ตอนที่ 1036: พบกับหยางหลิงอีกครั้ง (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1036: พบกับหยางหลิงอีกครั้ง (1)

“ไคยุน เจ้ามันโง่ เจ้ามันโง่เสียจริง ทำไมเจ้าถึงได้ทำแบบนี้ ? ทำไม ? ” เฮาหวู่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาแตะไปที่ใบหน้าที่ซีดของซาร์ ไคยุนด้วยมือที่หยาบกร้านของเขา เขารู้สึกปวดใจ

ใบหน้าของซาร์ วีมอสก็เต็มไปด้วยน้ำตา เขาก็เสียใจมากเมื่อเขาเห็นความเจ็บปวดของเหลนของเขาเพราะนางเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา มันเป็นเพราะเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่นำมาสู่ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับซาร์ไคยุน

“เฮ้อ ข้าเสียใจ ข้าเสียใจ” ซาร์ วีมอสพูดออกมาอย่างเจ็บปวด สภาพของซาร์ ไคยุนต้องมีผลกระทบอย่างรุนแรงกับอำนาจของตระกูลแน่

“ไคยุน ตื่นเร็วเข้า ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน บ้านที่เป็นของพวกเรา พวกเราจะใช้ชีวิตอย่างที่พวกเราเคยอยู่” เฮาหวู่พึมพำเงียบ ๆ เพราะเขาต้องการที่จะทำให้นางตื่น อย่างไรก็ตาม ตาของซาร์ ไคยุนก็ไม่แม้แต่จะขยับ เหมือนว่านางไม่ได้ยินเขาเลยแม้แต่น้อย

“เฮาหวู่ ส่งไคยุนมาให้ข้า ตระกูลซาร์จะใช้ทุกอย่างที่พวกเรามีเพื่อช่วยนาง” ซาร์ วีมอสพูดกับเฮาหวู่

สายตาที่โศกเศร้าของเฮาหวู่เป็นประกายแหลมคมขึ้นมาเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาจ้องไปที่ซาร์ วีมอส ด้วยความไม่พอใจและพูดออกมาอย่างเย็นชา “ซาร์ วีมอส คิดถึงเรื่องที่เจ้าทำเมื่อหลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้ายังมีเกียรติอะไรเหลืออยู่ที่จะเอาไคยุนไปจากข้า ? เจ้าไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์ ซาร์ วีมอส ถ้าไม่เป็นเพราะไคยุน เจ้าคิดว่าตระกูลซาร์จะอยู่ได้อย่างไร้กังวลเหมือนเช่นตอนนี้อย่างนั้นหรือ ? “

คำพูดของเฮาหวู่เหมือนน้ำเย็นที่สาดใส่ซาร์ วีมอส ร่างทั้งหมดของเขาเย็นขึ้นในขณะที่เขายืนอยู่อย่างเหม่อลอย วิญญาณของเขาดูเหมือนจะหลุดลอยออกจากร่าง

จากนั้น เฮาหวู่ก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน เขามองผ่านรุยจินและเฮยยู่จากหางตาของเขา แววความกลัวปรากฏลึกอยู่ในตาของเขาในขณะที่เขาพูดออกมา “เจี้ยนเฉิน ไคยุนไม่ได้เป็นคนของตระกูลซาร์แล้ว ในตอนนี้นางก็ตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนา ข้าหวังว่าเจ้าจะหมดความบาดหมางที่มีกับนาง เรื่องของตระกูลซาร์ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว เจ้าพอใจหรือยัง ? “

ท่าทางของเจี้ยนเฉินสับสนมาก เขาพยักหน้าช้า ๆ แล้วพูด “ผู้อาวุโสเฮาหวู่ ให้ข้าถามท่าน 1 คำถาม ความสัมพันธ์ของท่านกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์คืออะไรอย่างนั้นหรือ ? ” แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะคาดเดาไปแล้วเฮาหวู่นั้นเป็นบิดาของนาง แต่เขาก็ต้องการที่จะได้ยินมันจากปากของเฮาหวู่

ใบหน้าของเฮาหวู่มืดมนลงทันทีหลังจากนั้น เขาพูดอย่างคอตก “นางเป็นลูกสาวของข้า แต่นางไม่คิดว่าข้าเป็นพ่อของนาง” เฮาหวู่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเมื่อเจี้ยนเฉินพูดถึงหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เขาปวดใจ

แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ก่อนหน้าแล้ว แต่เจี้ยนเฉินก็ยังคงอ้าปากค้างในใจหลังจากที่เขาได้รู้เรื่องนี้จากเฮาหวู่ด้วยตัวเอง

เจี้ยนเฉินสงบลงอย่างรวดเร็ว เขาบินไปข้าง ๆ เฮาหวู่อย่างช้า ๆ และจ้องไปที่ซาร์ ไคยุนที่ไม่ได้สติด้วยความรู้สึกสับสน หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย เจี้ยนเฉินก็หลับตาลงช้า ๆ

ทันใดนั้นเอง บอลแสงสีขาวนวลที่เข้มข้นมากก็เริ่มเปล่งประกายออกมาจากเจี้ยนเฉิน มันครอบคลุมร่างทั้งร่างของเขาเอาไว้และบดบังรูปร่างของเขาเอาไว้ เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะกลายเป็นพระเจ้าที่เปล่งปลั่งที่อาบไปด้วงแสง ท่าทางที่เคร่งเครียดของเขาดูน่าเกรงขามและสูงส่ง ราวกับว่าไม่มีอะไรจะมากระทบเขาได้

“นี่คือพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสง ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นระดับ 7 แล้ว” ประธานและผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงร้องอุทานออกมาเมื่อพวกเขาได้เห็นแบบนี้ พวกเขาตะลึง แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเอาวัตถุเซียนของสมาคมไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 จะเป็นระดับ 7 ได้ มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทวีปที่คนที่มีอายุเท่าเจี้ยนเฉินจะบรรลุระดับ 7 ได้

“เขาเป็นอัจฉริยะจริงจริง แต่ว่าน่าเสียดาย…” ประธานส่ายหัวในขณะที่เขาถอนหายใจ ความเสียดายเต็มอยู่ทั่วใบหน้าของเขา

เจี้ยนเฉินใช้พลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงเพื่อที่จะรักษาซาร์ ไคยุนด้วยตัวเอง การตัดสินใจของเขาเกี่ยวกับเรื่องของซาร์ ไคยุนได้แสดงออกมาผ่านการกระทำนี้ของเขาแล้ว

แม้ว่าเขาและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่เรื่องที่ควรจะเกิดหลังแต่งงานก็ได้เกิดขึ้นไปแล้วระหว่างพวกเขา หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เป็นลูกสาวของเฮาหวู่ ในขณะที่ซาร์ ไคยุนและเฮาหวู่นั้นก็รักกันมาก ความรักระหว่างพวกเขานี้ทำให้เจี้ยนเฉินซาบซึ้ง เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสามคนถึงได้ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ซับซ้อนขนาดนี้ แต่จากความสัมพันธ์ที่เห็นที่ภายนอกตอนนี้แล้ว เจี้ยนเฉินก็มั่นใจในทางเลือกของเขา

ถ้าเขาพยายามที่จะเอาชีวิตซาร์ ไคยุนต่อ เฮาหวู่ต้องสู้จนสุดชีวิตแน่ เขาก็คงต้องบาดหมางกับเฮาหวู่ ซึ่งไม่ใช่อะไรที่เจี้ยนเฉินอยากให้เป็น

อีกทั้ง หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ยังเข้ามาป้องกันการต่อสู้ในตอนที่พวกเขากำลังจะปะทะกันอย่างลับ ๆ ด้วย บางที หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อาจจะไม่ต้องการที่จะเห็นพ่อของนางกับเจี้ยนเฉินสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง

เขาได้รู้ว่ามาจากเฮาหวู่ว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่คิดว่าเฮาหวู่เป็นพ่อ แต่ยังไงพวกเขาก็ยังเป็นพ่อลูกกันอยู่ดี

บากแผลจากดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ของรุยจินนั้นค่อนข้างสาหัส พลังงานดั้งเดิมที่ทรงพลังได้กินเนื้อของนางไปและทำให้เกิดรูเท่ากำปั้น แต่ด้วยคุณสมบัติฟื้นฟูของพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสง เจี้ยนเฉินก็ใช้เพียงพลังงานสายเดียวเพื่อที่จะรักษาซาร์ ไคยุนได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม นางก็ยังไม่ตื่นขึ้น

การกระทำของเจี้ยนเฉินทำให้เฮาหวู่ซาบซึ้งมากและเขาก็ขอบคุณเจี้ยนเฉินอย่างต่อเนื่อง เขารู้พื้นฐานของเจี้ยนเฉินดี เจี้ยนเฉินเป็นคนที่แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบยังทำอะไรไม่ได้ นอกเหนือไปจากนั้น เขายังมีจอมยุทธที่ทรงพลังมากถึง 2 คนคอยติดตามอยู่ จอมยุทธที่แม้แต่เซียนจักรพรรดิมนุษย์และสัตว์อสูรยังทำอะไรไม่ได้และต้องหนีไป

อย่างไรก็ตาม เฮาหวู่ไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ในตอนนี้

“ข้าได้รักษาบาดแผลทั้งหมดของนางด้วยพลังเซียนธาตุแสงแล้ว แต่ข้าทำอะไรไม่ได้กับอาการบาดเจ็บของวิญญาณของนาง” เจี้ยนเฉินถอนหายใจเบา ๆ

“ข้าจะหาทางที่จะรักษาวิญญาณที่บาเจ็บของไคยุน ข้าไม่สามารถชดเชยให้กับนางได้และเป็นข้าเช่นกันที่ทำให้นางเป็นแบบนี้ ข้าจะใช้เวลาในชีวิตที่เหลือทำสิ่งที่เหมาะสมให้กับไคยุน” เฮาหวู่เพ่งไปที่ใบหน้าของไคยุน จากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับนางที่อยู่ในอ้อมแขน เขาหายไปที่เส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว

“ไคยุน ! ” ซาร์ วีมอสร้องออกมาอย่างเศร้าโศกในขณะที่เขาจ้องตาไม่กระพริบไปในทิศทางที่นางหายไป เข้าเต็มไปด้วยความกังวลและไม่อยากที่จะแยกห่างจากนาง

ในตอนนี้เอง เซียนผู้คุมกฎมากกว่าเดิมก็รีบเข้ามาจากรอบ ๆ พวกเขาดูการต่อสู้อยู่แต่ไกล พวกเขาถูกดึงดูดมาด้วยการต่อสู้ที่ดุเดือดก่อนหน้านี้

เจี้ยนเฉินมองผ่านไปที่ที่ส่างข้างหน้า วิญญาณของเขานั้นทรงพลังมาก ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ถึงเซียนราชาหลายคนที่ซ่อนอยู่ได้อย่างชัดเจน ภายในนั้นรวมถึงหัวหน้าตระกูลคาร่าด้วย

เจี้ยนเฉินไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสร้างความบาดหมางกับตระกูลทั้งแปดและตระกูลซาร์หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฮาหวู่ เขาพูดกับคนของตระกูลทั้งแปดอย่างเย็นชา “ข้าจะไม่เอาเรื่องที่พวกเจ้าทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อหลายปีที่แล้วเพราะผู้อาวุโสเฮาหวู่ พวกเจ้าอาจจะไม่ถูกฆ่าตาย แต่พวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษ”

หลังจากนั้น เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดของตระกูลทั้งแปดก็โล่งใจ ทั้งหมดแสดงท่าทางโล่งอกออกมาเหมือนว่าพวกเขาพึ่งหนีจากหายนะมาได้ สิ่งที่พวกเขากลัวมากที่สุดก็คือการที่เจี้ยนเฉินจะล้างแค้นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน และพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าเจี้ยนเฉินจะทำแบบนั้น

“เจี้ยนเฉิน ตระกูลเจิ้งของข้าเต็มไปด้วยความเสียใจกับเรื่องที่พวกเราทำกับเจ้าเมื่อหลายปีก่อน เพื่อเป็นการขอบคุณที่ไม่ฆ่าข้า ข้าจะทำให้ตัวข้าเองบาดเจ็บสาหัสเป็นการตอบแทน” เซียนผู้คุมกฎของตระกูลเจิ้งพูดขึ้นมาก่อน จากนั้นเขาก็ชกเข้าไปที่หน้าอกของตัวเอง เลือดกระจายออกมาจากปากของเขาไปที่อากาศในขณะที่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลังจากนั้น เซียนผู้คุมกฎคนอื่น ๆ ของตระกูลทั้งแปดก็ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน พวกเขาชดใช้ให้กับสิ่งที่พวกเขาได้ทำไปกับเจี้ยนเฉินเมื่อหลายปีก่อนเพื่อเป็นการขอบคุณที่เจี้ยนเฉินไม่ฆ่าพวกเขา

ภาพเหล่านี้ทำให้เกิดการพูดคุยกันในหมู่คนที่กำลังดูอยู่ พวกเขาเริ่มซุบซิบกัน

ความบาดหมางระหว่างเจี้ยนเฉินและตระกูลทั้งแปดเมื่อหลายปีก่อนถึงบทสรุปแล้วในที่สุด แม้ว่าเฮาหวู่และซาร์ ไคยุนมาทำให้แผนการของเจี้ยนเฉินปั่นป่วนและทำให้เขาไขว้เขว แต่มันก็เป็นบทสรุปที่ดีเยี่ยมแล้ว

จากนั้น เจี้ยนเฉินก็ไปถึงตรงหน้ากลุ่มคนของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหลังจากที่เขาจัดการกับเรื่องตระกูลทั้งแปด เขาป้องมือและพูดออกไป “เจี้ยนเฉินขอคารวะท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุด”