ตอนที่ 1034: หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์? มู่เอ๋อ?

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1034: หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์? มู่เอ๋อ?

ซาร์ ไคยุนโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่องด้วยหนทางแห่งดาบทรราชย์ทั้งสาม แต่ละการโจมตีเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสูงซึ่งเทียบเท่ากับการโจมตีของเซียนจักรพรรดิ แม้แต่เซียนราชาในขั้นสูงสุดก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อโดนการโจมตีทั้งสามนี้ มีเพียงทักษะการต่อสู้ระดับเซียนเหมือนกันเท่านั้นที่จะสามารถต่อต้านมันได้

มันมีความแตกต่างในพลังระหว่างทักษะการต่อสู้ระดับเซียน หนทางแห่งดาบทรราชย์มีการโจมตีทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ละการโจมตีจะทรงพลังกว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้มันเกือบถูกจัดอยู่ในระดับสูงที่สุดของทักษะการต่อสู้ระดับเซียนทั้งหมด ด้ายพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของซาร์ ไคยุน นางเข้าใจความลึกลับของทักษะการต่อสู้จนถึงขีดสุด และนางใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ความแข็งแกร่งของนางที่อยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 ซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับทักษะการต่อสู้ระดับเซียนและทำให้นางใช้ทักษะได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เจี้ยนเฉินเคร่งเครียดมาก แรงกดดันมหาศาลของทักษะการต่อสู้พุ่งเป้าไปที่ร่างของเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าเหมือนจมอยู่ในโคลน ทุก ๆ การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างยากเย็น วัตถุเซียนถูกกระแทกกระเด็นไปแล้ว แม้ว่ามันจะบินมาที่เขาอย่างรวดเร็วทางการควบคุมผ่านจิตใจ แต่มันคงจะมาไม่ทัน

“ดูเหมือนข้าจะต้องใช้โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดเท่านั้น” เจี้ยนเฉินคิด โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดพังทลายอยู่ แต่ทักษะการต่อสู้ของซาร์ ไคยุนนั้นเท่ากับการโจมตีจากเซียนจักรพรรดิ ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้ใกล้เคียงกับหมัดของไคเซอร์เลย ดังนั้นโถงศักดิ์สิทธิ์จะสามารถป้องกันมันได้อย่างง่ายดายแม้จะอยู่ในสภาพแบบนั้น

ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาทันทีตรงหน้าเจี้ยนเฉินในตอนที่กำลังจะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ออกมา รุยจินได้ปรากฎขึ้นเงียบ ๆ อย่างกะทันหันตรงหน้าเจี้ยนเฉิน ในขณะที่ดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเขาเปล่งรัศมีไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่น่ากลัว พลังงานดั้งเดิมกระเพื่อมออกมาอย่างช้า ๆ และเปล่งรัศมีไปด้วยพลังที่ลึกซึ้ง

รุยจินยืนอยู่เหมือนกำแพงเหล็กตรงหน้าเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขาเหวี่ยงดาบของเขาออกไป ปราณดาบที่ทรงพลังมากก็พุ่งไปที่ซาร์ ไคยุนด้วยพลังแห่งการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ทันที

ปราณดาบที่สองของซาร์ ไคยุนปะทะเข้ากับปราณดาบจากดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์และทำให้เกิดเสียงดังบาดหูขึ้นมาทันที ปราณดาบยักษ์ดูเหมือนจะแตกกระจายเหมือนเต้าหู้และกระจายออกไปอย่างง่ายดาย

ดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ของรุยจินมีพลังงานดั้งเดิมอยู่ ดังนั้นในตอนที่เขาส่งปราณดาบออกไป มันจะมีพลังงานดั้งเดิมอยู่นั้นด้วยเช่นกัน นี่เป็นพลังที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ บางอย่างที่เป็นระดับที่แตกต่างออกไป ความแข็งแกร่งของมันไม่สามารถเปรียบกับพลังอะไรในโลกนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

การโจมตีจากดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์พุ่งผ่านการโจมตีอื่นเหมือนมีดร้อนที่ตัดผ่านเนย จากนั้นมันก็พุ่งไปที่การโจมตีที่สามของซาร์ ไคยุนอย่างไม่ลดกำลังลงเลย

ท่าทางของซาร์ ไคยุนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อนางสัมผัสได้ถึงพลังในการโจมตีของรุยจิน นางชี้นิ้วออกไป และปราณดาบนับไม่ถ้วนจากการโจมตีที่สามของนางก็เรียงตัวเป็นเส้นตรงทันที ปราณดาบทั้งหมดพุ่งไปที่ปราณดาบพลังงานดั้งเดิมของรุยจิน

เสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง ปราณดาบของรุยจินพุ่งผ่านปราณดาบทุกเล่มไปอย่างสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งที่หยุดไม่ได้ มันทำให้ปราณดาบเล่มเล็กระเบิดขึ้นทันทีที่มันไปสัมผัสโดน ปราณดาบเล็กเปลี่ยนไปเป็นพลังงานของโลกที่พุ่งพวยและหายกระจายไปรอบ ๆ

ปราณดาบเดียวของรุยจินจากดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้ทำลายผ่านการโจมตีด้วยทักษะการต่อสู้ระดับเซียนทั้งสองของไคยุนไป ในท้ายที่สุด มันก็พุ่งผ่านหน้าอกของนางไปและหายไปในเส้นขอบฟ้า

ร่างของซาร์ ไคยุนสั่นไหวอย่างรุนแรงในขณะที่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน พลังแห่งการมีอยู่ของนางลดลงอย่างรวดเร็วและนางก็ร่วงลงจากท้องฟ้าเหมือนว่าวที่หลุดลอย

“ไคยุน ! ” เสียงดังออกมาแต่ไกล เฮาหวู่พุ่งมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้าในขณะที่เขาหลอมรวมกับมิติรอบ ๆ เขาจับเอาซาร์ ไคยุนไว้แน่น จากนั้น เขาก็กำลังจะถอยไปไกล

“ปล่อยนางไว้ที่นี่นะ ! ” เจี้ยนเฉินไม่รู้จักเฮาหวู่ เขาตะโกนออกมาทันทีที่เห็นว่ามีบางคนกำลังจะช่วยซาร์ ไคยุน จากนั้น เขาก็ใช้ทักษะมายาพริบตาและไปถึงตรงหน้าคนที่เขาไม่รู้จักในพริบตา ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำในขณะที่เขาใช้มันแทงไปที่ซาร์ไคยุนอย่างไม่ปราณี

ดาบกว้างสามนิ้วปรากฏขึ้นในมือของเฮาหวู่ทันที มันเปล่งประกายไปด้วยแสงสีเหลืองในขณะที่มันแทงออกไปเหมือนสายฟ้าฟาด

“เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 ! ” เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเฮาหวู่ทันทีที่เขาฟันออกไป มันอยู่ในรับความแข็งแกร่งเดียวกันกับซาร์ ไคยุน เขาไม่ได้อยู่ในขั้นสูงสุดและอ่อนกว่าซาร์ ไคยุนเล็กน้อย

ในตอนที่ดาบของเฮาหวู่กำลังจะปะทะกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ มิติที่อยู่ห่างพันเมตรออกไปก็เริ่มบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง มิติที่กำลังกระเพื่อมดูเหมือนพิณยักษ์ยาวพันเมตร พร้อมทั้งสายสามสิบหกสายที่มองเห็นได้ชัด

ชิ้ง ! สายเริ่มสั่นไหวช้าช้าและทำให้เกิดโน๊ตดนตรีนุ่มนวลดังออกมาจากพิณ โน้ตเพลงที่สดใสที่ดูเหมือนจะเกิดมาจากมิติรอบ ๆ ก็บินออกมา จากนั้น มันก็ปะทะเข้ากับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเจี้ยนเฉินและอาวุธเซียนของเฮาหวู่ทันทีด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

แกร้ง ! คลื่นเสียงที่ทรงพลังมากเกิดขึ้นมาในตอนที่โน้ตดนตรีปะทะเข้ากับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและอาวุธเซียน มันดูเหมือนจะสามารถสั่นไหววิญญาณของคนอื่น และทำให้แก้วหูของคนหนวกไปชั่วคราวได้ คลื่นเสียงที่น่ากลัวทำให้จิตใจของเซียนผู้คุมกฎที่กำลังดูอยู่แต่ไกลเหม่อลอยไปเหมือนว่าวิญญาณของพวกเขาหลุดออกจากร่าง

แขนของเจี้ยนเฉินและเฮาหวู่สั่น และพลังนั้นก็กระแทกดาบและกระบี่ของพวกเขาให้กระเด็นไป แรงนั้นทรงพลังจนเกือบกระแทกให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิกระเด็นออกจากมือของเจี้ยนเฉินไป ในเวลาเดียวกัน คลื่นเสียงที่น่ากลัวก็เปลี่ยนเป็นแรงดันที่มองไม่เห็นที่ทรงพลังมากจนยากที่ใครจะต่อต้าน มันแยกเจี้ยนเฉินและเฮาหวู่ออกจากกัน และหยุดพวกเขาจากการต่อสู้

แค่พิณที่ควบแน่นมาจากมิติก็สามารถลบล้างการโจมตีของเซียนราชา 2 คนได้เพียงแค่โน้ตเพียงโน้ตเดียว พลังของมันเหนือเกินกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการได้

เจี้ยนเฉินและเฮาหวู่ไม่ได้สู้กันต่อ พวกเขาหันไปเพื่อมองไปที่พิณ ในขณะที่มันกระจายหายไปอย่างช้า ๆ ความเหลือเชื่อเต็มอยู่ในดวงตาของพวกเขา

“นั่นคือหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์!” เจี้ยนเฉินพึมพำในขณะที่หัวใจของเขาปั่นป่วน เขาจำพิณที่ควบแน่นออกจากมิติได้ มันคือพิณปีศาจร่ำไห้ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ รูปร่างของมันเหมือนกันเป๊ะ มันมีสายเท่ากันและให้เสียงที่เหมือนกันออกมา ไม่มีใครในโลกที่สามารถเล่นพิณได้แบบนั้นนอกจากหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จะพุ่งขึ้นในระดับที่เหลือเชื่อในเวลาเพียงไม่กี่ปีนี้ ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินตกใจอย่างมาก

เฮาหวู่จับซาร์ ไคยุนเอาไว้อยู่ในขณะที่เขาลอยอยู่กลางอากาศ เขาจ้องตาไม่กระพริบไปที่พิณ และอารมณ์ของเขาก็สับสน ความเจ็บปวดปรากฎอยู่ในสายตาของเขา

“มู่เอ๋อ มู่เอ๋อ นั่นเจ้าหรือไม่ ? ” เฮาหวู่เรียกออกไปอย่างนุ่มนวล แต่มันก็สะท้อนออกไปในรัศมีหลายสิบกิโลเมตร เสียงของเขาสั่นไหวในขณะที่มันเต็มไปด้วยอารมณ์

“มู่เอ๋อ ? ” เจี้ยนเฉินตกใจทันทีเมื่ได้ยินคำพูดของเฮาหวู่ “เขารู้จักหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างนั้นหรือ ? มู่เอ๋อ ? นั่นคือชื่อของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างนั้นหรือ ? “

พิณในท้องฟ้าหายไปจนหมดแล้วในตอนนี้ แต่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ไม่ได้ปรากฎกายออกมา ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ตรงไหน นางกำลังซ่อนอยู่หรือนางออกไปจากที่นี่นานแล้ว ?

น้ำตาเอ่ออยู่ในตาของเฮาหวู่ เขาจ้องอย่างเจ็บปวดไปที่จุดที่พิณหายไปและพูดออกมาอย่างเศร้าโศก “มู่เอ๋อ ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ทำไมเจ้าไม่ออกมาหาพ่อของเจ้าล่ะ ? มันนานเหลือเกิน เจ้ายังไม่ยอมยกโทษให้พ่ออีกหรือ ? “

“พ่อ ! ” เจี้ยนเฉินตกใจในใจเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาหันไปหาเฮาหวู่ทันทีและจ้องเขม็งไปที่เขา ความประหลาดใจปรากฎที่ใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาสงสัยในสิ่งที่เขาเพิ่งจะได้ยินมาในตอนนี้

“ชายวัยกลางผู้นั้นเป็นบิดาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและเขายังไม่ได้สติ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็เป็นคำอธิบายที่ดีที่ว่าทำไมหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ถึงได้เข้ามายุ่งอย่างลับ ๆ

รุยจิน หงเหลียน และเฮยยู่ก็จ้องอย่างเคร่งเครียดไปที่ซึ่งพิณหายไป พวกเขายังนิ่งเงียบ

“แม่นางผู้นั้นทรงพลังมาก นางสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างไร้ร่องรอย แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถสัมผัสพลังแห่งการมีอยู่ของนางได้” สักพักต่อมา เฮยยู่ก็ถอนหายใจออกมา

“ในตอนที่พวกเราพบกับนางเมื่อหลายปีก่อนที่เกาะมังกร นางยังเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎ นางทรงพลังขนาดนี้ได้ยังไงตอนนี้ ? นางปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ก่อนหน้านี้งั้นหรือ ? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ความสามารถของนางที่ปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงได้นั้นก็ยอดเยี่ยมมาก” รุยจินพึมพำออกมา เขายังสับสนหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน

“คนผู้นั้นทรงพลังมาก แค่โน้ตเดียวก็ทำให้วิญญาณของข้าสั่นไหวได้ เจ้ารู้จักนางหรือ ? ” หงเหลียนจ้องเขม็งไปตรงที่ที่พิณหายไป นางเคร่งเครียดมาก

รุยจินพนักหน้าแล้วตอบกลับ “ข้าได้พบนางมาก่อน นางอยู่กับเจี้ยนเฉินในตอนนั้น นางใช้พิณเป็นอาวุธ แต่ข้าไม่คิดว่านางจะทรงพลังขนาดนี้”

“เฮาหวู่!” ซาร์ ไคยุนจ้องไปที่เฮาหวู่อย่างตื้นตัน ในขณะที่เขาถือนางเอาไว้ นางร้องเรียกออกไปอย่างนุ่มนวล เสื้อสีม่วงของนางย้อมไปด้วยเลือด ซึ่งทำให้นางดูน่าเวทนามาก

เฮาหวู่ก้มหน้าลงไปมองที่นาง ท่าทางของเขาสับสน “ไคยุน ไคยุน เจ้าสบายดีหรือไม่ ? เจ้าบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า ? ” เสียงของเฮาหวู่เต็มไปด้วยความห่วงใย

ซาร์ ไคยุนส่ายหน้าเบา ๆ ในขณะที่น้ำตาไหลลงมาที่แก้มของนาง เสียงของนางเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและความผิด “เฮาหวู่ 3,000 ปี หลังจาก 3,000 ปีเต็ม ๆ ในที่สุดเจ้าก็ออกมาเจอข้า เจ้ารู้ไหมว่าข้าเจ็บปวดเพียงใดในช่วงเวลาหลายปีที่ข้ารอเจ้ามา”

เฮาหวู่หลับตาลงอย่างเจ็บปวด หัวใจของเขาเจ็บและเขาพูดออกมา “ไคยุน เจ้ามันบ้า ข้าไม่มีค่ากับเจ้าแบบนั้นหรอก มันเป็นข้าเองที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพบเจ้า มันเป็นข้าที่ไม่สามารถชดใช้ให้กับเจ้าได้ ข้าเป็นคนที่ผิดเอง..”

ซาร์ ไคยุนส่ายหน้าเบา ๆ ในขณะที่นางพูดออกมาอย่างอ่อนแอ “เฮาหวู่ เจ้ารู้ไหมว่า แม้ว่าเจ้าเคยทำให้ข้าเจ็บปวดจนข้าตายไปเสียดีกว่า แต่ข้าก็ไม่เคยเกลียดเจ้า ข้ารู้ว่าตระกูลอยู่เบื้องหลังทั้งหมดอย่างลับ ๆ เจ้าแค่ตกอยู่ในแผนของผู้อาวุโสของตระกูลข้า และเจ้าต้องทุกข์ทนเพราะพวกเขา ข้าได้แต่ไม่พอใจพวกผู้อาวุโสและตำหนิพวกเขาไป ข้าไม่เคยโทษเจ้าเลย”

“เฮาหวู่ เจ้ารู้ไหมว่าข้ารอเจ้ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้ารอให้เจ้ามาขอโทษและขออภัยข้า ? มันน่าเสียดายที่ความปรารถนาข้าไม่เคยเป็นจริง ข้ารอเจ้าอย่างเจ็บปวดมา 3,000 ปี แต่เจ้าก็ไม่แม้แต่ต้องการที่จะมาเจอข้า”

เสียงของซาร์ไคยุนบ่งบอกถึงจิตใจที่แหลกสลาย