ทั้งๆที่เป็นช่วงกลางฤดูร้อน แต่ว่าบ้านพักตากอากาศในสวนกุหลาบขนาดใหญ่ ยามนี้บรรยากาศกลับเงียบเชียบจนวังเวง อากาศเย็นยะเยือกจนหนาวเข้าไปถึงในกระดูก
ตู๋กูซิงหลันสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีแดง ครรภ์ของนางน้ำเดินแล้ว ทั้งยังมีเลือดไหลออกมาระหว่างขา
นางประคองท้องเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็คว้าจีเฉวียนที่อยู่บนเตียงเอาไว้ มองดูร่างกายที่ไม่อาจรั้งเอาไว้ได้อีกแล้วของเขา น้ำตาแห่งความอ่อนแอต้องไหลออกมาอีกครั้ง
นางพยายามฝืนรั้งจิตวิญญาณของเขาเอาไว้ในร่างกายนี้มาโดยตลอด เพราะกลัวว่าหากวิญญาณของเขาหลุดลอยไป จะต้องเผชิญกับจุดจบของจิตวิญญาณแตกสลาย
วาระสุดท้ายของตี้เสีย….สูญสลายไปอย่างน่าสะพรึงกลัว นางไม่กล้าเสี่ยง
แต่ว่าสุดท้ายนางก็ต้องพ่ายแพ้แล้ว
จีเฉวียน เขาไม่กลับมาแล้ว การกักขังที่นางกระทำต่อร่างกายของเขา ที่จริงแล้วสำหรับเขานี่เป็นเพียงความทุกข์ทรมานที่ยังไม่สิ้นสุดเท่านั้น
ตู๋กูซิงหลันยอมรับว่านางเห็นแก่ตัว ขอเพียงมีความหวังเพียงหนึ่งในร้อยว่าจิตวิญญาณของจีเฉวียนยังไม่สลายไป นางก็ไม่ต้องการให้เขาไปเกิดใหม่
เพราะหากเป็นเช่นนั้น เขาอาจจะลืมเลือนนาง ลืมเลือนทุกอย่างที่เคยมีระหว่างกันจนหมดสิ้น
ทั้งๆที่พวกนางร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟันความยากลำบากมาตั้งมากมาย ทั้งๆที่วันเวลาของพวกนางพึ่งจะได้เริ่มใหม่อีกครั้ง
ตู๋กูซิงหลันไม่ยินยอม!
นางคุกเข่าลงที่ข้างเตียงของเขา มือหนึ่งประคองท้อง อีกมือก็จับมือเขาเอาไว้
ที่จริงมือข้างนั้นเปลี่ยนเป็นสีคล้ำไปแล้ว แม้แต่เล็บก็กลายเป็นสีดำ ไม่มีลักษณะของคุณชายผู้สูงศักดิ์ในอดีตอีกแล้ว
“ในเมื่อเจ้ากลับมาไม่ได้แล้ว….. เช่นนั้นข้าก็จะตามเจ้าไปแล้วกัน….” นางพยายามลืมตามองดูเขา แม้จะเจ็บปวดจนเหงื่อกาฬไหลท่วม แต่ก็ยังไม่ยินยอมปล่อยมือจากเขา
นับตั้งแต่ตั้งครรภ์ ตู๋กูซิงหลันก็อยู่ข้างกายจีเฉวียนอยู่ตลอดเวลา อยู่เพียงลำพังคนเดียว
แม้แต่ Sherry ก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอกับนาง
นางไม่เคยรักใครถึงเพียงนี้ รักจนไม่อยากแยกจากแม้แต่เพียงก้าวเดียว
ที่ผ่านมานางรู้แต่เพียงว่านางรักจีเฉวียน แต่คิดไม่ถึงว่า ความรักนี้จะฝังรากลึกลงไปในกระดูกตั้งนานแล้ว ทั้งยังหนักหนายิ่งกว่าที่นางเคยคิดเอาไว้มากมายนัก
ขอร่วมเป็นร่วมตาย…. บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ในชาติก่อนของพวกนางแล้วก็เป็นได้กระมั้ง?
เลือดยิ่งทียิ่งไหลมากขึ้น ครรภ์ของนางเจ็บปวดราวถูกฉีกกระชาก
เจ้าตัวน้อยในท้องดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากความรักความผูกพันของนาง จึงได้ยิ่งทียิ่งดิ้นรน นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าท้องของตนเองกำลังเคลื่อนไหวพองๆยุบๆขึ้นๆลงๆอยู่ตลอด ดูท่าเจ้าตัวน้อยในท้องคงกำลังดิ้นรน อยากจะออกมาไวๆเสียแล้ว
ตู๋กูซิงหลันมีแต่เหงื่อท่วมศีรษะ เจ็บปวดจนแทบจะสลบไสลไป
ว่ากันว่าความเจ็บปวดที่รุนแรงที่สุดในโลกนี้ อย่างหนึ่งก็คือการพลัดพรากจากคนรักไปตลอดกาล อีกอย่างก็คือการคลอดบุตรของสตรี
และนางในตอนนี้ กำลังเผชิญกับทั้งสองสิ่ง
ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นพร่าเลือนขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นมือที่กุมมือของจีเฉวียนเอาไว้อยู่ตลอดก็ยิ่งบีบแน่นยิ่งกว่าเดิม
ตลอดชีวิตของนางนี้ มีท่านอาจารย์ปกป้องคุ้มครอง มีครอบครัวที่รักใคร่ มีมิตรสหายเคียงข้าง มีรักแท้รักเดียวของจีเฉวียน นับว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว
ความเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือไม่อาจอยู่เคียงคู่กับเขาจนผมหงอกขาว
ในเมื่อชาตินี้ไม่อาจอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า เช่นนั้นก็ขอเจอกันใหม่ในชาติหน้า
แม้ว่าเจ้าและข้าจะลืมกันไป แต่มิว่าอย่างไรจะต้องได้พบกันอีกครั้งในที่สุด
จีเฉวียน ข้าเยี่ยซิงหลันขอรักเจ้า ทุกชาติไป ไม่มีเปลี่ยนแปลง
หากว่าเจ้าและข้าได้เกิดใหม่อีกครั้ง …..ข้าจะต้องตามหาเจ้าให้เจอ
ชาตินี้เจ้าติดค้างเคียงคู่กันจนวัยชรากับข้า ชาติหน้าจะต้องทำให้ข้าให้จงได้นะ
เปลือกตาหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่อาจตัดใจละสายตาไปจากเขาแม้แต่น้อย นางยังพยายามจะคุกเข่าอยู่เช่นนี้ และเอียงศีรษะลงไปซบอยู่ที่ข้างๆเขา
เม็ดเหงื่อหยดลงจากบนหน้าผาก ทำให้ขนตาที่หนาเป็นแพยาวเปียกชื้น
พลังวิญญาณที่อ่อนแอลงไปเรื่อยๆตลอดเวลา ทำให้ร่างกายของนางรับไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว ในที่สุดก็ไม่อาจทน ปิดตาลงไป
………….
“ปัง!” ในตอนนั้นเอง ประตูใหญ่ของบ้านตากอากาศก็ถูกคนกระชากออกอย่างแรง
เงาคนมากมายพุ่งขึ้นไปยังชั้นสองอย่างรีบร้อน และเปิดประตูห้องนอนออกอีกครั้ง
“ฝ่าบาท คนยังมีชีวิตอยู่พะยะค่ะ!”
แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง กระทบลงบนร่างที่สูงโปร่งของบุรุษผู้หนึ่ง
นั่นเป็นเรืองร่างที่งดงามยอดเยี่ยม ไหล่กว้างเอวสอบท่อนขายาว ทั่วทั้งร่างดูสูงศักดิ์เปี่ยมไปด้วยราศีอย่างกษัตริย์
ดวงหน้านั้นเป็นเหมือนแท่งน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย แสงอาทิตย์ทอทาบลงบนร่างของเขา แต่กลับยิ่งสะท้อนความเย็นชาให้เข้มข้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แต่ทันทีที่ได้เห็นตู๋กูซิงหลัน แววตาของเขาก็ตื่นตะลึงและเจ็บปวดใจ
แววตาเช่นนั้น เป็นสิ่งเหล่าผู้ติดตาม ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย
อีกทั้งเขายังไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย ขณะที่สาวเท้าก้าวเข้าไป ร่างกายก็ก้มลง อุ้มตู๋กูซิงหลันที่สิ้นสติไปแล้วขึ้นมา
เขาดูเหมือนจะคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้อย่างยิ่ง ทั้งยังอุ้มตู๋กูซิงหลันเข้าไปในห้องนอนของนาง
คนทั้งกลุ่มติดตามอยู่ด้านหลังของเขา โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
พวกเขาเพียงแต่เหลือบมอง ‘ศพ’ ที่นอนอยู่บนเตียงในห้องนั้นเพียงแวบเดียว
หากมิใช่ว่าได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ต่อให้ตีให้ตายพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อ ว่าในโลกนี้จะยังมีคนที่เหมือนกับฝ่าบาทอย่างไม่มีผิดเพี้ยนอยู่อีก!
แต่น่าเสียดาย…..ที่เป็นคนตายไปแล้ว
พอวางตู๋กูซิงหลันลงบนเตียง เขาถึงได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ท่านหมอซุน”
“ฝ่าบาท พวกเราต้องรีบทำคลอดให้กับคุณหนูผู้นี้”
ท่านหมอซุนที่ติดตามมาด้วยไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่น้อย รีบสั่งให้คนเตรียมการโดยทันที
ห้องนอนของตู๋กูซิงหลัน กลายเป็นห้องทำคลอดที่สมบูรณ์พร้อมอย่างรวดเร็ว
คนสลบไปแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะเผชิญสิ่งใดมา ถึงได้อ่อนแออย่างที่สุด การคลอดอย่างธรรมชาติย่อมเป็นไปไม่ได้ จำต้องผ่าคลอดเท่านั้น
ท่านหมอซุนอยากจะเชิญเสด็จฝ่าบาทออกไปอย่างยิ่ง แต่ว่าฝ่าบาทกลับเอาแต่กุมมือของคุณหนูผู้นี้เอาไว้อย่างแนบแน่น ไม่คลายมือแม้แต่น้อย
คำพูดที่มาถึงริมฝีปากของเขาจึงต้องกลืนกลับลงไป
ที่ประเทศมี่ซือหลัว มีสตรีมากมายไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่แหงนหน้ารอคอยความเมตตาจากฝ่าบาท แต่ว่าฝ่าบาทกลับไม่เคยแลพระเนตรไปหาผู้ใดทั้งสิ้น
แล้วทำไมถึงได้มาถูกพระทัยเอากับคุณหนูในประเทศนี้ที่ไม่เคยได้พบหน้าค่าตากันมาก่อน ทั้งยังอยู่ห่างไกลกันมากถึงเพียงนี้….
ดูจากท่าที ที่เขากำลังเฝ้าดูอยู่นี้ ราวกับว่านี่คือภรรยาของเขา ที่เขากังวลห่วงใยคือความปลอดภัยของบุตรและภรรยา
……….
ยามที่เสียงร้องเสียงแรกของทารกดังขึ้น ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่านางกำลังฝันอยู่ เป็นความฝันที่งดงาม
นางฝันว่าจีเฉวียนกลับมาแล้ว
ในฝันของนางเขาบอกว่า ต่อไปจะไม่ไปจากนางอีกแล้ว
แต่แม้ว่าจะอยู่ในความฝัน นางก็ยังเจ็บปวดเหลือเกิน
ทุกคำที่เขาพูด นางล้วนจดจำเอาไว้ในใจอย่างแม่นมั่น กลัวว่าที่เขาพูดออกมาจะไม่จริง
…………………
ยามที่แสงแรกของยามเช้าอันสดใสส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ขนตาของนางถึงได้กระพริบเบาๆ ดวงตาดอกท้อที่งดงามคู่นั้นลืมขึ้นมาเป็นเส้นบางๆ
สิ่งที่เข้าสู่สายตาคือดวงตาที่นางคุ้นเคยที่สุดนั่นเอง
ภายใต้แสงสว่างสดใส นางย่อมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ไม่รู้ว่าทำไม ในใจถึงได้รู้สึกปวดแปลบขึ้นมา แม้แต่ปลายจมูกก็แสบร้อน น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่อาจระงับ
นางอ้าปาก แต่ลำคอกลับแห้งผาดจนแสบร้อน เอ่ยอะไรไม่ออกเลยสักคำ
คนผู้นั้นนั่งอยู่ข้างกายนาง มือข้างหนึ่งกุมมือของนางเอาไว้ สิบนิ้วประสานเข้าหากัน
ริมฝีปากบางที่หนาวเย็นทาบทับลงมา แผ่วเบาราวแมลงปอสัมผัสผิวน้ำ แต่ก็ลึกล้ำจนแทบจะดึงดูดนางเข้าไปในกาย
“ซิงซิงที่โง่เขลา” เขาอยากจะกอดนางเอาไว้ ทั้งยังกลัวนางจะเจ็บ กริยาจึงระมัดระวังอย่างที่สุด แต่ดวงตาหงส์คู่นั้นทอประกายตื่นเต้นอย่างไม่อาจระงับ
“ข้ากลับมาแล้ว และจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”
น้ำตาของตู๋กูซิงหลันไหลลงมาอีกครั้ง “เจ้าโกหกข้าอีกแล้ว นี่จะต้องเป็นความฝัน ข้ารู้ดี เป็นเพียงความฝันที่งดงามก่อนตาย”
ใช่แล้ว เขาตายไปแล้ว แล้วจะมาปรากฏตัวอย่างมีชีวิตตรงหน้านางอีกครั้งได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้
น้ำตาไหลจากหางตา หยดลงไปบนทารกที่อยู่ข้างกาย
เจ้าตัวน้อยที่เดิมทีกำลังหลับสนิทส่งเสียงร้องขึ้นมาในทันที
ตู๋กูซิงหลันถึงได้หันหน้าไปมองดู ร่างกายของเด็กน้อยอาบไล้อยู่ใต้แสงอาทิตย์ แม้จะถูกห่ออยู่ใต้ผ้าห่มผืนน้อย แต่ก็ยังมองเห็นท้องกลมๆที่มีเนื้อนุ่มหนา เป็นเด็กผู้ชาย เหมือนจีเฉวียนอย่างที่สุด
กษัตริย์แห่งประเทศมี่ซือหัวทรงยื่นพระหัตถ์ไปลูบสันจมูกของนางเบาๆครั้งหนึ่ง
“จีเฉวียนไม่เคยโกหกซิงซิง สัญญาแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันทั้งชาติ กลับช้าไปถึงสิบเดือนเต็มๆ ฉะนั้นคงต้องใช้ตลอดชีวิตที่เหลือมาชดเชยให้กับซิงซิงของข้าแล้ว”
“ข้ารักเจ้า ไม่เคยจาง แม้เพียงชั่วครู่”
“ข้ารักเจ้า ไม่เคยตกหล่น แม้เพียงนิดน้อย”
“ข้ารักเจ้า ไม่เคยย่อท้อ แม้ต้องดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อกลับมา”
ข้ารักเจ้า มิว่าใครในโลกก็ไม่อาจขัดขวาง แม้แต่ความตายก็ไม่อาจพรากไป
ช่วงชีวิตที่เหลือ ชีวิตนี้เพื่อเจ้าเท่านั้น
จารึกลงไปในกระดูก ซึมลึกอยู่ในหัวใจ กี่ชาติกี่ภพก็คงไม่เพียงพอ
ซิงซิง ขอบคุณที่ในโลกนี้มีเจ้า
ขอบคุณที่เจ้ารักข้า
จีเฉวียนรักเจ้า ลึกสุดใจ
……………………………….
จบบริบูรณ์