ตอนที่ 982 สิ่งมีชีวิตลึกลับบนยอดเขา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เมื่อไปถึงพื้นยกสูงและก้าวขึ้นไปบนขั้นบันไดเมื่อคืนนี้ ม่านหมอกหนาก็แยกฉินอวี้โม่และฮวาหรงออกจากกัน ฮวาหรงไม่รีบร้อนกลับออกไปทว่าเลือกที่จะเดินหน้าขึ้นสู่ยอดเขาของภูเขาจันทราเช่นเดียวกับฉินอวี้โม่โดยที่ต้องการขึ้นไปสำรวจสถานการณ์ดู

ไม่นานหลังจากนั้น นางก็ได้พบกับเงามืดทะมึนที่แข็งแกร่งอย่างมากและฮวาหรงก็รับมือกับอีกฝ่ายอย่างลำบาก

ยิ่งไปกว่านั้น พลังของเงามืดก็ทำให้ฮวาหรงรู้สึกอึดอัดอย่างที่สุด อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วมันก็ทำอะไรนางไม่ได้เช่นกันและถูกนางไล่ต้อนกลับไปหลายครั้งหลายครา

“ตอนนั้นเมื่อข้าขึ้นไปจนเกือบถึงยอดเขา เงามืดก็โผล่ออกมาและโจมตีข้าอีกครั้ง…”

เช่นเดียวกับครั้งก่อน ๆ เงามืดไม่ได้เข้ามาก่อกวนนางนานนัก หลังจากเอาชนะฮวาหรงไม่ได้ มันก็หายไปเช่นเดิม

ทว่าเป็นในตอนนั้นเองที่ฮวาหรงกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก จู่ ๆ ก็มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างปรากฏตัวในความมืดอย่างกะทันหัน

แม้มองไม่เห็นอย่างชัดเจนว่ามันคือตัวอะไร นางก็มั่นใจว่ามันมิใช่เงามืดที่เผชิญก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน ความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตลึกลับนั้นเหนือกว่าเงามืดหลายเท่าตัวนัก หลังจากปรากฏตัวเพียงไม่นาน มันก็ทำให้ฮวาหรงเพลี่ยงพล้ำและตกอยู่ในสภาพที่ไร้ทางสู้

ฮวาหรงต้องการล่าถอยออกไปเพื่อเอาตัวรอด ทว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับโจมตีนางอย่างไม่หยุดหย่อน การตกอยู่ภายใต้การจู่โจมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ฮวาหรงเผชิญกับอาการบาดเจ็บอย่างหนัก เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังมายาในร่างของตนลดน้อยลงเต็มที นางจึงไม่กล้าอยู่ที่นั่นอีกต่อไปและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อล่าถอยลงมาจากยอดเขา สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อมาถึงพื้นยกสูงที่อยู่ตรงกลางภูเขา จู่ ๆ สิ่งมีชีวิตลึกลับก็หยุดไล่ล่านางและปล่อยให้นางหลบหนีออกมา

ในเวลานั้น ฮวาหรงก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายของตนเองเช่นกันและใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อเดินทางกลับมาถึงโรงเตี๊ยมก่อนหมดสติไปโดยสมบูรณ์

“ท่านผู้คุมกฎฝั่งขวาหมายความว่านอกจากเงามืดแล้วก็ยังมีสิ่งมีชีวิตลึกลับอยู่บนภูเขาจันทราอีกอย่างนั้นหรือ ?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้วมุ่น นางไม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ฮวาหรงกล่าวถึง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ชั่วร้ายและแปลกประหลาดบางอย่าง บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ฮวาหรงได้เผชิญ

“ข้าเองก็ไม่มั่นใจนักว่ามันเป็นมนุษย์หรืออสูร ทว่าสิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือมันทรงพลังมากและพลังของมันก็แปลกประหลาดมากเช่นกัน ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก”

ฮวาหรงพยักศีรษะและไม่คิดปิดบังเรื่องนี้จากฉินอวี้โม่

ฮวาหรงตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ที่ภูเขาจันทราไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง เพราะเหตุนั้น ตอนนี้นางจึงเลือกที่จะพักความบาดหมางที่เคยมีต่อฉินอวี้โม่เป็นการชั่วคราวและร่วมมือกันเพื่อสะสางกับวิกฤตบนภูเขาจันทรา

หากไม่พบสิ่งมีชีวิตลึกลับและกำจัดมันเสีย นางจะไม่มีทางได้ทราบสาเหตุการตายของเหลียนซวงและเหลียนอู้ รวมถึงไม่สามารถกลับไปจากที่นี่ได้อย่างไร้กังวล ในอนาคตข้างหน้า จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่เดินทางมาที่ภูเขาจันทราแห่งนี้อาจจะต้องเผชิญสถานการณ์เช่นเดียวกันอีกมากและนั่นจะทำให้ดินแดนมหาเทพตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลได้

“อาจเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตลึกลับนั่นติดพันอยู่กับผู้คุมกฎฝั่งขวา มันจึงไม่มีโอกาสโจมตีข้าและข้าจึงกลับลงมาจากยอดเขาได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ดูจากอาการบาดเจ็บของท่านและสิ่งที่ท่านบรรยายถึงมัน การตายของศิษย์พี่ทั้งสองก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตลึกลับนั่นเช่นกัน”

ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งและกล่าวอย่างไม่มั่นใจนัก

สิ่งมีชีวิตลึกลับนั่นทรงพลังอย่างมากและทิ้งบาดแผลไว้บนร่างกายของฮวาหรงไม่น้อยเลย

อย่างไรก็ตาม ร่างของเหลียนซวงและเหลียนอู้กลับไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อยและดูปกติดีทุกอย่าง บางทีการตายของพวกนางอาจไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ฮวาหรงกล่าวถึง เพียงแต่นางและฮวาหรงอาจจะรุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของมันและเป็นการกระตุ้นให้สิ่งมีชีวิตลึกลับนั่นปรากฏตัวออกมา

“มันก็เป็นไปได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากข้าเดาไม่ผิด การตายของเหลียนซวงและเหลียนอู้จะต้องเกี่ยวข้องกับเงามืดนั่นแน่ ข้าสัมผัสได้ถึงพลังมายาของเงามืดนั่นจากศพของทั้งสองและข้ามั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกผิดไป”

ฮวาหรงไม่ปฏิเสธวาจาของฉินอวี้โม่และกล่าวความคิดของตน

นางไม่มั่นใจเช่นกันว่าการตายของเหลียนซวงและสิ่งมีชีวิตลึกลับเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นางมั่นใจว่าจะต้องเชื่อมโยงกับเงามืดนั่นอย่างแน่นอน

“บางทีเงามืดและสิ่งมีชีวิตลึกลับนั่นอาจจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่าง ทว่าเรายังต้องสืบหาข้อมูลเพื่อยืนยันอีกครั้ง”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและมีข้อสันนิษฐานของตนเองเช่นกัน

แม้ฉินอวี้โม่จะยังไม่มีโอกาสประจันหน้ากับสิ่งมีชีวิตลึกลับนั่น ทว่าพลังงานสีดำในร่างของฮวาหรงก็คล้ายคลึงกับพลังของเงามืดที่ตนเผชิญก่อนหน้านี้พอสมควร บางทีสิ่งมีชีวิตลึกลับและเงามืดอาจมีความเกี่ยวข้องบางอย่างต่อกัน เป็นไปได้ว่าเงามืดทำหน้าที่คุ้มกันอาณาเขตของสิ่งมีชีวิตลึกลับและทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นที่ภูเขา

เงามืดพยายามโจมตีฉินอวี้โม่หลายครั้งหลายครา ทว่าทำอันตรายต่อนางไม่ได้แม้แต่น้อย สิ่งมีชีวิตลึกลับนั่นก็อาจหวาดหวั่นต่อเพลิงแห่งชีวิตของซิว มันจึงเลือกโจมตีฮวาหรงแทนที่จะโจมตีฉินอวี้โม่

“เราจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ ?”

ศิษย์คนอื่น ๆ ที่เดินทางมาด้วยล้วนสั่นเทากับสิ่งที่ได้ยิน สายตาของทุกคนมองไปที่ฮวาหรงเป็นตาเดียวและต้องการทราบแผนการขั้นต่อไปของนาง

“ข้ายังต้องใช้เวลาสองถึงสามวันเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ดังนั้นเราจะพักอยู่ที่เมืองแห่งนี้กันไปก่อน เมื่อใดที่ข้าหายดี ข้าจะมุ่งหน้าไปที่ภูเขาจันทราอีกครั้ง”

เดิมทีฉินอวี้โม่คิดว่าฮวาหรงจะสั่งให้ตนไปสืบหาข้อมูลด้วยตนเอง คิดไม่ถึงเลยว่านางจะตัดสินใจเช่นนี้

บางทีอาจเป็นเพราะความช่วยเหลือของฉินอวี้โม่เมื่อครู่นี้ ฮวาหรงจึงไม่ถ่ายทอดคำสั่งที่นางสันนิษฐานเอาไว้ มิฉะนั้น ฮวาหรงคงจะสั่งให้ฉินอวี้โม่ขึ้นไปสืบหาข่าวที่ภูเขาจันทราเพียงลำพังและหวังให้นางตายอยู่ที่นั่น

“ฉินอวี้โม่ แม้เพลิงแห่งชีวิตของเจ้าจะทำให้เงามืดนั่นหวาดหวั่นได้ แต่มันก็อาจทำอะไรสิ่งมีชีวิตลึกลับนั่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นช่วงนี้อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ หากเจ้าเบื่อหน่ายหรือไม่มีอะไรทำก็ลองไปเที่ยวชมรอบ ๆ เมืองดู เจ้าอาจจะได้รับเบาะแสที่เป็นประโยชน์มาก็เป็นได้ ข้าจะส่งสาส์นไปแจ้งท่านจ้าวนิกายเพื่อดูว่านางจะเชิญคนจากนิกายอื่นมาช่วยเราได้หรือไม่”

ฮวาหรงกำชับฉินอวี้โม่และไม่กล่าวสิ่งใดต่อ

ฉินอวี้โม่ไม่ได้ตอบรับและไม่ได้กล่าวปฏิเสธเช่นกัน นางเพียงพยักศีรษะเบา ๆ ก่อนเดินออกไปจากห้องไปพร้อมกับศิษย์คนอื่น ๆ

“ศิษย์น้องอวี้โม่ บนภูเขาจันทราน่ากลัวมากถึงเพียงนั้นเลยหรือ ?”

สิงโยวอดเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้และสีหน้าของนางก็แสดงถึงความหวาดระแวงอย่างชัดเจน

“เงามืดนั่นแข็งแกร่งมากจริง ๆ และข้ามิใช่คู่มือของมันเลย หากมิใช่เพราะเพลิงแห่งชีวิตที่คอยคุ้มกันอยู่ เกรงว่าข้าก็คงบาดเจ็บหนักไม่ต่างจากผู้คุมกฎฝั่งขวา”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่ได้กล่าววาจาเกินจริงแต่อย่างใด ด้วยความแข็งแกร่งของสิงโยวและศิษย์พี่คนอื่น ๆ หากขึ้นไปบนภูเขาจันทรา นั่นคือการนำชีวิตไปถวายอย่างแน่นอน

“ฝากศิษย์พี่ทุกคนดูแลท่านผู้คุมกฎอยู่ที่โรงเตี๊ยมด้วย ข้าจะออกไปเดินชมรอบ ๆ เมือง บางทีอาจจะได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์มา”

ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าตรู่ ฉินอวี้โม่จึงวางแผนจะไปที่ภัตตาคารและสมาคมทหารรับจ้างในเมือง คาดว่าอาจจะได้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์จากสถานที่เหล่านั้น

“เข้าใจแล้ว”

สิงโยวและคนอื่น ๆ ตอบรับอย่างไม่ลังเล พวกนางก็เป็นบุคคลที่ชาญฉลาดเช่นกัน เพราะเหตุนั้นจึงไม่ต้องการเพิ่มความวุ่นวายให้กับสถานการณ์นี้และไม่คิดก่อกวนฉินอวี้โม่

หลังออกจากโรงเตี๊ยม ฉินอวี้โม่ก็มุ่งหน้าไปยังสมาคมทหารรับจ้างของเมืองทันที

ในสถานที่ส่วนใหญ่ สมาคมทหารรับจ้างถือว่าสถานที่ที่จะสืบข่าวได้เร็วที่สุด จอมยุทธ์ส่วนใหญ่มักไปรวมตัวกันที่นั่นและอาจมีใครสักคนที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ประหลาดบนภูเขาจันทรา

ในเวลานี้สมาคมทหารรับจ้างก็มีบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างยิ่งและมีจอมยุทธ์มากมายเข้ามาที่นี่เพื่อรับภารกิจ ในขณะที่คนบางกลุ่มก็นั่งสนทนาพาทีกันอย่างออกรส

ฉินอวี้โม่เดินเข้าไปโดยไม่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากนักและนั่งลงในมุมหนึ่งที่ไม่มีใครจับจอง

“พวกเจ้าได้ยินเรื่องคนสามคนที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยบนภูเขาจันทราเมื่อคืนนี้หรือไม่ ?”

คนกลุ่มหนึ่งนั่งคุยกันไม่ไกลจากฉินอวี้โม่ และหนึ่งในนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกลับราวกับทราบข้อมูลบางอย่าง