บทที่ 646
พูดจบ เฉินจื๋อข่ายหันหลังแล้วเดินจากไป
อู๋ตงไห่นั่งลงกับพื้น เขาใช้มือปิดหน้าแล้วร้องไห้อย่างเงียบ ๆ
เกียรติยศศักดิ์ศรีที่สะสมมาทั้งชีวิต วันนี้ถูกเหยียบย่ำจนไม่มีอะไรเหลือ!
เมื่อชีวิตคนถึงจุดนี้ แม่งฉิบหายมันยังมีความหมายอะไร?
ประเด็นหลักคือ ตนเองจะสู้ตระกูลเย่ได้อย่างไร? แม้ว่าความแค้นในวันนี้จะลึกเท่าท้องทะเล แต่ตนเองก็ไม่มีทางที่จะล้างแค้นได้ หรือแม้แต่จะคิดก็คิดไม่ได้…….
ยังมีเรื่องอะไร ที่ทำให้คนเจ็บปวดมากกว่านี้ไหม?
ยังมีอีก!
บนติ๊กต็อก คลิปวิดีโอรายการเล่นตลกที่พ่อลูกตระกูลหลิวโพสต์ยังคงแพร่กระจายไปอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ยอดไลน์มีมากกว่าสามล้านครั้ง ซึ่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว.. …
สิบนาทีต่อมา นักบินสองคนบนเฮลิคอปเตอร์ และช่างเครื่องหนึ่งคนได้นั่งแท็กซี่มาแล้ว
ในที่สุดอู๋ตงไห่ก็ได้เห็นผู้ช่วยชีวิตของตนเองมาถึงแล้ว
ทั้งสามคนได้พาตนเองและลูกชายอู๋ซินขึ้นบนรถก่อน จากนั้นก็พาสุนัขรับใช้ทั้งห้าคนขึ้นด้วย คนขับรถพาพวกเขาไปที่สนามเด็กเล่นของโรงเรียนประถมที่เฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ ทั้งสามคนพาคนทั้งเจ็ดคนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ด้วยความยากลำบาก เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นในความมืด แล้วรีบบินกลับไปที่ซูหาง
ตอนที่พ่อลูกตระกูลอู๋มาเมืองจินหลิง พวกเขามาด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ด้วยความหยิ่งยโสโอหังมาก!
แต่ใครจะคาดคิดว่า เมื่อตอนที่ทั้งสองคนจากไป มือและเท้าของพวกเขาหัก และได้รับความอับอาย ราวกับสุนัขที่ถูกปลิดชีพ!
อู๋ตงไห่กับอู๋ซินสองพ่อลูกอยู่ในห้องโดยสารบนเครื่องบิน มองไปที่ทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันเจริญรุ่งเรืองของเมืองจินหลิง แล้วก็กอดคอกันร้องไห้!
ไม่มีใครคาดคิดว่า การเดินทางมาเมืองจินหลิงครั้งนี้ จะจบลงด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้!
สองคนพ่อลูกร้องไห้เป็นเวลานาน และในที่สุดก็คลายอารมณ์โศกเศร้าลงไปบ้าง อู๋ซินจับมือที่หักของตนเอง แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “พ่อ ผมไม่เข้าใจ ไอ้ขยะเย่เฉิน เป็นเพียงลูกเขยแต่งเข้าตระกูลเล็ก ๆ ทำไมถึงมีความสามารถเช่นนี้ พวกจางจื่อโจวห้าคนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
ขณะพูด เขาพูดอย่างโมโหอีกว่า “ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ผมรู้สึกว่า ที่ตระกูลเย่พุ่งเป้ามาที่พวกเรา ไม่ใช่เพราะว่าไอ้ขยะอย่างจางจื่อโจวทำร้ายคนของป๋ายจินฮ่านกงจนได้รับบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนว่าตระกูลเย่ช่วยเย่เฉิน!”
สีหน้าของอู๋ตงไห่ซีดเซียว แล้วกล่าวว่า “ลูกคิดมากเกินไปแล้ว! เย่เฉินเป็นเพียงลูกเขยยาจกแต่งเข้าเท่านั้น และตัวเขาเองมีความสามารถนิดหน่อยเท่านั้น เมื่อก่อนเขาอาจเคยฝึกฝนกับผู้เชี่ยวชาญมาก่อน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่!”
อู๋ซินกล่าวว่า “แล้วทำไมตระกูลเย่ถึงช่วยเขา?! อีกอย่างพวกเขาก็แซ่เย่เหมือนกัน หรือไม่พวกเขาเป็นญาติห่าง ๆ กันหรือเปล่า?”
อู๋ตงไห่ส่ายศีรษะ แล้วกล่าวว่า “ลูกเห็นไหมว่าตระกูลเย่ปกป้องคนในตระกูลขนาดไหน? ไม่ว่าจะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และผู้จัดการล็อบบี้ ก็ไม่ยอมให้ใครรังแก ซึ่งพวกเขาสามารถหักหน้ากับตระกูลอู๋ได้ด้วยเหตุนี้! ถ้าหากเย่เฉินเป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลเย่ ตระกูลเย่จะนิ่งดูดายให้เขาอยู่ในฐานะลูกเขยแต่งเข้าในเมืองจินหลิงได้อย่างไร?”
อู๋ตงไห่กล่าวต่อไปอีกว่า “พ่อเคยได้ยินมาว่า ครอบครัวภรรยาดูถูกเหยียบหยามเย่เฉินเป็นอย่างมาก ประเด็นสำคัญก็คือครอบครัวของภรรยาของเขาแม้แต่ตระกูลชนชั้นสามก็ไม่ถึงด้วยซ้ำไป ถ้าหากเขาเป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลเย่จริง ๆ ตระกูลเย่ต้องสั่งสอนทำให้ครอบครัวภรรยายอมอ่อนข้อเขาแล้ว!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อู๋ตงไห่ก็รู้สึกเสียใจ และกล่าวว่า “ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเย่เฉินจะเป็นคนที่มีความสามารถเช่นนี้ พ่อก็จะระดมยอดฝีมือสิบหรือยี่สิบคน ฆ่าเขาเสียในครั้งเดียว! ถึงจะลำบากตอนแรกแต่มันก็ทำให้เรื่องจบในคราวเดียว ! จะได้ไม่มีปัญหามากมายในภายหลัง!”
เมื่อเอ่ยถึงเย่เฉิน อู๋ซินรู้สึกเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ และรีบถามว่า “พ่อ ต่อจากนี้เราจะจัดการอย่างไรกับเย่เฉิน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเพราะเย่เฉิน! หากไม่ใช่เพราะเขาทำร้ายพวกจางจื้อโจวห้าคน พวกเขาก็คงไม่ล่วงเกินเฉินจื๋อข่าย ตระกูลเย่ก็ไม่สามารถตำหนิเราได้ ยังไงก็จะไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน!”
อู๋ตงไห่กล่าวอย่างเย็นชา “สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเราเป็นอย่างมาก ถ้าจะจัดการเย่เฉินตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องฉลาด รอให้พวกเรากลับไปที่ซูหางก่อน พวกเราถ่อมตนสักพัก และรอให้พายุลูกนี้ผ่านไป แล้วค่อยพิจารณาวางแผนระยะยาว!”
อู๋ซินตกใจและถามว่า “พ่อ เย่เฉินทำให้ตระกูลอู๋ของเราต้องเสียหน้าต่อหน้าผู้คนทั้งประเทศ หรือว่าพ่อจะช่างมัน?”
อู๋ตงไห่กล่าวด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “จะช่างมันได้อย่างไร?! ใครก็ตามที่กล้าล่วงเกินตระกูลอู๋ของพวกเรา ต้องชดใช้ด้วยชีวิต! การแก้แค้นเย่เฉิน ความแค้นสำหรับที่มันหักมือและขา และความแค้นที่ย่ำยีศักดิ์ศรีของตระกูลอู๋ พ่อจะต้องให้เขาชดใช้ด้วยเลือด! ให้เขาตายโดยไม่มีที่ฝังไร้ดินกลบหน้า!!!”