิ๋นกังจื่อและคนอื่นๆ หน้าซีดเผือดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หมิงจุนก็มีสีหน้ามืดครึ้ม สายตาของเขาเหลือบไปมองอสูรร้ายสีดำอย่างรวดเร็ว

เขาเห็นเพียงแค่ชายหนุ่มสวมชุดเกราะสี่ดำทั้งสี่กำลังยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา หลังจากที่เขาหลบอยู่ในม่านเพลิงสีดำหนึ่งชั้น เขาก็สามารถรอดพ้นจากการโจมตีของเส้นเลือดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หม่าเหลียงที่ยืนอยู่ห่างออกไป เมื่อเห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยยังสามารถรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้ สีหน้าของยักษ์ร่างทองก็อดที่จะแสดงความประหลาดใจออกมาไม่ได้ แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นทันที เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาร่ายคาถา มือข้างหนึ่งกำลังควบคุมให้ตราประทับที่อยู่กลางอากาศสั่นไหวเล็กน้อย

เสียงระเบิดดังสนั่น

ในครั้งนี้ตราประทับสั่นไหวเล็กน้อย แต่เจดีย์แสงที่ถูกกดทับอยู่ด้านล่างกลับแตกเป็นเสี่ยงๆ

ไม่มีสิ่งกีดขวางอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนั้นเองเหมือนมียอดเขาไท่ซานพุ่งตกลงมาที่ตัวของหมิงจุนและคนอื่นๆ พวกเขาโดนพลังที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมอีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดที่หายไปแล้วก็โชยออกมาอีกครั้ง

“พี่หมิง ตอนนี้จะต้องทำอย่างไรดี?” เมื่ออิ๋นกังจื่อเห็นดังนั้นร่างจำแลงกายของยักษ์สีเงินก็ถามขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“จะทำอะไรได้อีกเล่า ก็ต้องสู้อย่างสุดชีวิตเท่านั้น สหายทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงเกินไป การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จะต้องใช้พลังปราณแท้จำนวนมาก เขาไม่มีทางใช้มันติดกันสองรอบได้อย่างแน่นอน สหายอูหลิง พี่อิ๋น เจ้าช่วยต้านทานของวิเศษชิ้นนี้ให้ข้าก่อนสักครู่ ข้าจะใช้เคล็ดวิชาลับต่อกรกับฝ่ายตรงข้าม จะดูลองว่าสามารถใช้โอกาสที่เขาสูญเสียพลังงานอย่างหนัก มาปิดผนึกมันได้หรือไม่…สหายทั้งสี่ พวกเจ้าก็ใช้พลังที่แท้จริงผสานการโจมตีกับของในครั้งนี้ด้วย” หมิงจุนมีสีหน้าเคร่งครึ้มอย่างมาก และพูดสั่งการกับสหายทั้งสาม พร้อมกับสัตว์อสูรทั้งสี่อย่างเร่งด่วน

“ปิดผนึกฝ่ายตรงข้าม พี่หมิงมีความมั่นใจกี่ส่วนหรือ?” ฮูหยินอูหลิงถามขึ้นอย่างลังเล

ชายหัวโล้นและมหาเมธีคนอื่นๆ ตายต่อหน้าต่อตาเขาอย่างง่ายดาย จึงทำให้นางรู้สึกขนลุกชัน

“วางใจเถอะ วิชาที่ข้าจะใช้จะไม่ปล่อยจิตวิญญาณไหนสักดวงให้หนีรอดไปได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นวิชาลับที่ต้องใช้พลังรุนแรงของแดนเซียน อย่างน้อยก็มีความมั่นใจมากกว่าครึ่ง” หมิงจุนตอบด้วยความมั่นใจเล็กน้อย

“ดี เช่นนั้นครั้งนี้ข้าจะเชื่อเจ้าอีกสักครั้ง สหายอิ๋น พวกเราลงมือพร้อมกัน” ฮูหยินอูหลิงหันหน้าขึ้นมองตราประทับเลือดที่อยู่กลางอากาศ นางไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ หากยังมีมันอยู่ จึงทำได้เพียงกัดฟันกร๊อดแล้วตอบเสียงเรียบ

อิ๋นกังจื่อที่เป็นกลายร่างเป็นยักษ์ก็พยักหน้าเบาๆ แล้วคำรามเสียงดังอย่างไม่ลังเล ร่างกายของเขาขยายขึ้นอีกครั้ง อักษรสีเงินพวยพุ่งออกมาจากผิวหนังอย่างบ้าคลั่ง อักษรรูนจำนวนนับไม่ถ้วนก็เปล่งแสงไปมาไม่หยุด หลังจากที่แขนทั้งสองข้างหมุนเป็นวงกลม หมัดของทั้งสองข้างก็พุ่งขึ้นกลางอากาศไป

อีกทั้งฮูหยินอูหลิงก็กลายร่างเป็นหัวสุกรร่างวานรแล้ว หลังจากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงหอนยาวๆ กระบี่ยักษ์สองเล่มที่อยู่ในมือก็นำมารวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นกระบองที่มีหนามแหลมสีเหลืองด้ามหนึ่ง เพียงสั่นมันเบาๆ พายุลูกหนึ่งก็พัดออกไปยังกลางอากาศ

ในอีกด้านหนึ่ง หญิงสาวสวมชุดนางในสีเขียวอ่อน ที่ไม่ได้พูดอะไรมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว แต่เมื่อนางเห็นฮูหยินอูหลิงและอิ๋นกังจื่อลงมือ นางก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมใช้มือข้างหนึ่งลูบมวยผมของตนเอง และดึงปิ่นหยกที่ฝังด้วยลูกปัดสีขาวฟ้าสามเม็ดที่ดูธรรมดาอย่างยิ่งออกมา จากนั้นนางก็โยนขึ้นไปด้านบนฟ้า

“ตู้ม ตู้ม ตู้ม”! เสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้งติดต่อกัน

ปิ่นหยกกลายเป็นลำแสงจิตวิญญาณ และลูกปัดสีฟ้าขาวก็ลอยขึ้นไปด้านบน เมื่อผ่านไปสักพัก มันก็กลายเป็นกลุ่มแสงสามกลุ่ม ขนาดเท่ากับศีรษะคน ด้านนอกเป็นแสงสีฟ้าระยิบระยับ ดูพิเศษอย่างมาก

เมื่อหม่าเหลียงที่กลายร่างเป็นยักษ์ร่างทองเห็นดังนั้น ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นๆ ออกมา และกระตุ้นพลังเซียนภายในร่างอีกครั้ง

ตอนนั้นเองหมอกสีเลือดที่อยู่ข้างๆ ตราประทับเลือดก็ขยายตัวขึ้น แล้วเกิดเสียงดัง “ตู้มๆ” หนวดสีเลือดก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ หลังจากที่มันสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง มันก็กลายเป็นหอกยาวสีเลือด พุ่งใส่ลงมาราวกับฝนตก

“ครืนโครมๆ” เสียงกระทบกันดังลั่น

หมัดทั้งสองของอิ๋นกังจื่อเลือนรางไปเล็กน้อย ชั่วพริบตาเดียวมันก็กลายเป็นเงาหมัดสีเงิน จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน แล้วพุ่งเข้าใส่หอกสีเลือดเหล่านั้น

ฮูหยินอูหลิงกระตุ้นพายุสีเหลืองที่เกิดจากกระบองหนาม หอกเลือดที่ทยอยพุ่งเข้ามา และหลังจากโดนพายุหมุนที่บ้าคลั่งหอกทั้งหมดก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ส่วนกลุ่มแสงสีฟ้านั้นราวกับจะเป็นก้อนพลังงานไม่มีรูปร่าง มันยังคงลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อมันสัมผัสกับหอกสีเลือดเหล่านั้น มันก็ทะลุผ่านไป ราวกับว่าไม่มีผลกระทบอะไรกับมันเลย

วินาทีต่อมาเงาหมัดจำนวนมากมายกับกระบองหนามสีเหลืองก็โจมตีเข้าที่ตราประทับยักษ์อย่างจัง

กลางอากาศมีเสียงสั่นสะเทือนลั่น หลังจากนั้นมีแสงสีเงิน เหลือง และสีเลือด โรมรันกันอย่างรุนแรง

ตราประทับเลือดสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ยังพุ่งลงมาด้านล่างเรื่อยๆ

สีหน้าของฮูหยินอูหลิงและอิ๋นกังจื่อเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่ว่าทั้งสองคนก้าวเท้าข้างหน้าขึ้นไปที่ความว่างเปล่า สองมือ สิบนิ้วก็ค่อยๆ ดันไปด้านบน ทันใดนั้นฮูหยินอูหลิงก็โยนกระบองหนามออก พร้อมร่ายคาถา สร้างเขตอาคม

เสียงดังสั่นสะเทือนฟ้าดินดังขึ้นหลายครั้ง

มือสีเงินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านล่างของตราประทับ พร้อมนิ้วทั้งสิบก็ดันตราประทับเลือดขึ้น

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง แสงสีเหลืองจากกระบองหนามก็ดูเหมือนอาวุธเทพ พุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง พยายามหยุดยั้งแรงกดทับของตราประทับอย่างสุดแรง

จากนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

หลังจากตราประทับเลือดที่มีขนาดเท่ากับภูเขาลูกหนึ่งชะงักไปเล็กน้อย ในที่สุดมันก็หยุดอยู่กลางอากาศ

มือยักษ์สีเงินสองมือและกระบองหนามขนาดใหญ่ก็ส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าเขาไม่สามารถทนแรงกดทับต่อไปได้แล้ว

เมื่ออิ๋นกังจื่อและฮูหยินอูหลิงเห็นดังนั้น เขาก็อดที่ส่งเสียงคร่ำครวญไม่ได้

ในเวลานี้ทั้งสองคนถ่ายเทพลังมาที่มือยักษ์และกระบองยักษ์หมดแล้ว จึงไม่มีพลังพอที่จะต้านทานพลังของตราประทับเลือดได้อีก

แต่ในตอนนั้นเอง ในที่สุดลูกบอลแสงสีฟ้าสามเม็ด ก็ลอยมาถึงบริเวณใต้ตราประทับแล้ว หลังจากที่มันสัมผัสกับหมอกสีเลือด มันก็เกิดระเบิดขึ้นทันที

พลังเยือกแข็งที่น่าประหลาด แทบจะสามารถแช่แข็งจิตวิญญาณของคนทั่วไปได้ทันที ทันใดนั้นมันแผ่กระจายไปกลางอากาศ

จากนั้นก็มีดอกไม้น้ำแข็งสีฟ้าสามดอก ที่มีปราณเย็นพวยพุ่งปรากฏออกมา มันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสิบจั้ง หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็พ่นลำแสงคริสตัลออกมาสามสาย และพุ่งโจมตีไปยังตราประทับนั้น

“ตู้ม” เสียงระเบิดเสียงหนึ่งดังขึ้น ม่านน้ำแข็งชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นตรงผนังด้านล่างของตราประทับเลือด และมันก็แผ่ขยายออกไปด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ใช้เวลาเพียงไม่นาน ตราประทับส่วนใหญ่ก็ถูกปิดผนึกด้วยน้ำแข็งหมดแล้ว

ฉากนั้น ไม่เพียงทำให้อิ๋นกังจื่อและฮูหยินอูหลิงตกใจจนอ้าปากค้างแล้ว แม้กระทั่งแววตาของหมิงจุนยังรู้สึกประหลาดใจด้วยเช่นกัน

“หึ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเมล็ดของดอกโบตั๋นหิมะ ไม่คิดเลยว่าที่โลกมนุษย์จะมีเมล็ดพันธุ์ชนิดนี้อยู่ด้วย แต่ว่าดอกไม้ชนิดนี้จะหยุดตราประทับเลือดได้อย่างไร?” หม่าเหลียงที่กลายร่างเป็นยักษ์ร่างทองก็แสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่หลังจากที่เขาไตร่ตรองอย่างดีแล้ว เขาก็อ้าปากแล้วเป่าลมไปทางตราประทับเลือด

หลังจากนั้นก็มีเสียงดัง “พรึ่บ” บริเวณใกล้เคียงของตราประทับนั้นก็มีเปลวเพลิงสีดำปรากฏขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน เกล็ดน้ำแข็งสีน้ำเงินที่เกาะติดกับตราประทับก็เกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับเป็นเสียงประทัด

ในขณะเดียวกัน ตราประทับเลือดก็ระเบิดตัวเองเสียงดังสนั่น เปลวไฟสีเลือดก็พวยพุ่งออกมาหนึ่งชั้น

ภายใต้การโจมตีของเปลวเพลิงทั้งสองชนิด เกล็ดน้ำแข็งสีน้ำเงินก็เริ่มหลอมละลายอย่างรวดเร็ว

“พี่หมิง หากท่านยังไม่ลงมือล่ะก็ เกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถต้านทานไว้ได้นาน” หญิงสาวสวมชุดนางในสีเขียวอ่อนที่นั่งขัดสมาธิเพื่อกระตุ้นดอกไม้น้ำแข็งทั้งสามอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็กรีดร้องเสียงแหลมขึ้น

“สหายทั้งสามได้โปรดวางใจ ข้ากำลังจะลงมือเดี๋ยวนี้แล้ว” เมื่อหมิงจุนได้ยินหญิงสาวพูดเช่นนั้น เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวที่สวมชุดนางใน และอิ๋นกังจื่อ ฮูหยินอูหลิงก็หยุดชะงักไป

ทันใดนั้นเอง เหนือศีรษะของหม่าเหลียงก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น จากนั้นก็มีเด็กตัวเล็กร่างสีเขียว ประมาณหนึ่งชุน ปรากฏตัวขึ้นมา ใบหน้าของเขาพร่ามัว ทำให้มองเห็นไม่ชัดว่าเขามีหน้าตาอย่างไร แต่มือทั้งสองข้างของเขากำลังถือตะเกียงโบราณสีดำอันหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยสนิม

หม่าเหลียงเงยหน้าขึ้นไปมองทันที จากนั้นเขาก็อ้าปากแล้วพ่นเปลวไฟสีทองออกไปทันที

หลังจากเปลวไฟเหล่านั้นขยายใหญ่ขึ้น พริบตาเดียวเด็กคนนั้นก็ตกอยู่ในทะเลเพลิง

เมื่อเปลวไฟสีทองพุ่งผ่านไป บรรยากาศรอบข้างก็พร่าเบลอ ราวกับว่ามันกำลังจะถูกหลอมละลายเป็นรู หลังจากโดนความร้อนสูง

แต่เด็กน้อยคนนั้นกลับเหวี่ยงตะเกียงในมือไปทางทะเลเพลิงอย่างไม่รีบไม่ร้อน

เสียงดัง “ตู้มๆ” ก็เกิดขึ้น

ภาพที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น

ด้านนอกของตะเกียงสีดำมีแสงสีดำแผ่ออกมาจางๆ อักษรรูนสีขาวเทาก็ค่อยๆ ลอยออกมา เปลวเพลิงสีทองก็ถูกดูดลงไปในตะเกียงโบราณสีดำอย่างบ้าคลั่ง ราวกับโดนหลุมดำดูด พริบตาเดียวไฟเหล่านั้นก็หายเกลี้ยง

เมื่อหม่าเหลียงที่เห็นดังนั้น ก็อดรู้สึกตกตะลึงไม่ได้

ในตอนนั้นเอง เด็กน้อยคนนั้นก็โยนตะเกียงโบราณลงไปด้านล่าง และกระโดดขึ้นไปด้านบน พริบตาเดียวภายในตะเกียงก็มีเปลวเพลิงสีเขียวสว่างขึ้น และเห็นได้ชัดว่าไส้ในของมันเป็นสีดำ

จากนั้นเปลวไฟสีขาวเทาก็ปรากฏขึ้นมาบนตะเกียง

ในขณะเดียวกันนั้นเอง หมิงจุนที่ยืนอยู่ห่างออกไปก็มีใบหน้าซีดเผือด ร่างกายที่เคยยืนนิ่ง แต่ตอนนี้กลับล้มลงและลุกขึ้นยืนไม่ไหว

ตะเกียงโบราณที่อยู่ไกลๆ ก็มีเสียงดัง “ฟู่ๆ” ขึ้น เปลวไฟสีขาวเทาที่อยู่ชั้นนอกก็พร่าเลือนขึ้น มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปครึ่งหนึ่งของแผ่นฟ้า

ทันใดนั้นเองเมื่อหม่าเหลียงที่โดนเปลวไฟสีขาวเทาเหล่านั้นปกคลุม เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังเซียนในร่างกายเกิดการควบแน่น แสงสีทองที่ปกป้องร่างกายก็แตกกระจายออกไป และไม่สามารถใช้วิชาลับใดๆ ได้อีกต่อไป

ในตอนนั้นเองก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้นที่รอบข้างของยักษ์ร่างทอง อสูรสีดำสี่หัวก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ในขณะเดียวกันนั้นเอง มันก็อ้าปากกว้างขึ้น ปากทั้งสี่มีลูกบอลเพลิงสีดำขนาดเท่ากับล้อเกวียนปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งตรงไปหายักษ์ร่างทองผู้นั้น

“รนหาที่ตาย”

หม่าเหลียงตกใจมาก เขาตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธจัด มือสองข้างกำหมัดแน่น แล้วต่อยไปที่เปลวเพลิงสีดำทั้งสี่ลูกอย่างรุนแรง

“ตู้ม ตู้ม ตู้ม”! เสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้ง เมื่อลูกบอลเพลิงสามลูกสัมผัสกับหมัดของยักษ์ร่างทอง พริบตาเดียวมันก็ระเบิดออกมาราวกับเม็ดฝนสีดำ

แต่ลูกบอลเพลิงหนึ่งในสี่ลูกนั้นกลับเบี่ยงหลบหมัดของเขาได้ ทันใดนั้นมันก็พุ่งไปที่ลำตัวของยักษ์ร่างทอง ทันใดนั้นลูกบอลเพลิงสีดำก็กลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่สวมชุดคลุมสีขาวเทา

“เคล็ดวิชาเก้าภัยพิบัติทำลายวิญญาณ” ชายหนุ่มชุดสีเทาขาวยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นแล้วพุ่งไปโจมตีบริเวณเอวของยักษ์ร่างทอง เสียงที่เขาเอ่ยขึ้นมาก็ทำให้รู้สึกหนาวเสียดกระดูก