ราชันเร้นลับ 1111 : เซียนโปเกอร์

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ได้ยินคำตอบจากวิญญาณมารเทวทูตสีชาด ใบหน้าแม่มดขาว คาร์เทอริน่าชะงักไปเล็กน้อย

เซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซีหัวเราะและกล่าวต่อ

“เจ้าคงเป็นได้ครึ่งเทพในช่วงปลายยุคสมัยที่สี่สินะ… ตอนนี้ก็ผ่านมากว่าพันปีแล้ว แต่กลับยังไม่ได้เป็นเทวทูต ไม่รู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถบ้างหรือ? เทียบกับชายคนเมื่อครู่ที่เคยพึ่งพาอะซิก·อายเกสเพื่อเผชิญหน้ากับเจ้า ตอนนั้นมันยังอ่อนแอราวกับนกเพิ่งฟักไข่ แต่ผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งปีก็กลายเป็นลำดับสี่สำเร็จ ความแข็งแกร่งเป็นรองเจ้าไม่มาก… ไม่คิดบ้างหรือว่าระยะเวลากว่าพันปีต้องผ่านไปอย่างสูญเปล่า… ถ้าสุนัขมีอายุสักพักปีเหมือนเจ้าบ้าง มันอาจถูกผลักไสจนข้ามผ่านบานประตูแห่งเทวทูตสำเร็จก็ได้… ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่ภายในใจกำลังอิจฉาหมอนั่น เจ้าเกิดความปรารถนาที่บิดเบี้ยวและต้องการหลับนอนกับมันเพื่อพิสูจน์ตัวเอง… พวกแม่มดช่างน่าขัน ในแง่หนึ่ง เจ้าต้องคอยเน้นย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ชายเพื่อไม่ให้สูญเสียตัวตนและคลุ้มคลั่ง แต่อีกแง่หนึ่งก็ต้องหมั่นแสดงเสน่ห์ของสตรีและสัมผัสความสุขสุดยอดจากความรักอันแรงกล้า… ในทางกลับกัน นักล่าอย่างพวกข้าไม่ต้องเผชิญปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเพศเดิมจะเป็นเช่นไร สิ่งเดียวที่ต้องทำคือสงคราม สงคราม และสงคราม! บรรพกาลช่างเป็นแม่มดที่บิดเบี้ยว แค่ให้สตรีเดินบนเส้นทางแม่มดก็พอแล้ว เหตุใดถึงต้องส่งต่อความเจ็บปวดและทุกข์ระทมให้บุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่า? จุดประสงค์มีแค่การแก้แค้นโชคชะตาอันผิดเพี้ยนของตัวเองใช่ไหม?”

ทุกคำพูดของวิญญาณมารเทวทูตสีชาดเป็นราวกับศรแหลมคมที่ทิ่มแทงหัวใจแม่มดขาว ส่งผลให้ใบหน้าอันงดงามของเธอสั่นกระตุกแผ่วเบา เส้นผมยาวสลวยก็ดูเหมือนจะหนาขึ้นจากปรกติ

เซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีชำเลืองคาร์เทอริน่า จากนั้นก็หัวเราะ

“เจ้าคงไม่จะไม่คลุ้มคลั่งเพราะคำพูดของข้าใช่ไหม? คิดถึงจังเลย ความรู้สึกแบบนี้”

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเว้นวรรค

“เจ้ากลับไปได้ หากต้องการให้ช่วยก็แค่เอ่ยนามเต็มของข้า และแน่นอน ถ้าจำเป็นจริงๆ ข้าจะไปหาด้วยตัวเอง”

อากัปกิริยาของแม่มดขาวเริ่มกลับเป็นปรกติ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามด้วยสีหน้าผิดคาด

“จะปล่อยฉันกลับไปทั้งอย่างนี้หรือ?”

วิญญาณมารเทวทูตสีชาดหัวเราะ

“ทำไมล่ะ? อยากหลับนอนกับข้า? ถ้าเราว่างตรงกัน นั่นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ช่วงนี้ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำอีกมาก… ไม่ต้องรีบร้อน ในเมื่อเจ้าเอ่ยนามเต็มของข้าและมอบเลือดให้ข้าแล้ว ทางนี้สามารถเฝ้ามองเจ้าได้ตลอดเวลาและอาจส่งอิทธิพลได้บางอย่าง… ลืมไปแล้วหรือว่าเทวทูตกับนักบุญมีความแตกต่างกันในเชิงคุณภาพ? ตัวตนที่ทรงพลังโดยแท้จริงนั้นมีอำนาจมากกว่าที่เจ้าคิด… หึหึ เว้นเสียแต่เจ้าจะสวดวิงวอนถึงบรรพกาลโดยตรงและได้รับการตอบสนอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีวิธีสลัดหลุดจากสายตาข้า… ตามปรกติแล้ว เทวทูตสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่นั่นเฉพาะกรณีที่เอ่ยนามเต็มเพียงอย่างเดียว… หากไม่เชื่อ ข้าสามารถหาเทวทูตมาช่วยเจ้าทดสอบได้”

แม่มดขาว คาร์เทอริน่ายืนฟังด้วยสีหน้าหม่นหมอง ก่อนจะยิ้มและกล่าว

“นับแต่นี้ไป ฉันจะทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ลอร์ดเมดีซี”

คิ้วของเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีพลันกระตุก

“ยังดื้ออยู่สินะ… ข้ารู้ดีว่าเจ้าจะทำตัวยังไงในตอนที่ได้เจอเกอร์มัน สแปร์โรว์ แต่นั่นก็ไม่ใช่กงการอะไรของทางนี้… อ๊ะ จริงสิ… เจ้าควรรีบไปตรวจสอบชะตากรรมของเหล่าทายาทดูนะ ไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมถึงถูกเกอร์มัน สแปร์โรว์พบตัวได้ง่ายนัก?”

แม่มดขาวหน้าซีดในตอนต้น ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหน้าขรึมพลางผงกศีรษะ

“เข้าใจแล้วค่ะ”

กล่าวจบ เธอก้าวถอยหลังและเดินเข้าไปในกระจกหน้าต่าง ปลายทางของโลกกระจกมายาถูกกำหนดทันที

เมื่อเห็นแม่มดขาวจากไป ปากเปื้อนเลือดผุดขึ้นที่แก้มซ้ายวิญญาณมารเทวทูตสีชาดพร้อมกับเปล่งเสียง

“หล่อนแสดงละครเก่งมาก แสร้งทำเป็นควบคุมอารมณ์ไม่เก่ง กระสับกระส่ายเล็กน้อยและทำตัวซื่อบื้อ ราวกับอ่านเจตนาได้ไม่ยาก”

“ใช่แล้ว ด้วยวิธีดังกล่าว มีโอกาสสูงที่เราจะดูแคลนเธอและไม่ระวังตัว” ปากเปื้อนเลือดบนแก้มขวาอ้าปากพูด

“หึหึ… พวกแม่มดล้วนเจ้าเล่ห์ แต่ข้าไม่เคยประมาทเหยื่ออยู่แล้ว” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดพูดด้วยปากหลัก “หล่อนต้องการให้ข้าประมาทและดูแคลน แต่นั่นจะไม่เกิดขึ้น”

ปากบนแก้มซ้ายตอบโต้

“แล้วทำไมถึงถูกอลิสต้า ทูดอร์จับตัวเอาได้?”

“นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าสองคนต่างหาก” บุคลิกที่เป็นของเมดีซีทำหน้าบึ้งและกล่าว “และเรื่องนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะข้าประมาท”

ปากเปื้อนเลือดฝั่งขวาพ่นลมหายใจ

“รู้สึกอย่างไรกับการได้ตกเป็นเหยื่อเสียเอง? ท่านมหาเทพแห่งสงคราม เทวทูตสีชาดผู้ใกล้ชิดกับพระผู้สร้าง”

“ก็ไม่เลว” ใบหน้าเมดีซีหม่นหมองเล็กน้อย แต่น้ำเสียงคล้ายกับแฝงความพึงพอใจ

บุคลิกของเซารอนบนแก้มซ้ายพูด

“เจ้าชอบใช้วิธีข่มขวัญด้วยคำลวงเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ย้อนกลับไปในตอนนั้น อลิสต้าอ่านคำลวงของเจ้าออกและฉวยโอกาสจากมัน… และเมื่อครู่ เป็นอีกครั้งเจ้าข่มขวัญคาร์เทอริน่าด้วยคำลวง โดยที่ในความเป็นจริง เจ้าทำได้แค่แผ่ออร่าเจือจาง ได้แค่อาศัยการวางกับดักและดักจู่โจมทีเผลอเพื่อสร้างความเสียหายที่น่าสะพรึง แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะปิดฉากหล่อนได้ในพริบตา เจ้าจึงต้องแสร้งทำเป็นฟื้นฟูพลังกลับมาถึงลำดับหนึ่ง แล้ว หลอกเธอให้เอ่ยนามเต็มและมอบเลือด”

เมดีซียกมุมปาก

“การข่มขวัญคืออีกหนึ่งในแนวทางการเล่นโปเกอร์ และมันก็ได้ผลดีไม่ใช่หรือ?”

กล่าวถึงตรงนี้ เทวทูตสีชาดหัวเราะในลำคอ

“ยิ่งไปกว่านั้น การข่มขวัญของข้ามิใช่คำลวงไปเสียทั้งหมด สิ่งที่ข้าชื่นชอบที่สุดคือการผสมคำลวงเข้ากับความจริง รอให้พวกโง่ที่คิดว่าอ่านข้าออกหลงเข้ามาติดกับดัก เหมือนกับพวกเจ้าสองคนยังไงล่ะ…. โง่เหมือนกันไม่มีผิด”

“แต่เจ้าเป็นคนแรกที่ตาย!” รอยปริบนแก้มทั้งสองข้างพูดพร้อมกัน

เมดีซีโต้แย้งโดยไม่สะทกสะท้าน

“นั่นแสดงว่าข้าแข็งแกร่งที่สุด ถูกประเมินค่าไว้สูงที่สุด!”

กล่าวจบ บุคลิกทั้งสามของวิญญาณมารเทวทูตสีชาดเงียบไปพร้อมกัน จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่วินาที ปากของไอน์ฮอร์นเปิดออก

“เกอร์มัน สแปร์โรว์ใกล้ชิดกับรัตติกาลมากกว่าที่ข้าคิด… ตอนนี้คงล่วงรู้ถึงสภาพที่แท้จริงของคาร์เทอริน่าแล้ว”

เมดีซีหัวเราะ

“นั่นไม่สำคัญ เพราะเดิมทีเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ท่านอนุญาตโดยนัยอยู่แล้ว… หลังจากโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันจบลง ผู้เข้าร่วมปฏิบัติการล้วนหายไปเกือบหมด เหลือเพียงแม่มดชื่อทริสซี่ที่ยังอยู่ นั่นก็เพียงพอที่จะระบุความผิดปรกติแล้วไม่ใช่หรือ?”

บุคลิกของเซารอนและไอน์ฮอร์นไม่กล่าวคำใดต่อ เพียงปิดปากสนิทและปล่อยให้บาดแผลสมานตัว

ร่างของวิญญาณมารเทวทูตสีชาดหายเข้าไปอยู่บนผิวกระจก ก่อนจะหายไปจากย่านระฆังประกาศิตอย่างไร้ร่องรอย

เหนือสายหมอกสีเทา ภายในพระราชวังโบราณ

ไคลน์จ้องจี้บุษราคัมที่กำลังหมุนตามเข็มนาฬิกา พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบสนอง

มันใช้เทคนิคทำนายด้วยลูกตุ้มวิญญาณเพื่อยืนยันคำตอบของคาร์เทอริน่าทีละข้อ และสรุปได้ว่าทั้งหมดมีความจริงแฝงไว้มากพอ

ทันทีหลังจากนั้น อาศัยสุสานลับอีกแปดแห่งที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติม มันตัดสินใจทำนายฝันจนได้เห็นภาพที่เกี่ยวข้องในลักษณะพร่ามัว

ฉากดังกล่าวช่วยให้ไคลน์ยืนยันได้ว่า สุสานเหล่านี้มิอาจเข้าได้ด้วยวิธีการปรกติ กระทั่งการทำนายบนมิติหมอกที่ไม่ถูกรบกวนก็ยังมิอาจระบุพิกัดได้ชัดเจน

ยุ่งยากชะมัด… นอกจากนั้น อาการของแม่มดขาวขณะถูกสื่อวิญญาณก็ยังผิดปรกติ แตกต่างจากโจนาส·โคลเกอร์และเฮอร์วิน แรมบิสพอสมควร คล้ายกับว่าคาร์เทอริน่ามีอารมณ์ร่วมมากกว่า เต็มใจตอบมากกว่า… นี่คือความพิเศษของแม่มด หรือเพราะปัจจัยอื่น? ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์กวักมือเสกเศษกระดาษที่เปื้อนเลือดพลเรือโทโรคภัย จากนั้นก็เขียนประโยคทำนายให้สอดคล้องและใช้เทคนิคทำนายฝัน

ท่ามกลางโลกสีเทา ไคลน์เห็นเทรซี่ซึ่งเป็นอิสระจากใยแมงมุมของตัวเอง มองออกไปนอกหน้าต่าง

ด้านนอกค่อนข้างมืดและมีพายุมายา ยากจะคาดเดาว่าเป็นที่ใด

เทรซี่หลุดออกไปได้แล้ว… แต่ใบหน้าปราศจากความเศร้า มีเพียงความโกรธและสับสนเล็กน้อย… ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกคู่นี้ต้องย่ำแย่ขนาดไหนกัน? ไม่สิ หรือว่า… ขณะไคลน์ฉุกคิดบางสิ่ง มันเห็นเพลงสีดำแผดเผาความฝันจนละลายและแตกกระจายเป็นเศษกระจก

มันลืมตาขึ้นและยืนยันได้ว่า ตอนนี้ตนมิอาจใช้เลือดของเทรซี่เพื่อทำนายระบุตำแหน่งได้อีกแล้ว เป็นเทคนิคการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเลือดและเจ้าของด้วยพลังระดับครึ่งเทพ

หรือว่าแม่มดขาวยังไม่ตาย? จริงสิ… ในตอนที่วิญญาณมารเทวทูตสีชาดตอบคำถามเรา เจ้านั่นไม่ได้ตอบตรงๆ แต่เป็นการย้อนถามอย่างยียวน… นี่เราสื่อวิญญาณกับวิญญาณคนเป็น? ไคลน์ผงะในตอนต้น ก่อนจะรีบทำนายยืนยันและพบว่า แม่มดขาว คาร์เทอริน่ายังมีชีวิตอยู่

ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า เป้าหมายของวิญญาณมารเทวทูตสีชาดไม่ใช่แม่มดขาว… นอกจากนั้น เมื่อผนวกกับความก้าวหน้าในการย่อยโอสถของเรา วิญญาณมารเทวทูตสีชาดอาจจะอ่อนแอกว่าที่เราคิด มีโอกาสที่ยังฟื้นฟูพลังกลับไปไม่ถึงลำดับสอง… ถ้าอย่างนั้น แม่มดขาวก็ไม่น่าจะพ่ายแพ้เร็วนัก หรือว่ามันหลอกล่อเธอด้วยวิธีอื่น? ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป

หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานานแต่ก็ยังคว้าน้ำเหลว ไคลน์ตัดสินใจพับเก็บไว้ก่อนชั่วคราว เพราะอย่างน้อยก็ได้ข้อมูลที่ต้องการจากคาร์เทอริน่ามาแล้ว

ชายหนุ่มวางกระดาษที่เปื้อนเลือดพลเรือโทโรคภัยลงพลางหัวเราะ

ตัดการเชื่อมต่อระหว่างเลือดและเจ้าของ ส่งผลให้มิอาจใช้เป็นสื่อกลางในการทำนาย…

ถ้าอย่างนั้น การป้ายเลือดลงบนปก การเดินทางของกรอซายยังใช้ได้อยู่ไหม?

หลังจากขบคิดสักพัก ไคลน์ตัดสินใจยังไม่ลอง เพราะยังไม่มีความจำเป็นในปัจจุบัน

ความสนใจของมันแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว กลายมาเป็นประเด็นที่ว่า ตนจะเข้าไปในสุสานอีกแปดแห่งของจอร์จที่สามได้ยังไง

กรอบความคิดแบบธรรมดาคงไม่ได้ผล เพราะถ้าเราคิดได้ เทวทูตอย่างจอร์จที่สามก็ต้องคิดได้…

ถ้าไม่ใช่เพราะทวยเทพอนุญาตโดยนัย กลยุทธ์ตีแผ่ความจริงด้วยใบปลิวอาจจะใช้ได้ผล…

เทเลพอร์ตแบบกำหนดพิกัด… โบราณสถานของทูดอร์… หรือว่า…

ไตร่ตรองอยู่สักพัก หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรงเนื่องจากมันพบข้อสันนิษฐานใหม่

………………………………….