“อาจารย์ ศิษย์น้องเล็กนั้น…เหมือนจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของท่านมากจนได้ออกคำสั่งเชิญเย่หยวนไปยังอาณาจักรวิญญาณประจิมแล้ว” จีโมกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลยืนมือไขว้หลังอยู่ตรงหน้าเขาก่อนที่จะยื่นมือนั้นออกมาพร้อมส่งกระดานหมากล้อมขนาดเท่าโต๊ะออกมา
“จีโม เจ้านำกระดานนี้ไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิหมื่นช้าง” ยี่กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
จีโมต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์ นี่…นี่มันกระดานหมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ ที่ท่านศึกษามานับล้าน ๆ ปี! ท่านกลับจะเอาไปให้เจ้าเด็กคนนี้มันแก้หรือ? ท่าน…คงไม่ได้คิดว่ามันเก่งพอจะเป็นรองมหาปราชญ์จริง ๆ หรอกใช่ไหม?”
พูดไปจีโมก็ยิ่งแสดงน้ำเสียงเจ็บช้ำมากขึ้นเท่านั้น
ตัวเขาได้แต่ยกมือขึ้นมาทาบอกของตน เขารู้สึกเวลาตอนที่เขายังเป็นเด็กหนุ่มตัวเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่หยวนเลย
แต่ทว่าตัวเขานั้นกลับไม่ได้รับการชื่นชมและยอมรับขนาดนี้จากอาจารย์ของตน
ยี่หันมามองจีโมอย่างเอ็นดูด้วยรอยยิ้ม “รองมหาปราชญ์? หึ ๆ จีโม ยิ่งคนเราสนใจเรื่องชื่อนี้มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้ไม่กล้าทำอะไรใหญ่โตมากเท่านั้น! ศิษย์น้องของเจ้านั้นต่างสนใจชื่อนี้มากจนเกินไป! สำหรับคนที่เดินตามเส้นทางเต๋าแล้ว ชื่อเสียงใด ๆ มันย่อมจะเป็นแค่ของภายนอก มีเพียงกำลังความสามารถเท่านั้นที่แท้จริง!”
จีโมที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย เขารีบก้มหัวลงด้วยใบหน้าอับอายในทันทีที่ได้ยิน “ที่อาจารย์ว่ามามันถูกต้องที่สุด จีโมทราบถึงมันแล้ว”
หลายวันมานี้พวกเขาศิษย์พี่น้องทั้งหลายต่างจะต้องหันไปสนใจชื่อรองมหาปราชญ์นี้อย่างช่วยไม่ได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียในหมู่ศิษย์พี่น้องทั้งหลายที่ติดตามมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมานานแสนนานก็ไม่เคยจะมีใครที่ได้รับนามนี้ไปครอง
แต่วันนี้เด็กน้อยอาณาจักรเทพถ่องแท้คนหนึ่ง แค่จอมเทพโอสถหกดาวคนหนึ่งมันกลับได้รับฉายานามนั้นไป
คำว่า ‘รองมหาปราชญ์’ นี้มันหมายความว่าอย่างไร?
นั่นมันหมายถึงตัวตนที่เป็นรองแค่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังเป็นเกียรติที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมอบให้ด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้พูดปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากฝัน จีโมจึงได้แต่ต้องก้มหัวลงรับอย่างอับอาย
เขาได้หันมามองจีโมด้วยรอยยิ้ม “เหล่านักยุทธทั้งหลายที่กล่าวว่าตนเองเดิมตามเส้นทางเต๋านั้นมันต่างเป็นแค่เรื่องตลก เรื่องราวบนโลกหน้านี้มันมีมากมายหลากหลายจะมีสักกี่คนที่ทิ้งมันลงสิ้นเพื่อเดินตามยอดเต๋า? ต่อให้จะเป็นเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายที่อยู่สูงล้ำฟ้านั้นก็คงไม่อาจจะทิ้งเรื่องราวทางโลกไปได้สิ้น แต่เย่หยวนคนนี้ ข้าได้มองดูเขามายาวนาน เส้นทางเต๋าของเขานั้นแตกต่างจากผู้คน! ในเต๋าโอสถนี้เขาทั้งบริสุทธิ์และมุ่งมั่นไม่เคยหวั่นไหว! เรื่องนี่เองที่เป็นความแตกต่างระหว่างพวกเจ้าทั้งหลายและตัวเขา!”
จีโมที่ได้ยินก็ยิ่งแสดงสีหน้าอับอายออกมา ยิ่งเขาได้ติดตามมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมานานเท่าใด เขาก็ยิ่งได้รู้ว่าตัวเองช่างตื้นเขินเหลือเกิน
ตัวเขานั้นถึงแม้จะเข้าใจ แต่ก็ไม่อาจทำได้
เพราะในโลกหล้านี้ มันจะมีใครบ้างที่ไม่เข้าใจว่าหากต้องการเดินบนเส้นทางเต๋าต้องทำอย่างไร?
แต่หลังจากก้าวมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้ว การบ่มเพาะใด ๆ มันก็ต้องใช้เวลานับล้าน ๆ ปี จะมียอดฝีมือสักกี่คนที่ยังมุ่งมั่นได้จนครบช่วยเวลานั้น?
เพราะเวลานี่เองคืออาวุธที่โหดร้ายที่สุด!
ตั้งแต่โบราณกาลมามีเทพสวรรค์หรือจักรพรรดิเทพสวรรค์มากมายเท่าใดแล้วที่ต้องตายลงด้วยดาบที่ชื่อกาลเวลานี้?
“ที่อาจารย์พูดมามันได้ทำให้จีโมเข้าใจอย่างลึกซึ้ง!” จีโมกล่าว
“ฮ่า ๆ ไปเถอะ! ตอนนี้ข้าอดทนรอไม่ไหวที่จะได้ประลองกับเจ้าหนุ่มคนนี้แล้ว ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ทำให้เลือดเดือดพล่านดีจริง ๆ!”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นจ้องมองผ่านความมืดมินทะลุผ่านดวงดาวจนราวกับว่าเขากำลังมองดูที่ทุ่งราบสุดอุดรนั้นอยู่
…
“หึ ๆ ดูท่า…มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็คงไม่อาจทนความเดียวดายได้อีกต่อไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของกงหยางเลี่ย เย่หยวนก็ค่อย ๆ ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก
ตอนนี้ดวงตาของเขานั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าราวกับว่าจะมองทะลุมิติไปสบสายตากับใครบางคนได้
สหายทางวิญญาณที่แท้จริงมันคือเช่นนี้ แม้จะยังไม่ได้พบกันแต่กลับรู้สึกถึงกันได้
เพียงแค่ว่าคำพูดนี้ของเย่หยวนมันฟังไม่เข้าหูกงหยางเลี่ยอย่างมาก
“หึ! รองมหาปราชญ์อย่างได้ลืมไป ชื่อของท่านนี้ถูกตั้งโดยมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะเคารพคนที่มอบตำแหน่งให้ตนหน่อย!” กงหยางเลี่ยกล่าวขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ
ความไม่พอใจของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันจะยิ่งใหญ่ปานใด?
เลี่ยเฟิงและพวกเทพสวรรค์ทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่นั้นแทบไม่ได้อาจจะเงยหน้าขึ้นมาได้
ในสายตาของกงหยางเลี่ยแล้ว ตัวตนของมหานักบวชขนแดงย่อมจะอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง
เช่นนั้นแล้วคนที่เป็นอาจารย์ของผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งอย่างมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเล่า?
ไม่ว่าปากของเขาจะเรียกร้องมหาปราชญ์เช่นใด แต่สุดท้ายคนที่ยอมรับชื่อนั้นจริง ๆ มันก็มีไม่มาก
เย่หยวนหันไปมองดูกงหยางเลี่ยด้วยรอยยิ้ม “เคราแพะ วันหน้าเจ้าจะได้เข้าใจมันเอง มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นเขาได้… โดดเดี่ยวเดียวดายมานานมากพอแล้ว พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก”
กงหยางเลี่ยนั้นแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาแต่ก็ไม่ได้เถียงใด ๆ แค่พ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่พอใจเท่านั้น
เพราะก่อนที่จะมานั้นมหานักบวชขนแดงได้กำชับเขาไว้อย่างหนักแน่นว่าอย่าได้เสียมารยาทกับรองมหาปราชญ์
กงหยางเลี่ยนั้นสุดท้ายก็เป็นแค่คนรับใช้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจกล้าขัดคำสั่ง
“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ ครึ่งปีจากนี้ข้าจะไปตามคำเชิญ” เย่หยวนยกมือขึ้นโบกไล่กงหยางเลี่ย
กงหยางเลี่ยเองก็ยิ้มเย้ยขึ้น “ดีมาก! หวังว่าครึ่งปีจากนี้ท่านรองมหาปราชญ์จะไม่ทำให้กงหยางผิดหวัง! ลาก่อน!”
พูดจบกงหยางเลี่ยก็จางหายไปในทันที
หลังจากที่กงหยางเลี่ยจากไปแล้วในที่สุดพวกเลี่ยเฟิงทั้งหลายก็เริ่มหายใจได้ทั่วท้อง
เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่กงหยางเลี่ยไม่พอใจนั้น เขาต้องกดดันมันลงไปเพราะตำแหน่งตัวตนของรองมหาปราชญ์
เว้นเสียแต่ว่าคลื่นพลังที่หลุดรอดออกมาจากจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันรุนแรงจนเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายแทบหมดแรงไม่อาจลุกขึ้นยืนได้
เทพสวรรค์เลี่ยเฟิงได้แต่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเหนื่อยหอบ “ท่านรองมหาปราชญ์ ท่าน…ท่านเป็นคนใหญ่คนโต แต่เรามันเป็นแค่คนตัวน้อย ๆ!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เอาเถอะ เรื่องราวในครั้งนี้เย่ผู้นี้ย่อมจะจดจำไว้ ครึ่งปีจากนี้ข้าจะช่วยสร้างเทพสวรรค์ให้เผ่าอสูรเอง”
…
ความตายของเทพสวรรค์ห่าวเฟิงนั้นมันได้ทำให้ทุ่งราบสุดอุดรสั่นสะเทือน
สองพี่น้องเฟิงรวมไปถึงเฟิงทียนหยางต่างตายลงสิ้น ทำให้การปกครองของทุ่งราบสุดอุดรนี้มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้ชุมวายุไพศาลย่อมจะแตกสลายลง ทางเทพสวรรค์เทียนจือ เทพสวรรค์เมี่ยหยู เทพสวรรค์เจิ้งหวงต่างแยกย้ายถอนตัวจากส่วนกลางและหันไปปกครองดินแดนของตนตามใจชอบทำให้เวลานี้ทุ่งราบสุดอุดรมันได้เข้าสู่สภาวะสงครามภายใน
แต่ตำนานที่หลงเหลือไว้นั้นมันยังดังสนั่นทุ่งราบสุดอุดร
“พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าเฟิงเทียนหยางในตอนนั้นมันเก่งกาจปานใด ผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกัน พลังระดับนั้นต่อให้เป็นเทพสวรรค์ก็ได้แต่ต้องกลั้นหายใจมอง แต่ท่านจี้ฉิงหยุนนั้นกลับสังหารมันลงได้ด้วยดาบง่าย ๆ ดาบเดียว!”
“อาจารย์จี้นั้นเป็นผู้มาโปรดเผ่ามนุษย์ในทุ่งราบสุดอุดรเราจริง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้วเผ่ามนุษย์เราคงได้พบเจอความฉิบหายอย่างที่คาดเดาไม่ได้แน่!”
“อาจารย์จี้ท่านนั้นเก่งกาจเหนือล้น! ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่ในหมู่อสูรมันก็ยังต้องเรียกท่านว่าเป็นรองมหาปราชญ์ ขนาดเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงนั้นก็ยังต้องยอมก้มหัวให้แก่ท่าน!”
…
หลังจากเรื่องราวครั้งนั้นผ่านไปเย่หยวนได้สั่งเทพสวรรค์เลี่ยเฟิงไว้ว่าอย่าได้โจมตีรุกรานแดนมนุษย์ไปอีกหนึ่งพันปี
มันก็เพราะเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้เผ่ามนุษย์เริ่มจะกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง
แต่สุดท้ายแดนสุดอุดรนี้มันก็สุดแสนอ่อนแอเปราะบาง สิ่งที่เย่หยวนพอจะช่วยได้มันก็มีแค่เท่านี้
หากมนุษย์สามารถสร้างยอดคนขึ้นมาได้อีกครั้งในช่วงพันปีนี้ พวกเขาก็คงจะพอต้านทานเหล่าอสูรได้ แต่หากไม่ มันก็คงไม่มีอะไรที่เขาจะช่วยได้อีก
ปลาเล็กกินปลาใหญ่นั้นมันเป็นกฎของธรรมชาติ
มันย่อมไม่มีทางใดที่เย่หยวนจะช่วยเหลือคนสุดอุดรไปได้ตลอดกาล สุดท้ายมันก็ต้องเป็นตัวพวกเขาเองที่ต้องพัฒนาฝีมือตน
และในเวลาครึ่งปีมานี้เย่หยวนก็ได้หลอมโอสถอสูรสวรรค์ขั้นสวรรค์ให้เผ่าอสูรแห่งสุดอุดรไปจนสร้างเทพสวรรค์ขึ้นมาอีกหลายต่อหลายคน
เผ่าอสูรทุ่งราบสุดอุดรทั้งหลายในเวลานี้แทบจะก้มลงกราบเท้าเย่หยวนด้วยทั้งกายที่มี ยอมรับความเป็นรองมหาปราชญ์สุดใจ
ครึ่งปีต่อมาในที่สุดเย่หยวนก็ได้พาพวกลู่เอ๋อออกเดินทางไปยังอาณาจักรวิญญาณประจิม
……………