ในเวลานี้ถึงแม้ว่าเขาจะโมโห แต่สมองของหลิงยู่ชานกลับแล่นไวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผ่านไปไม่นาน ในที่สุดหลิงยู่ชานก็คิดหาวิธีแก้สถานการณ์ออก
“สาเหตุที่ข้าไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้ก็เพราะข้าออกหมัดช้าเกินไป ถ้าข้าออกหมัดเร็วพอต่อให้ฝั่งตรงข้ามจะแยกร่างสักล้านร่างมันก็ทำอะไรข้าไม่ได้!” หลิงยู่ชานพึมพำ
“ดังนั้นข้าต้องออกหมดให้ไวกว่าเดิม!” หลิงยู่ชานยืนยันแนวคิดตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องออกหมดให้เร็วขนาดไหน แต่ตอนนี้ที่เขาแน่ใจก็คือเขาต้องออกหมัดให้เร็วกว่าเดิม ออกหมัดให้เร็วมากกว่าตอนนี้!
เมื่อจิตของหลิงยู่ชานตั้งมั่นได้เช่นนี้ จังหวะการเต้นของหัวใจเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นถี่ขึ้นจนเขาสามารถได้ยินเสียงเลือดไหลเวียนในร่างของตัวเอง
ทางด้านของหลิงฟ่างหัว เมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองโดนอัดไปมาเหมือนดั่งกระสอบทรายมานานแล้วนางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “ช่างมันข้าทนดูไม่ไหวแล้ว ข้าจะไปฆ่าไอ้เลวนั่นเดี๋ยวนี้!”
เมื่อพูดจบ นางสร้างรอยแยกมิติขึ้นตรงหน้านางทันทีเตรียมพร้อมที่จะส่งมันไปกลืนกินร่างแยกของเทียนเก๋อทุกร่างพร้อม ๆ กัน
ตอนนี้นางไม่สนใจกฎใด ๆ อีกต่อไปแล้ว นางสนแค่ว่านางจะต้องฆ่าเทียนเก๋อให้ได้
เมื่อเห็นว่าหลิงฟ่างหัวกำลังจะลงมือ เหล่าผู้ติดตามของเทียนเก๋อก็เริ่มตื่นตัว
อัจฉริยะที่พวกเขาสนับสนุนกำลังจะชนะอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจะยอมให้คนนอกแทรกแซงได้ยังไง?
“มันจะดีที่สุดถ้าพวกเจ้าอยู่เฉย ๆ นี่คือเรื่องภายในของสันเขาทรราชของพวกเรา ไม่งั้นพวกเจ้าก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่ไว้หน้าพวกเจ้าก็แล้วกัน!” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสันเขาทรราชเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงว่านถิงขมวดคิ้วทันทีพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาลว่า “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าสันเขาทรราชต้องการเป็นศัตรูกับพวกเราใช่ไหม? น้องหก ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะไม่จำบทเรียนที่ท่านพ่อสอนพวกเขาไปเลยเมื่อในอดีต ข้าคิดว่าพวกเราต้องสั่งสอนพวกเขาใหม่อีกรอบสักหน่อย! ท่านอาจารย์ ข้ารบกวนให้ท่านช่วยลงมือด้วยอีกแรง แสดงให้คนเหล่านี้เห็นว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงมันเป็นยังไง พวกเจ้าคิดว่าการที่พ่อของพวกข้าไม่อยู่ พวกเจ้าจะรังแกพี่ใหญ่ของพวกข้ายังไงก็ได้งั้นเหรอ?”
หลิงยี่เทียนพ่นลมหายใจ จากนั้นเขาก้าวออกมาจ้องไปที่หน้าของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสันเขาทรราชด้วยสีหน้าเดือดดาลพร้อมกับตะโกนขึ้น “เจ้าหมายความว่ายังไงที่พูดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของพวกเจ้าทั้ง ๆ ที่พี่ใหญ่ของข้ากำลังโดนทำร้ายอยู่? แล้วเจ้าหมายความว่ายังไงที่บอกว่าจะไม่เกรงใจพวกข้า?”
“เจ้าคิดว่าทหารนับล้านที่ข้าพามาเป็นเพียงไม้ประดับงั้นเหรอ? หรือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดของข้าเกินครึ่งร้อยนั้นมีไว้แค่แสดงเฉย ๆ? หรือว่าเจ้าคิดว่าผู้อาวุโสซวนหยวนที่เป็นผู้สำเร็จเต๋าไม่มีปัญญาบี้เจ้าให้ตายภายในพริบตา?”
เทียนซ่งรีบเดินเข้ามาขวางทั้งสองฝ่ายทันที และตะโกนใส่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสันเขาทรราช “หุบปากและถอยกลับไปซะ!”
หลังจากนั้นเขาหันไปหากลุ่มของหลิงยี่เทียน และพูดว่า “พวกท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม อันที่จริงแม้แต่ตัวข้าเองก็ลำบากใจที่ยอดอัจฉริยะทั้งสองของตระกูลข้ากลับมาขัดแย้งกันเช่นนี้ เอาเป็นว่าพวกท่านเห็นแก่หน้าของข้าสักหน่อย ปล่อยให้พวกเขาทั้งคู่ตัดสินแพ้ชนะให้รู้เรื่องด้วยตัวพวกเขาเองจะได้ไหม?”
แต่ในขณะที่หลิงยี่เทียนกำลังจะเถียงออกไปต่อ เขากลับถูกหยุดไว้ด้วยหลิงเทียนหยุน
จู่ ๆ หลิงเทียนหยุนแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างฉับพลัน จากนั้นเขารีบตะโกนขึ้นทันที “ทุกคนหยุดเถียงกันก่อนรีบถอยออกจากที่นี่เร็ว!”
“หืม?” หลิงยี่เทียนตกตะลึงกับสีหน้าของหลิงเทียนหยุนเหมือนกัน แต่เขารู้สึกว่าสิ่งที่พี่ชายของเขาเอ่ยออกมาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอ นเขาจึงรีบตะโกนขึ้นทันที “ทุกคนถอย 10 ลี้!”
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ทุกคนถอยร่นทันที 10 ลี้
“บ้าเอ๊ยยังไม่พอ! ถอยเพิ่มไปอีก 30 ลี้เดี๋ยวนี้!” หลิงเทียนหยุนตะโกนขึ้นอีกรอบด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นเขาพุ่งตัวถอยไปให้ห่างกว่าเดิมอีกรอบ
หลิงยี่เทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่เขาก็รีบตะโกนขึ้นอีกรอบ “ทุกคนถอยเพิ่มไปอีก 30 ลี้!”
จากนั้นกองทัพของหลิงยี่เทียนทั้งหมดถอยเพิ่มไปอีก 30 ลี้
“นี่ก็ยังไม่พอ! ถอยเพิ่มอีก 10 ลี้ ไม่งั้นพวกเราได้เดือดร้อนตามไปด้วยแน่!” หลิงเทียนหยุนรีบตะโกนขึ้นอีกรอบ
หลังจากถอยออกมา 50 ลี้แล้ว พี่น้องคนอื่น ๆ ก็รีบถามหลิงเทียนหยุนทันทีด้วยสีหน้างุนงง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลิงเทียนหยุนตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ลองเงี่ยหูฟังดี ๆ”
หนึ่งในเต๋าที่หลิงเทียนหยุนสำเร็จก็คือเต๋าแห่งการรับเสียง ดังนั้นเขาจึงสามารถรับรู้เสียงต่าง ๆ ได้ดีกว่าผู้อื่นนับพันเท่า
ในขณะที่คนอื่นไม่ได้ยินว่ามีเสียงอะไรดังออกมาจากร่างของหลิงยู่ชาน แต่เขาได้ยินอย่างชัดเจนว่ามันมีเสียงหัวใจที่สูบฉีดเลือดดังลั่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ตุบๆ ตุบๆ ตุบๆ ตุบๆ
เสียงนี้เขาเคยได้ยินมาก่อนและเขาจำมันไม่เคยลืม นี่มันคือเสียงที่เขาเคยได้ยินตอนที่หลิงยู่ชานปลุกสายเลือดสำเร็จครั้งแรก ซึ่งนับแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยได้ยินมันอีกเลย แต่ตอนนี้มันกลับเกิดขึ้นอีกแล้วแถมดังกว่าเดิมหลายร้อยเท่าอีกต่างหาก!
ทางด้านของคนอื่น ๆ เมื่อได้ยินหลิงเทียนหยุนแนะนำขึ้น พวกเขาต่างก็ลองตั้งใจฟังเช่นกัน ซึ่งพวกเขาก็เริ่มจะได้ยินเสียงแบบที่หลิงเทียนหยุนได้ยินจริง ๆ แถมเสียงนี้มันก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
ในความเป็นจริง เสียงนี้มันไม่ได้ดังมากขนาดนั้น แต่ด้วยพลังที่แฝงอยู่ในเสียงนี้มันทำให้หัวใจของพวกเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นแถมไม่เป็นจังหวะเดิม มันจึงกลายเป็นเหมือนว่าพวกได้ยินเสียงหัวใจของหลิงยู่ชานชัดขึ้น
ตุบๆ ตุบๆ ตุบๆ ตุบๆ
จากนั้นยิ่งพวกเขาฟังมันมากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพวกเขาก็เต้นแรงขึ้น ๆๆ จนมันเริ่มส่งผลทำให้คอของพวกเขาเริ่มแห้งผาก
“หยุดฟังกันได้แล้ว!” หลิงเทียนหยุนตะโกน “ร่างกายของพวกเราไม่มีใครที่สามารถเทียบกับของพี่ใหญ่ได้ หากพวกเราขืนฟังต่อไปอีกมันจะทำให้พวกเราได้รับบาดเจ็บ!”
ในเวลานี้เทียนซ่งก็รับรู้ได้ถึงอันตรายแล้วเช่นกัน เขารีบตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนกกับคนของเขาทันที “ทุกคนรีบถอยเดี๋ยวนี้!”
เขาได้ยินเสียงของหัวใจหลิงยู่ชานได้อย่างชัดเจนเช่นกัน แต่ที่หนักไปกว่านั้นก็คือเขาสัมผัสได้ว่าทุกเสียงการเต้นของหัวใจหลิงยู่ชาน มันทำให้พลังสายเลือดของเขาถูกกดดันอย่างหนัก
แน่นอนว่าถ้าหากเทียนซ่งยังรู้สึก ผู้คนของสันเขาทรราชก็ต้องรู้สึกเช่นกัน หัวใจพวกเขาตอนนี้ต่างเต้นกันไม่เป็นจังหวะโดยที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้ แถมบรรดาผู้คนที่มีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำลงมาหน่อยนั้นมีสภาพแย่ยิ่งกว่าเพราะพวกเขาไม่อาจขยับร่างกายได้เลยด้วยซ้ำ
เทียนซ่งเห็นภาพที่คนของเขาไม่อาจขยับกายได้เช่นกัน เขารีบโบกมือใช้พลังวิญญาณของตัวพากลุ่มคนที่ไม่อาจขยับร่างกายได้ให้ลอยถอยไปอีกเกือบร้อยลี้ จากนั้นเขาเองก็ถอยห่างออกมาอยู่ในระยะ 50 ลี้พร้อมกับมองไปที่หลิงยู่ชานและเทียนเก๋อด้วยความสงสัยว่าทั้งสองคนนี้ใครกันแน่ที่เป็นคนสร้างเสียงที่ทรงอำนาจนี้ขึ้น
ทางด้านของหลิงยู่ชาน ในเวลานี้เขาจ้องไปที่ร่างแยกของเทียนเก๋อทั้งหมด ซึ่งหยุดโจมตีเขาแล้วเพราะกำลังสั่นอย่างรุนแรงและควบคุมตัวเองไม่ได้ เนื่องจากเสียงการเต้นของหัวใจของหลิงยู่ชาน
แน่นอนว่าในเวลานี้เทียนเก๋อคือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากเสียงการเต้นหัวใจของหลิงยู่ชาน เพราะเขาอยู่ใกล้มากที่สุดแม้กระทั้งเทียนซ่งยังทนไม่ไหวแล้วเขาที่อยู่ใกล้แค่นี้จะทนได้ยังไง?
หลิงยู่ชานยืนจ้องเขม็งไปที่เทียนเก๋อ จากนั้นเขาค่อย ๆ พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ต้องขอบคุณเจ้ามากที่กดดันข้าได้จนถึงขนาดที่ทำให้ข้าทะลวงขีดจำกัดของตัวเองขึ้นไปอีกระดับ เอาล่ะต่อไปนี้ข้าจะตอบแทนเจ้าโดยการให้เจ้าได้สัมผัสกับเพลงหมัดใหม่ของข้าเป็นคนแรก หมัดนี้ข้าตั้งชื่อให้มันว่า หมัดทลายสรรพสิ่ง!”