อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1151 ที่อยู่
เวินเส้าหยีไม่หวั่นไหว ลิ้มรสชาดีของเขาอย่างผ่อนคลาย
จอมมารเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นไม่หยุด จากภายนอกดูไม่ออกว่าเขาบาดเจ็บตรงไหน แต่เขาทรมานจนใบหน้าบิดเบี้ยวแล้ว ท่าทางขมวดคิ้วมุ่น เจ็บปวดนั้น ทิ่มแทงหัวใจของกู้ชูหน่วนอย่างรุนแรง
“หยุดนะ ข้าบอกให้พวกเจ้าหยุด พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือ”
ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแปดหรือจะฟังนาง คิดแต่จะหลอมจอมมารให้เร็วที่สุด จะได้นำเลือดของร่างกายหยินบริสุทธิ์มาช่วยให้หัวหน้าเผ่าตนถึงระดับเจ็ดเร็วๆ
หัวหน้าเผ่าเสียเวลาหลายปีก็ยังขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ใช่นางผู้นี้ตามแย่งดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีอย่างไม่มีเหตุผล หัวหน้าเผ่าก็ขึ้นระดับเจ็ดนานแล้ว
ครั้นคิดอย่างนี้ พวกเขาก็เพิ่มความเร็วมากขึ้น
“อุ๊ก…”
จอมมารกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
เสียงของเขา จากหัวใจฉีกปอดแหลกลาญค่อยๆ กลายเป็นทุ้มหนัก ลมหายใจเขาลดน้อยลงเรื่อยๆ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาต้องตายแน่
กู้ชูหน่วนเจ็บแปลบในหัวใจเป็นระลอก
และไม่รู้ว่านางเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ถึงกลับฝืนทำลายพันธนาการ แล้วโผเข้าไปปกป้องจอมมาร
พลังของแปดผู้อาวุโสใหญ่ตกอยู่บนตัวนาง ทรมานจนนางหวิดจะอยากลาโลกไปเสีย
ครั้นถูกแปดผู้อาวุโสใหญ่ครอบ กู้ชูหน่วนก็รู้สึกเพียงเลือดของตัวเองราวกับกำลังถูกน้ำมันร้อนแผดเผาปุดๆ เอ็นกระดูกก็ถูกหดป่นทีละนิด ทรมานจนเรียกได้ว่าอยู่ไม่สู้ตาย
“นังหนู ทีแรกพวกเราอยากหลอมเขาก่อน แล้วค่อยเอาวิญญาณที่หน้าผากเจ้า แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็หลอมเจ้าไปด้วยเลยแล้วกัน”
แปดผู้อาวุโสใหญ่ประหลาดใจเล็กน้อย
นังคนนี้อยู่แค่ระดับสี่ แต่กลับสามารถแหกออกจากพันธนาการของพวกเขาได้
“พี่สาว…ท่านรีบไป”
เม็ดเหงื่อเท่าเม็ดถั่วของจอมมารไหลหยดลงติ๋งๆ เขาผลักกู้ชูหน่วนออกด้วยความปวดใจ ไม่อยากให้กู้ชูหน่วนรับกับความทรมานแทนเขา
กู้ชูหน่วนทรมานจนสูดปากไม่หยุด
นางตระหนักดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางกับอาโม่ต้องตายแน่
กู้ชูหน่วนอดกลั้นความทรมานเอ่ย “พวกเจ้าอยากรู้ที่อยู่วิญญาณอีกสี่ดวงไม่ใช่หรือ หยุดก่อน ข้าจะบอกพวกเจ้า”
ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแปดมองเวินเส้าหยี
ครั้นเวินเส้าหยีโบกมือ พวกเขาจึงหยุด
หลังจากพวกเขาหยุดแล้ว กู้ชูหน่วนกับจอมมารจึงคลายความทรมานลงนิดหน่อย
“นังหนู รีบบอกมาเร็ว พวกเราไม่มีความอดทนมากนักนะ”
“ดวงหนึ่งอยู่ที่ตระกูลไป๋หลี่ ดวงหนึ่งอยู่ในมือของราชินีที่เหลืออีกสองดวง ข้ากำลังหาอยู่”
“ทำไมพวกเราต้องคิดว่าที่เจ้าพูดมาคือความจริง”
“ข้าอยู่ในกำมือพวกเจ้าแล้ว ยังจะโกหกได้หรือ”
“นังหนู พวกเราไม่เหมือนคนอื่นที่มีจิตเมตตาใจอ่อนหรอกนะ ขอเพียงไม่พอใจกับคำตอบของเจ้า พวกเราก็จะหลอมซือโม่เฟยก่อน”
“วิญญาณของนางอยู่กับข้าสามดวง ข้ารับรู้ตำแหน่งของดวงอื่นๆ ได้ ถ้าพวกเจ้าฆ่าข้า ต่อให้พวกเจ้าได้วิญญาณทั้งสามดวงในตัวข้า ก็ไม่มีทางหาอีกสี่ดวงพบ และถ้าอาโม่เกิดเรื่อง ข้าก็จะไม่ขออยู่ต่อคนเดียว”
“ไม่ขออยู่ต่อคนเดียว? เฮอะ…ตระกูลมู่ถูกฆ่าล้างตระกูล เจ้าไม่แก้แค้นจะสมัครใจไปปรโลกหรือ”
แม้ตาแก่คนนี้จะอายุปูนนี้แล้ว แต่กลับมีวิสัยทัศน์มองขาด
รู้ว่านางยังตายตอนนี้ไม่ได้ และจะไม่ยอมตาย
“ไม่สมัครใจแล้วอย่างไร ข้าปกป้องตระกูลมู่ไม่ได้ ก็ควรปกป้องอาโม่กระมัง ถ้าพวกเจ้าคิดว่าวิญญาณสามดวงนั้นสำคัญกว่าข้าที่ไม่มีความสำคัญ เช่นนั้นก็เชิญตามสบายเถอะ”
ราวกับแปดผู้อาวุโสใหญ่กำลังตรึกตรอง
เวินเส้าหยีก็กำลังตรองถ้อยคำของนางเหมือนกัน
ตระกูลไป๋หลี่เชี่ยวชาญการฝึกสัตว์ การฝึกสัตว์คือการควบคุมพวกมันผ่านจิต
แต่วิญญาณแม้จะโปร่งแสง มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ แต่ก็ยากจะรับรองไม่ได้ว่านักฝึกสัตว์ชั้นสูงจะใช้จิตค้นพบวิญญาณ แล้วเก็บมันเอาไว้
ส่วนราชินีก็ยิ่งลึกลับ
นางมีความสามารถนั้น
จะมีวิญญาณก็ไม่แปลก