แต่หานลี่ที่กลายร่างเป็นเทพมารกลับไม่สนใจสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย

หลังจากแสงคริสตัลบนหน้าผากไหลเวียนออกมา แขนยักษ์ก็กวัดไกว่กระบี่หมึกสีเขียวไปมาอีกครั้ง

หลังจากที่ปราณฟ้าดินสั่นสะเทือนแล้ว เส้นบางๆ หมึกสีเขียวก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง

หม่าเหลียงมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เขาสะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้างทันทีโดยไม่ต้องคิด สมบัติห้าแสงสิบสีก็ลอยออกจากแขนเสื้อมาอย่างบ้าคลั่ง เพราะมันมีจำนวนมากกว่าร้อยชิ้น

ก่อนที่เส้นบางๆ หมึกสีเขียวจะมาอยู่ข้างหน้า สมบัติเหล่านี้ก็พุ่งตรงไปข้างหน้า และกลายเป็นลูกบอลแสงที่ระเบิดกระจายจนแสบตา

เห็นได้ชัดว่าสมบัติเหล่านี้เป็นของที่ไม่ธรรมดา การปรากฏตัวของกลุ่มแสงแต่ละลูก ก็ทำให้เส้นบางๆ สีเขียวหมึกหยุดชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นก็แตกสลายหายไปในอากาศ

หลังจากที่ของวิเศษทั้งหมดเกือบร้อยชิ้นระเบิดตัวเองแล้วนั้น เส้นบางๆ สีเขียวหมึกก็กำลังจะพุ่งไปถึงตัวของหม่าเหลียง โดยมีระยะห่างแค่สิบกว่าจั้งเท่านั้น

หม่าเหลียงคำรามเสียงต่ำ มือข้างหนึ่งของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองแดง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย

“ตู้ม” เสียงระเบิดดังขึ้น

พริบตาเดียวมือข้างนั้นของเขาก็กลายเป็นหมอกโลหิตที่ระเบิดออกมา แต่เส้นบางหมึกสีเขียวก็ทำลายจนหายไปในอากาศแล้ว

“สองครั้งแล้วนะ! เหมือนว่าเจ้าต้องใช้พลังทั้งหมดมากระตุ้นสมบัติสวรรค์ทมิฬ แต่เจ้าเป็นเพียงมหาเมธีจะมีพลังขนาดไหนกัน เจ้าไม่มีทางใช้พลังนี้เป็นครั้งที่สามแน่นอน อีกทั้งเจ้ายังต้องกระตุ้นค่ายกลกระบี่นั่นอยู่ด้วย เกรงว่าในร่างกายของเจ้าในตัวเองจะไม่มีปราณเหลือเท่าไหร่แล้วสินะ” แม้ว่าหม่าเหลียงจะสูญเสียแขนข้างหนึ่งไปแล้ว ท่าทางดูจนตรอกนิดหน่อย แต่สายตาที่มองไปยังหานลี่กลับมีความดุร้ายอย่างมาก เขาพลิกฝ่ามืออีกข้างหนึ่งขึ้น ทันใดนั้นที่กลางฝ่ามือของเขาก็มีขลุ่ยสีเงินเลาหนึ่งปรากฏขึ้นมา

“ข้าจะสามารถกระตุ้นการโจมตีครั้งที่สามได้หรือไม่ ท่านมาลองดูกันหน่อยดีหรือไม่? อีกทั้ง สถานการณ์ของท่านในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีกว่าข้าเสียเท่าไหร่เลย ท่านยังจะสามารถใช้พลังได้อีกกี่ครั้งกันเชียว” หานลี่ที่กลายเป็นเทพมารสามหัวก็ตอบกลับมาพร้อมหัวเราะเสียงเย็น แต่เขาก็ไม่ได้กระตุ้นปราณกระบี่หมึกสีเขียวเป็นครั้งที่สาม แต่ฝ่ามือที่เหลือทั้งห้า กลับแบบมือขึ้นกลางความว่างเปล่ามือแต่ละข้างนั้นมีกลุ่มแสงสีทองปรากฏขึ้นมา หลังจากมันควบรวมปราณกันได้แล้ว จากนั้นก็กลายเป็นไม้เท้า ค้อน กระบอง และอื่นๆ

“ฮ่าๆ ต่อให้ข้าสามารถใช้พลังโจมตีเจ้าได้อีกแค่ครั้งเดียว ก็พอที่จะฆ่าเจ้าได้” เมื่อหม่าเหลียงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธมาก แต่เขาก็ตอบกลับมาพร้อมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขลุ่ยในมือของเขาถูกยกขึ้นมาจรดริมฝีปาก

วินาทีถัดมา ด้วยเสียงขลุ่ยที่ไพเราะและคลื่นเสียงสีเงินที่ตามออกมา

เมื่อคลื่นเสียงเงินจางๆ ค่อยๆ พัดออกไป กลางอากาศก็มีเสียงครวญครางดังขึ้น พร้อมกับบรรยากาศทุกอย่างที่พร่ามัว

อีกทั้งหานลี่ที่กลายเป็นเทพมารได้ยินเสียงขลุ่ยนั้น หัวทั้งสามของเขาก็ตกอยู่ในภวังค์ ราวกับมึนเมาทันที ในขณะเดียวกันหลังจากบรรยากาศรอบข้างพร่ามัวไปแล้ว ทันใดนั้นตัวของเขาก็มาอยู่ที่กลางทะเลโลหิต

จากนั้นก็มีเลือดจำนวนมากไหลทะลักออกมา มีพวกผีที่หน้าตาดุร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมา ปราณของพวกมันแต่ละตัวล้วนน่าหวาดกลัวอย่างมาก เหมือนกับว่าพวกมันทั้งหมดต่างอยู่ในระดับมหาเมธีกันทั้งสิ้น

“เหอะ แค่ภาพลวงตา อยากจะมอมเมาหูและตาของข้าหรือ”

เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น ในใจก็ไม่มีสับสนเลยสักนิด ในทางกลับกันเทพมารพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์กลับแค่นหัวเราะเสียงเย็นออกมา ทันใดนั้นเองปราณทั้งห้าของเขาก็กวาดไปทุกทิศทุกทางอย่างดุเดือด

ปราณที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่กระจายออกมาทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่ามันจะผ่านไปตรงที่ใด ทะเลโลหิตและพวกผีพวกนั้นล้วนโดนทำลายจนสิ้น

ต่อให้เป็นภาพลวงตาชั้นสูงแค่ไหน เมื่อมาอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่มีทางได้โจมตีใดๆ ทั้งนั้น

เมื่อหม่าเหลียงเห็นได้ดังนั้น ก็ยิ้มเยาะขึ้น ปากก็คงยังเป่าขลุ่ยต่อไปดังเดิม แต่ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็พร่าเบลอ ด้านหลังของเขามีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา หลังจากที่มันเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันก็หายเข้าไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย

ในขณะเดียว หานลี่ที่กำลังทำลายภาพมายาที่อยู่รอบๆ หลังจากที่มีคลื่นเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ทะเลโลหิตและภูตผีพวกนั้นก็พุ่งขึ้นมาโจมตี และล้อมรอบตัวเขาอีกครั้ง

หานลี่ชะงักไปเล็กน้อย แต่สีหน้าก็ยังมีความตกตะลึงอยู่ เขาต่อสู้อีกครั้งโดยไม่ลังเล หลังจากอาวุธทั้งห้าเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่ตอนนั้นคลื่นเสียงสีทองกลับกระจายอยู่โดยรอบอย่างไม่หยุดยั้ง ภูตผีที่โดนโจมตีก็หายไปอีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน จิตวิญญาณก่อกำเนิดของเขาที่อยู่ด้านในตันเถียน ก็ยกมือสองข้างขึ้นมาร่ายคาถา ตอนนั้นเองก็มีพลังเย็นๆ ราวกับคริสตัลไหลออกมา และไหลไปยังเส้นเลือดทุกเส้น พร้อมไหลเข้าไปในหัวทั้งสามหัว

ความรู้สึกมึนเมาในจิตใต้สำนักของพวกเขาก็หายไปทันที

ตอนนั้นเองถึงแม้ว่าจะมีเสียงขลุ่ยดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย แต่ว่าก็ไม่มีภาพมายาใดๆ ปรากฏขึ้นมาเลย

เมื่อหม่าเหลียงเห็นดังนั้น เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก

ขลุ่ยสีเงินในมือของเขาดูเหมือนเป็นของที่ธรรมดาอย่างมาก ความจริงแล้วนี่เป็นของวิเศษไม่กี่ชิ้นที่เขาให้ความสำคัญ หากใช้ขลุ่ยเลานี้เพื่อโจมตีศัตรูล่ะก็ ต่อให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้องตกอยู่ในภาพลวงตาที่ไม่มีสิ้นสุดนี้

แต่ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อมันเลย นี่ต้องบอกว่าจิตสำนึกของเขา อยู่เหนือตัวเขาอีกหรือ

เพราะว่าเป็นแรงต้านของดินแดน หากได้อยู่ในแดนเซียนเขาจะไม่มีทางเทียบได้เลย แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนทั่วไปเลย อีกทั้งไพ่ไม้ตายที่เขาได้เตรียมมา ก็ไม่สามารถใช้ได้แล้ว

หม่าเหลียงมีสีหน้ามืดครึ้มขึ้นทันที เขายังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะใช้วิธีอะไรต่อไป เทพมารพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกร ก็ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาพร่าเลือนและหายไปจากจุดเดิมอย่างไร้ร่องรอย

หม่าเหลียงเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มามาก หลังจากในใจร่ำร้องตะโกนว่าแย่แล้ว เขาก็กลับขลุ่ยทันที ร่างกายเคลื่อนไหว และออกห่างจากจุดเดิมไปประมาณร้อยจั้ง

“ตู้ม”มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ลำแสงสีทองห้าสายโจมตีเข้าที่จุดที่หม่าเหลียงเคยยืนอยู่ เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แรงระเบิดทำให้พื้นที่ว่างเปล่าเกิดการบิดเบี้ยว

ตอนนั้นเองร่างของเทพมารพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรก็หายวาบเป็นระลอกคลื่น

หลังจากที่หม่าเหลียงกวาดสายตามองการโจมตีของลำแสงทั้งห้าสีอยู่ในระยะไกลๆ แล้ว ใบหน้าของเขาก็มีความหวาดกลัวขึ้นมา

การโจมตีด้วยพลังที่ป่าเถื่อนเช่นนี้ ต่อให้เขามีร่างเทพอยู่ ก็ทนรับการโจมตีได้ไม่กี่ครั้งหรอก ตอนนั้นเองเขาจึงล้มเลิกวางแผนต่อสู้กับหานลี่ในระยะประชิด

แต่ก็อย่างที่เขาพูดไปเมื่อก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์ของแดนเซียนอยู่ แต่ปราณแท้ของเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก ปราณเซียนในร่างกายของเขากำลังจะหมดลง ไม่มีทางที่จะใช้วิชาอื่นๆ ได้อีก

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เทพมารพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรก็คำรามเสียงต่ำ หลังจากที่เขาสาวเท้าใหญ่ก้าวเข้ามา ก็หายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอยอีกแล้ว

ในใจของหม่าเหลียงรู้สึกเย็นวาบ เขาเคลื่อนไหวร่างกายและหายไปอีกครั้ง พร้อมปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ที่ห่างออกไปอีกแห่ง

ผลก็คือระลอกคลื่นสีทองโจมตีเข้าตรงที่เขาเพิ่งยืนอยู่เมื่อครู่นี้

หลังจากหานลี่ที่กลายร่างเป็นเทพมารเคลื่อนไหวอีกครั้ง และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

คนหนึ่งตามคนหนึ่งหนี หม่าเหลียงและหานลี่เคลื่อนไหวหายตัวไปมาในระยะร้อยลี้ การเคลื่อนไหวที่ไม่มีสิ้นสุด ทุกๆ การเคลื่อนไหวจะมีเสียงเหมือนภูเขาถล่มเกิดขึ้นตามมาทุกครั้ง

หลังจากที่เขาหายตัวไปมาสิบกว่าครั้งติดต่อกัน หานลี่ที่กลายร่างเป็นเทพมารไล่ตามหม่าเหลียงอย่างไม่หยุดหย่อน

จึงทำให้เซียนผู้นี้รู้สึกโมโหอย่างมาก

หลังจากที่เขาปรากฏตรงที่ใดสักแห่ง เขาไม่ใช้วิชาส่งตัวอีกแล้ว อีกทั้งรีบหยิบกล่องหยกจากแขนเสื้อออกมาเปิดอย่างรวดเร็ว เขายกมือสัมผัสศีรษะ ใบหน้าแข็งค้าง พร้อมร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว

ที่กลางอากาศก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หมอกสีทองก็ปรากฏขึ้นพร้อมลอยไปกระทบกับกล่องหยกใบนั้น

กล่องหยกใบนั้นก็ระเบิดออกมาทันที เมฆอัคคีสีแดงชาดพวยพุ่งออกมาจากด้านใน

เมฆอัคคีกลุ่มนี้กำลังควบแน่นรวมตัวกัน จากนั้นมันก็กลายเป็นมังกรสีแดงชาดที่มีเครายาว

หลังจากแสงสีทองสว่างวาบขึ้น อาวุธทั้งห้าของเทพมารก็โจมตีไปที่มังกรตัวนั้นอย่างไม่ลังเล

แต่มังกรตัวนั้นมันกลับสะบัดส่ายหาง จากนั้นมันก็สลายกลายเป็นเพลิงสีชาด

ทันใดนั้นกลุ่มแสงสีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างของหม่าเหลียงอีกครั้ง และมังกรตัวนั้นก็ปรากฏขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“คาดไม่ถึงว่าเจ้าปลดผนึกต้องห้ามระดับที่สองของข้าด้วยตนเอง ฮ่าๆ ดี เหมือนว่าครั้งนี้เจ้าจะได้เจอเรื่องยุ่งยากจริงๆ แล้วสินะ ไม่เช่นนั้นเจ้าไม่ทำเช่นนี้หรอก” มังกรแปลกๆ กลิ้งไปมาอยู่ที่พื้น พริบตาเดียวมันก็กลายร่างเป็นเด็กตัวเล็กผิวสีแดง หลังจากที่เขามองหน้าหม่าเหลียงอยู่ครู่หนึ่ง ก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ในตอนนั้นเอง กลางอากาศก็มีระลอกคลื่นปรากฏออกมา หานลี่ที่กลายร่างเป็นเทพมารก็ยกอาวุธในมือขึ้นมา หลังจากที่เขากวาดตามองเด็กตัวสีแดงชาดคนนั้นแล้ว เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ลงมือโจมตีทันที

“ฮั่วซวีจือ เจ้าอย่าพูดไร้สาระ ตอนนี้ข้าก็เจอเรื่องยุ่งยากจริงๆ นั่นแหละ รีบไปฆ่าคนคนนั้นซะ” สีหน้าของหม่าเหลียงเยือกเย็น พร้อมออกคำสั่งทันที

“ในเมื่อข้ามีอิสระแล้ว ทำไมข้าจะต้องเชื่อฟังเจ้า” ชายตัวเล็กเอียงคอมอง แล้วหัวเราะเสียงเย็น

“หึ เหมือนว่าเจ้าจะไม่ต้องการไข่มุกจิตวิญญาณสินะ” หม่าเหลียงพูดด้วยเสียงมืดครึ้ม

“เดี๋ยวเจ้าจะต้องคืนไข่มุกจิตวิญญาณให้ข้า เอ๋ ดูสภาพเจ้าในตอนนี้สิ จนตรอกน่าดู มิน่าล่ะถึงปล่อยข้าออกมา แต่ว่าหากอยากให้ข้าเชื่อเจ้าล่ะก็ ใช้นามของปรมาจารย์จิ่วหยวนมาสาบานกับข้าสิ แล้วข้าจะช่วยเจ้าลงมือสักครั้ง” ฮั่วซวีจือแค่นหัวเราะขึ้นมาทันที เขากลอกตาแล้วพูดขึ้น

“อะไรนะ นี่เจ้ากล้าให้ข้าใช้นามของปรมาจารย์มาสาบานเลยหรือ” เมื่อหม่าเหลียงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโมโหอย่างมาก

“หึๆ นอกจากทางนี้แล้ว เจ้าเลิกคิดไปได้เลยว่าข้าจะช่วยเจ้าลงมือ” เด็กชายคนนั้นพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ

“ได้ ข้าใช้นามของปรมาจารย์สาบาน แต่นอกจากที่เจ้าจะช่วยข้าครั้งนี้แล้ว หลังจากกลับแดนเซียนไป เจ้าต้องอยู่ข้างกายข้างอีกหมื่นปี…” สีหน้าของหม่าเหลียงมืดครึ้มอย่างมาก เขากัดฟันกร๊อด แล้วพูดขึ้น

“หมื่นปี? หึๆ ไม่มีปัญหา เวลานี้เหล่านี้สำหรับข้า มันหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข้าจะช่วยเจ้าจัดการกับเด็กคนนี้ให้” หลังจากฮั่วซวีจือส่งเสียงหัวเราะดังลั่น เขาก็ตกลงทำสัญญาทันที

“เจ้าอย่าได้ประมาทไป ร่างของเจ้าก็ต้องถูกแรงต้านจากดินแดนแห่งนี้ แล้วอีกอย่างก่อนหน้านี้เจ้าเคยบาดเจ็บสาหัสมา แม้ว่าจะปลดผนึกในร่างกายแล้ว ก็ไม่สามารถใช้พลังเดิมได้อย่างเต็มที่” หลังจากหม่าเหลียงใช้นามของปรมาจารย์จิ่วหยวนมาสาบานแล้ว เขาก็รีบกล่าวเตือนทันที

“วางใจเถอะ เมื่อเห็นสภาพเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้ายังจะไม่เข้าใจสถานการณ์ได้หรือ ข้าแค่ช่วยเจ้ารั้งคนผู้นี้เอาไว้ หากจะฆ่า แน่นอนว่าเจ้าต้องเป็นคนทำมันด้วยตัวเอง” ฮั่วซวีจือหาว แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

ในตอนนั้นเอง เขาก็หันหน้ากลับไปสำรวจหานลี่ที่แปลงร่างเป็นเทพมารสามเศียรหกกรอย่างไม่ใส่ใจ