เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1529

เช้าวันต่อมา ฝนตกปรอยๆ

ลู่ฝานยังคงทำความสะอาดที่ศูนย์กลางตระกูลหั่วเหมือนเดิม

ชุดคลุมสีทองมีแสงสว่างบางๆ กันฝนที่ตกปรอยๆ ออกห่างไปสามนิ้ว

“ลู่ฝาน หานักบู๊สองคนนั้นไม่เจอ เหมือนพวกเขาเหาะไปกับผู้ฝึกชี่สองสามคน ฉันเหาะไม่ได้เลยตามไม่ทัน!”

หลิงเหยาเอามือกำชายเสื้อ ก้มหน้าพูดเสียงเบา

เรื่องง่ายขนาดนี้เธอยังทำไม่ได้ หลิงเหยารู้สึกอายมาก

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร สองคนนั้นน่าจะจำเราไม่ได้ ตอนนี้เราควรกังวลพวกหั่วเทียนหรุ่ย หลิงเหยา ตั้งแต่วันนี้ไปเราต้องสอดแนมในตระกูลหั่ว แบบนี้จะได้ทำอะไรสะดวกขึ้น”

หลิงเหยาพยักหน้าเข้าใจ

ลู่ฝานทำความสะอาดต่อ ผู้ฝึกชี่ตระกูลหั่วที่เดินผ่านต่างคำนับให้ลู่ฝานอย่างเป็นมิตร

การแสดงออกของลู่ฝานเมื่อวานนี้ ทำให้ผู้ฝึกชี่ทั้งตระกูลหั่วยอมรับเขา

ลู่ฝานไม่เพียงแค่ปกป้องศักดิ์ศรีตระกูลหั่วในช่วงเวลาสำคัญ อีกทั้งยังทำให้พวกจินเซ่าเหยียนอับอายมากด้วย

โดยเฉพาะเรื่องที่ลู่ฝานทำให้จินเซ่าเหยียนล้มด้วยกระบวนท่าเดียว ยังถูกบอกเล่าปากต่อปากไปอย่างรวดเร็ว

แม้แต่ในศูนย์กลางตระกูลหั่ว ผู้อาวุโสที่ไม่สนใจเรื่องทางโลกยังได้ยินเข้าหูบ้าง สีหน้าที่พวกเขามองลู่ฝานต่างมีรอยยิ้มเล็กน้อย ถ้าพูดว่าเมื่อก่อนลู่ฝานเป็นแค่เด็กใหม่ เป็นเด็กต่างแซ่ที่ไม่เลวในสายตาพวกเขา

งั้นตอนนี้สายตาที่พวกเขามองลู่ฝาน ไม่ต่างจากมองลูกหลานในตระกูลสักเท่าไร

“ลู่ฝาน!”

เสียงตะโกนดังขึ้นไม่ไกล

เมื่อหันไปมอง ลู่ฝานเห็นผู้อาวุโสห้า หั่วหลงจู้และไป๋หยิน

พวกเขายืนอยู่บนหินแร่ขนาดใหญ่ ก้มลงมามองลู่ฝาน

ลู่ฝานถือไม้กวาด พาหลิงเหยาเดินเข้าไปหาพวกเขา

“ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโส คุณชายหั่วหลงจู้ เรียกฉันทำไมเหรอ”

ลู่ฝานยืนด้านล่างหิน

ผู้อาวุโสห้าหันมามองหั่วหลงจู้แล้วพูดว่า “พูดสิ!”

หั่วหลงจู้อ้าปากเล็กน้อย หลังจากมุมปากกระตุกอยู่สองสามที เขาคำนับลู่ฝานแล้วพูดว่า “สหายลู่ฝาน สองวันก่อนหน้านี้ฉันล่วงเกินนายมาก โปรดอภัยให้ฉันด้วย!”

ลู่ฝานหัวเราะ หัวเราะพลางโบกมือไปมา “ฉันรับคำขอโทษของคุณชายหั่วหลงจู้เอาไว้ไม่ได้หรอก ฉันแค่คนทำความสะอาดเท่านั้น”

ผู้อาวุโสห้าหัวเราะแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายไม่ใช่แค่คนทำความสะอาด แค่การที่นายเผายาเซียนเมื่อวานนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถทำได้แล้ว”

ลู่ฝานยิ้มแต่ไม่พูดอะไร หั่วหลงจู้อยู่ต่อไม่ได้อีกแล้ว เขาคำนับผู้อาวุโสห้าแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโส ฉันขอตัวก่อน”

ผู้อาวุโสห้ามองหั่วหลงจู้ ไม่สามารถปิดบังความผิดหวังนัยน์ตาเอาไว้ได้ เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ไปเถอะ ตั้งใจฝึกฝน!”

หั่วหลงจู้ปรายตามองลู่ฝาน นัยน์ตายังเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเหมือนเดิม

หั่วหลงจู้เหาะออกไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋หยินมองด้านหลังหั่วหลงจู้แล้วพูดว่า “นิสัยวัยรุ่น เขายังเป็นเด็กที่ยังไม่โตเหมือนเดิม”

ผู้อาวุโสห้าพูดกับลู่ฝานว่า “ลู่ฝาน นายอย่าเกลียดเขาเพราะเรื่องนี้เลยนะ ผู้แข็งแกร่งไม่ใช่แค่วิทยายุทธเหนือกว่าคนธรรมดา ใจยังต้องกว้างมากด้วย”

ลู่ฝานพูดว่า “ฉันไม่เกลียดเขาหรอก แค่คุณชายหั่วหลงจู้ไม่เกลียดฉันก็พอแล้ว”

ไป๋หยินยิ้มแหยแล้วพูดว่า “เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้ใจกว้างเหมือนนาย”

ผู้อาวุโสห้าโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “พอแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องทุกข์ใจแล้ว ลู่ฝานวางไม้กวาดแล้วตามฉันมา ฉันมีอะไรจะให้นาย”

ลู่ฝานส่งไม้กวาดให้หลิงเหยาแล้วพูดว่า “พอถืออันนี้ไว้แล้ววางไม่ค่อยลงจริงๆ”

ไป๋หยินพูดว่า “เพราะนายเกือบทำความเข้าใจได้แล้ว สิ่งที่นายวางไม่ลงคือวิถี ไม่ใช่ไม้กวาดอันนี้”

ผู้อาวุโสห้าพยักหน้า “กวาดฝุ่นผงออกไป กลับสู่จิตใจเดิม นี่คือวิถี ลู่ฝานฉันจะให้โอกาสนายหนึ่งครั้ง!”

เมื่อได้ยินคำว่าโอกาส นัยน์ตาลู่ฝานมีประกายประหลาดสว่างไสว

ผู้อาวุโสห้าเดินขึ้นไปบนเขา ลู่ฝานรีบเดินตามไปทันที

หลิงเหยาถือไม้กวาดจะเดินตามลู่ฝานไปด้วย

แต่เธอเพิ่งก้าวออกมาเพียงก้าวเดียวก็โดนไป๋หยินรั้งไว้ทันที

“ให้พวกเขาไปเถอะ ลู่ฝานของเธอไม่เป็นไรหรอก”

ไป๋หยินพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

หลิงเหยาชะงักฝีเท้าแล้วพูดว่า “งั้นผู้อาวุโสคุยกับฉันหน่อยได้ไหม”

ไป๋หยินหัวเราะแล้วพูดว่า “ถามมาได้เลย เพราะนักบู๊ตัวเล็กๆ อย่างเธอคงถามอะไรล้ำลึกไม่ได้หรอก”

หลิงเหยายิ้มแล้วพูดว่า “ฉันแค่อยากถามเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเท่านั้น ผู้อาวุโสไป๋หยินน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลหั่วไม่น้อย ฉันเป็นคนที่ชอบฟังเรื่องเล่าเป็นที่สุด”

……

ข้างบนเขา ผู้อาวุโสห้าเดินช้ามาก แต่ลู่ฝานกลับไม่สามารถแซงเขาได้

เหมือนแต่ละก้าวของผู้อาวุโสห้าแฝงความคิดอะไรบางอย่างเอาไว้ เดินพลางพูดว่า “ลู่ฝาน บอกฉันได้ไหมว่าใครคืออาจารย์ของนาย”

ลู่ฝานตอบว่า “ขอโทษด้วย อาจารย์สั่งว่าห้ามบอกคนนอก”

ผู้อาวุโสห้าพูดว่า “พูดแบบนี้ หมายความว่านายมีอาจารย์จริงๆ ช่างเถอะ งั้นฉันถามคำถามอื่นแล้วกัน นายเคยคิดไหมว่าจะเป็นลูกหลานตระกูลหั่วของฉันอย่างแท้จริง”