ตอนพิเศษ 1 มี่ซือหลัว เฉวียน
“ราชินีจอเงินอันดับหนึ่ง เยี่ยซิงหลัน คลอดบุตรอย่างปลอดภัย บิดาของเด็กน้อยคือกษัตริย์แห่งประเทศมี่ซือหลัว!”
ข่าวนี้ดังระเบิดไปทั่วทั้งประเทศอยู่หลายต่อหลายวัน
เมื่อสำนักข่าวมากมายทำการตรวจสอบด้วยวิธีการต่างๆนาๆ ก็พบว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง
คราวนี้ไม่เพียงแต่ทำให้กระแสในประเทศระเบิดตูม แม้แต่ทั่วโลกก็ยังต้องตกตะลึงไป
ประเทศมี่ซือหลัว ไม่เพียงแต่จะเป็นประเทศเล็กๆในเอเซียตะวันออก แต่ยังลึกลับอย่างยิ่ง และแม้แต่ประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างประเทศM ก็ยังต้องให้ความเกรงใจอยู่สามส่วน
อาณาเขตของประเทศนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรที่มั่งคั่ง สิ่งที่ไม่ขาดแคลนเลยก็คือเงินทอง
มีประเทศมากมายในโลกนี้ที่ต่างก็ต้องการจะประจบประแจง แม้แต่สาวงามระดับโลกก็ยังถูกส่งไปมิได้ขาด แต่เรื่องที่แปลกประหลาดก็คือ หญิงสาวงดงามมากมายที่ถูกส่งไป กลับไม่มีใครที่เข้าตาฝ่าบาทเลยสักคน
เดิมทีข้อมูลเกี่ยวกับประเทศมี่ซือหลัวมีอยู่น้อยมาก พวกเขาเก็บตัว ไม่ว่าใครก็ไม่คิดว่า ทั้งๆที่ส่งสาวงามไปตั้งมากมายแต่ก็ไม่เกิดผลเลยสักนิด แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีประกาศออกมาว่า กษัตริย์ ทรงมีราชโอรสแล้ว
ทั้งยังประกาศฐานะของผู้เป็นภรรยาออกมาอย่างชัดเจน : ราชินีจอเงินอันดับหนึ่งของประเทศจีน เยี่ยซิงหลัน
เดิมทีก่อนหน้านี้ เยี่ยซิงหลันเคยถูกกลุ่มคนในธุรกิจบันเทิงแอบใช้มีดในที่ลับทิ่มแทงมาโดยตลอด ครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างแรง
รัฐบาลและประชาชนในประเทศภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
ต้องรู้ว่า การจะได้เป็นประชากรของประเทศมี่ซือหลัวนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากสักเพียงไร
แค่มีเงินยังไม่พอ ยังต้องมีโชคและมีความสามารถด้วย หลังผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจึงจะสำเร็จ
เหล่าคนที่มีศักยภาพในโลก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลงใหลในอะไร แต่ละคนถึงได้คิดแต่จะอยากมาเป็นประชากรของประเทศนี้ด้วยกันทั้งนั้น
การได้เป็นราชินีของประเทศมี่ซือหลัว เป็นเรื่องที่เหล่าสตรีแนวหน้าของสังคมชั้นสูงและมีชื่อเสียงทั่วโลกต่างก็ใฝ่ฝันด้วยกันทั้งสิ้น!
แต่ว่าตอนนี้ราชินีจอเงินจากประเทศจีน กลับกลายเป็นผู้ที่เหล่าสตรีทั่วทั้งโลกอิจฉาตาร้อนที่สุดแล้ว!
………….
มี่ซือหลัวซือ พระราชวังที่ใหญ่โต ฝ่าบาททรงฉลองพระองค์ในชุดแบบตะวันตก ดวงพักตร์ที่งดงามสะท้อนอยู่ในแสงเทียนจางๆ
ที่ใต้ร่างของเขาคือพรมล้ำค่าที่ทอขึ้นมาจากเส้นทอง ที่ด้านหลังของพระองค์คือแผนที่ขนาดใหญ่ สิ่งที่สะท้อนลงไปบนหน้าต่าง ก็คือเงาร่างของพระองค์
พระองค์ประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หนานมู่หุ้มทอง สองเท้าที่ยาวตรงดุจพู่กันไขว้กันอยู่ เส้นเกศาที่ละเอียดเล็กเรียงตัวอย่างสวยงามบนพระเศียร ตลอดทั่วพระองค์ดูงดงามดุจภาพวาดภาพหนึ่ง
ยามที่ตู๋กูซิงหลันออกมา ก็ได้เห็นภาพนี้เข้าพอดี
นางมองดูเงาหลังของฝ่าบาทองค์นี้ ด้วยความรู้สึกเหม่อลอย
จนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่า จีเฉวียนของนางจะอาศัยวิธีนี้กลับมาอยู่ข้างกายนาง
กษัตริย์แห่งประเทศมี่ซือหลัว: มี่ซือหลัว.เฉวียน เพราะตัั้งแต่แรกนี่ก็คือร่างกลับชาติมาเกิดใหม่ของเขาอยู่แล้ว
ในสงครามสุดท้ายบนแดนสวรรค์ ก่อนที่เขาจะตาย ก็ใช้ความพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดที่มี หยิบยืมพลังของหยกสรรพชีวิตในร่างของนาง บังคับให้เส้นทางวัฏสงสารเปิดออก ส่งส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณตนเองลงไปเกิด
เพียงแต่ว่าร่างที่มาเกิดนี้ มิได้มีจิตวิญญาณที่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงไม่มีความทรงจำที่เกิดขึ้นในชาติก่อน
ตู๋กูซิงหลันเอาแต่เหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณของจีเฉวียนเอาไว้ในร่างที่เน่าเปื่อย ทำให้เขาไม่อาจจากไป เป็นเหตุให้จิตวิญญาณของเขาไม่อาจไปร่วมเป็นหนึ่งกับร่างที่ไปเกิดใหม่ และพลาดเวลาที่จะรีบกลับมาพบกับนาง
ยังดีที่ทุกอย่างยังไม่สายจนเกินไป
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าตนเองช่างปัญญาอ่อนเสียจริงๆ ที่ขุดหลุมพรางขนาดใหญ่ให้กับตนเองเช่นนี้ นางเกือบจะพาลูกน้อยไปตายด้วยแล้ว
นางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาเคาะศีรษะของตนเอง
ฝ่าบาททรงได้ยินเเสียง จึงทรงหันพระองค์กลับมาจากบนพระเก้าอี้ ทอดพระเนตรมองดูภรรยาตัวน้อยที่งดงามจนสะท้านใจผู้คน ดวงเนตรที่เดิมที่เย็นยะเยือก ค่อยปรากฏรอยแย้มสรวลขึ้นมา
ในดวงตาหงส์มีแต่ความรักอันลึกล้ำและความทนุถนอมอย่างที่สุด
พระหัตถ์ข้างหนึ่งของพระองค์โอบอุ้มทารกน้อยเอาไว้ พระหัตถ์อีกข้างยื่นออกไปหาตู๋กูซิงหลัน ตรัสว่า “ซิงซิง มาทางนี้”
………………….
ตอนพิเศษ 2 จีเอ๋อร์
เมื่อครู่นี้ตู๋กูซิงหลันยังจมดิ่งอยู่ในความงดงามของเขา พอเขาหันร่างกลับมา สายตากลับไปหยุดอยู่ผ้ากันเปื้อนบนร่างของเขาก่อน
ผ้ากันเปื้อนสีแดง ตรงอกยังมีรอยเปื้อนสีขาวของน้ำนมเลอะอยู่
ส่วนทารกน้อยในอ้อมแขนของเขา กำลังทำปากจุ๊บจั๊บด้วยอยากกินนม ดวงตากลมโตที่บริสุทธิ์สดใสราวหยดน้ำคู่นั้นกำลังจ้องมองไปที่เขาด้วยแววตาน่าสงสาร
ทั้งๆที่เป็นแค่ทารกน้อย แต่ว่าดวงตานั้นกลับแฝงความน้อยอกน้อยใจอยู่หลายส่วน ราวกับว่าเป็นเจ้าตัวแสบที่ถูกทอดทิ้ง
อ้ายโย่ว ร้ายกาจ!
ตู๋กูซิงหลันค่อยคิดได้ว่า นางคลอดลูกออกมาแล้วมิใช่หรือ?
หลังจากที่ฝ่าบาทพากลับมาที่ประเทศมี่ซือหลัว นางก็ถูกดูแลอย่างประคบประหงมมาโดยตลอด เพราะทั้งจิตวิญญาณและร่างกายบอบช้ำอย่างแสนสาหัส จึงได้แต่นอนอยู่บนเตียงมาตลอดหนึ่งเดือน และมีเขาคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา
ส่วนลูกนั้น ส่วนใหญ่แล้วแม่นมเป็นคนดูแล มีแค่อุ้มมาให้ดูเป็นครั้งคราว แม้แต่ยามป้อนนมก็ไม่ต้องเดือดร้อนนาง
อ้อ….ยามให้นม เป็นฝ่าบาทผู้หน้าไม่อายผู้นั้นแย่งนมมารดาจากปากตนเอง
บุตรชายที่น่าสงสารของนาง ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยได้ดื่มน้ำนมของมารดาแท้ๆเลยสักอึก
พอตู๋กูซิงหลันขยับเอว สาวเท้าเดินเข้าไป ก็เห็นฝ่าบาททรงส่งทารกให้กับผู้ดูแลที่รออยู่ด้านข้าง แค่เขาขยับขายาวๆมาก้าวหนึ่ง ก็มาถึงเปื้อนหน้าของนางแล้ว
พอยกมือขึ้นมา ก็โอบคนเข้าไปในอ้อมออก
กริยาระมัดระวัง แผลผ่าตัดที่ท้องของนางยังไม่หายสนิทดี เขากลัวว่าจะเผลอทำให้นางเจ็บเอาได้
พออุ้มภรรยาตัวน้อยเอาไว้ ก็ก้าวออกไปไม่กี่ครั้งก็ถึงโซฟา จัดให้นางนั่งลงบนตักกว้างของตนเอง
เขาลูบไล้เส้นผมของนางอย่างแผ่วเบา ใช้ปลายนิ้วเคาะเบาๆบนหน้าผากของนาง ปลายจมูกสัมผัสกับจมูกของนางอย่างคลอเคลีย ดวงตามีแต่ความรักถนอมจนแทบจะคั้นน้ำออกมาได้
“ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี สมควรจะต้องพักผ่อนให้มาก”
ที่จริงตู๋กูซิงหลันมีรูปร่างสูงโปร่ง แต่ว่าตอนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าจีเฉวียน นางกลับดูเหมือนสาวน้อยบอบบาง ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของเขา
ก็ร่างกายนี้ ทั้งอบอุ่นอ่อนโยน และมีพละกำลัง พอโอบนางเข้าไปทั้งตัว ก็ให้ความรู้สึกที่มั่นคง และปลอดภัย
เขาที่กลับมาเกิดใหม่ มิว่ารูปโฉมหรือว่าเรือนร่าง ก็เหมือนกับจีเฉวียนในตอนนั้นอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ตู๋กูซิงหลันจึงไม่มีความรู้สึกผิดแปลกเลยสักนิด
นางยื่นมือออกไป โอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ เอนศีรษะลงไปซบกับทรวงอกของเขา ถูไถน้อยๆ
“แต่ว่าข้าอยากมองเห็นเจ้า ต้องได้เห็นเจ้าอยู่ตลอดจึงจะวางใจ”
บนร่างของเขามีกลิ่นนมจางๆ เป็นกลิ่นที่ตู๋กูซิงหลันชื่นชอบ
หัวใจของฝ่าบาทถึงกับหลอมละลายกลายเป็นน้ำไปแล้ว
มิว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ตู๋กูซิงหลันมักจะสามารถจิ้มถูกจุดที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเขาได้อย่างง่ายดาย
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะอยู่ข้างกายเจ้าเสมอ ไม่แยกจากอีกแล้ว”
จีเฉวียนโอบกอดนางเอาไว้ จูบลงไปบนหน้าผากอย่างอดใจไม่ไหว
“รอให้ร่างกายของเจ้าฟื้นฟูดีแล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังโลกในมิติอดีต เรื่องของแดนสวรรค์จบสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว
ตี้เสียก็ตายไปแล้ว จากนี้เป็นต้นไปไม่มีผู้ใดเป็นมารร้ายอีกแล้ว”
“อืม” ตู๋กูซิงหลันพยักหน้า ทั้งๆที่ซุกอยู่ในอกของเขา ที่โลกโบราณแห่งนั้นมีคนมากมายที่นางไม่อยากละทิ้ง ทั้งญาติสนิทและมิตรสหาย พวกเขาล้วนกำลังห่วงใยในตัวนางและจีเฉวียนอยู่ สมควรกลับไปหาจริงๆ
“อุ แว๊ แว๊….” อีกด้านหนึ่ง ทารกน้อยที่ถูกละทิ้งอย่างไม่สนใจเลยสักนิดทนไม่ไหวอีกต่อไป
เขาส่งเสียงร้องอ้อแอ้ออกมา ถีบขาน้อยๆ ชูมือป้อมๆขึ้นมาทางตู๋กูซิงหลัน
ทั้งๆที่เป็นเพียงทารกที่พึ่งจะอายุครบเดือน พละกำลังกลับมีมากจนคนต้องประหลาดใจ
เจ้าตัวน้อยไม่พอใจอย่างยิ่ง คนว่ากันว่า ความรักของบิดามารดานั้นคือแท้จริง ลูกเป็นเพียงคนนอก นี่เขากลายเป็นคนนอกไปแล้วจริงๆด้วย!
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ท่านแม่ยังมองดูเขาไม่ถึงสองครั้งเลย ราวกับว่ามิได้คลอดออกมาเองเสียอย่างนั้น
“โอ๋ๆ เด็กดี” ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะได้เป็นมารดา ความรู้สึกในตอนนี้จึงยังเหมือนกับว่าฝันไป
พอได้ยินเจ้าตัวน้อยร่ำร้องอย่างโกรธเคือง นางถึงได้คิดจะอุ้มเขาขึ้นมา
ผู้ดูแลรีบนำเจ้าตัวน้อยไปส่งให้ เจ้าตัวน้อยพอได้อยู่ในอ้อมกอดของตู๋กูซิงหลัน ก็หยุดร้องในทันที ปากก็ดูดนิ้วโป้งของตนเอง มองไปที่ตู๋กูซิงหลันด้วยท่าทางน่าสงสาร
เขาชอบมารดาที่สุดแล้ว!
ตู๋กูซิงหลันมองดูเจ้าตัวกลมน้อยที่มีแต่เนื้อนุ่มๆ ก็คิดถึงตอนนั้นที่นางเข้าใจว่าจีเฉวียนไม่อาจกลับมาได้แล้ว จึงคิดจะพาเขาตายไปด้วยกัน….
ในใจก็ต้องรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมา
นางอาจจะเป็นภรรยาที่ดี แต่มิได้เป็นมารดาที่ดี
ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรมองดูนาง ก็อดจะกอดคนให้แนบแน่นขึ้นอีกหน่อยไม่ได้ “ช่วงเวลานั้นซิงซิงลำบากที่สุดแล้ว หากมิใช่เพราะว่าเจ้าตัวน้อยนี้ทรมานเจ้า เจ้าก็คงไม่ต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปมากมายถึงเพียงนั้น”
ยิ่งไม่ต้องเสี่ยงอันตรายขณะที่คลอดออกมาเช่นนั้นด้วย
เจ้าตัวน้อย “! ! !”
เขารู้สึกว่าบิดาพูดจาไม่ถูกเรื่องแล้ว!
แย่งนมเขากินก็แล้วไปเถอะ แต่ยังจะมาพูดจาว่าร้ายเขาต่อหน้ามารดาอีก ช่างเป็นบิดาที่ร้ายกาจจริงๆ!
ตู๋กูซิงหลันเกือบรู้สึกว่าตนเองตาลายแล้ว เมื่อครู่นางเห็นเจ้าตัวน้อยถลึงตาใส่บิดาของเขาใช่ไหม?
แต่พอนางมองดูให้ดี ก็เห็นเจ้าตัวน้อยทำตาน่าสงสาร ในดวงตามีหยาดน้ำตาคลอ
ตู๋กูซิงหลันเกิดสำนึกของความเป็นแม่ขึ้นมาในทันที นางคลายมือจากฝ่าบาท อุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาจูบอยู่หลายครั้ง
“เด็กดีที่ว่าง่าย มารดารักเจ้านะ”
“ฮือ ฮือ ฮือ” เจ้าตัวน้อยทำตัวออดอ้อนน่าสงสาร ต้องการให้นางจูบอีก”
ฝ่าบาท “พอแล้ว”
เจ้าตัวน้อย “หึ”
ตู๋กูซิงหลันเห็นท่าทางของสองคนนี้ทำเอาต้องหัวเราะออกมา นางลูบไล้เส้นผมของเจ้าตัวน้อยเบาๆ เอ่ยว่า “จะว่าไป ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้กับเขาเลยนะ”ว่าแล้ว นางก็หันไปมองทางฝ่าบาท “เจ้ามีชื่ออะไรอยู่ในใจหรือไม่?”
ฝ่าบาทเงียบงั้นไปครู่หนึ่ง เรื่องการตั้งชื่อนี้ เกรงว่าเขา….
อืม ชื่อเดียวที่มีอยู่ก็คือ เมียเมีย
“ข้าเคยคิดเอาไว้ตลอดมา ทบทวนอยู่หลายครั้งหลายหน ก็ยังไม่มีชื่ออื่น”
การตั้งชื่อให้กับลูก มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของซิงซิงย่อมดีอยู่แล้ว
จะให้เขาแซ่จีก็ดี แซ่เยี่ยก็ได้ หรือจะใช้แซ่ตู๋กู ตนก็ไม่มีความเห็น
ขอเพียงแค่ซิงซิงชื่นชอบ จะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ตู๋กูซิงหลันเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่น ก็ยื่นมือไปนวดคิ้วให้เขา “ฟ้าถล่มลงมา ยังไม่เคยเห็นเจ้าเคร่งเครียดเช่นนี้ ให้ตั้งชื่อลูก ลำบากเจ้าแล้ว”
นางหัวเราะอย่างร่าเริง พลางหันมามองดูเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกอีกครั้ง เห็นเขาเหมือนกับจีเฉวียนที่จำลองออกมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ชื่อหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“ถ้าเช่นนั้น ก็เรียกเขาว่า จีเอ๋อร์ (姬) เถอะนะ ทั้งเรียบง่าย กระชับ ถ่อมตน และสง่างาม ข้าพอใจมากแล้ว”
ฝ่าบาท “จีเอ๋อร์…..”
พระองค์ค่อยๆทบทวนดูรอบหนึ่ง รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆอยู่บ้าง แต่ก็บอกไม่ถูก
แต่พอทอดพระเนตรเห็นตู๋กูซิงหลันหัวเราะอย่างมีความสุข ก็เห็นด้วยกับภรรยาตัวน้อยในทันที เอ่ยว่า “ซิงซิงตั้งเอง ย่อมยอดเยี่ยม”
มีแต่เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนของตู๋กูซิงหลันที่ทำสีหน้าตะลึงเหมือนถูกบีบบังคับ
เขารู้สึกว่าตนเองถูกบิดามารดาขุดหลุมพรางเข้าแล้ว
ต่อไปภายหน้า ใครๆ ต่างก็เรียกเขาว่า จีเอ๋อร์ (พ้องเสียงกับคำว่า 鸟=ลูกนก) อี๋ แค่คิดก็ย่ำแย่แล้ว!
ท่านพ่อท่านแม่พูดจริงหรือไม่? จะตั้งชื่อนี้ให้เขาจริงๆหรือ?
ตู๋กูซิงหลัน “เจ้าดูสิ เจ้าตัวน้อยตาเป็นประกายเลย แสดงว่าต้องเห็นด้วย”
จีเอ๋อร์ตัวน้อย “! ! !”
ท่านแม่ เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดหมดแล้ว!
…………
หลังจากนั้นอีกหลายหมื่นปี ชื่อจีเอ๋อร์นี้ ก็เป็นที่รู้จักไปทั่งทั้งหกภพภูมิ
………….