บทที่ 2181 เธอมีเสน่ห์ไม่พอแล้วเหรอ
เยี่ยหวันหวั่นลากซือเยี่ยหานมานั่งลงบนตียงเหล็กแคบๆ หลังหนึ่ง “ที่รัก รีบเข้ามาเถอะ คุณนั่งพักตรงนี้ก่อนนะ ห้องเดี่ยวนี่ฉันหลอกเอามา…”
“เอ่อ เป็นบอสใหญ่ใจเมตตาคนหนึ่งที่ให้ฉันมา!” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มละไมแล้วพูดออกมา
ซือเยี่ยหานมองไปรอบๆ จากนั้นก็เอ่ยถามประโยคหนึ่ง “บนเกาะ…เธอเจอเขาไหม”
เยี่ยหวันหวั่นหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าที่อยู่ด้านข้างพลางเอ่ยถาม “หือ ใครล่ะ”
ซือเยี่ยหานนิ่งไปแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “จี้หวง”
เยี่ยหวันหวั่นสำลักเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่นี่ ไม่ได้เจอเขา แต่เจอเพื่อนคนหนึ่งของฉัน ไห่ถังบอสของเทียนเซียว เธอบอกฉันว่าไม่รู้ว่าจี้หวงคิดหาทางอะไรขึ้นมาได้ ออกทะเลไปนานแล้ว ก่อนไปยังฝากจดหมายแปลกๆ ฉบับหนึ่งไว้ให้ฉันด้วย ฉันทำความเข้าใจอยู่ตั้งครึ่งค่อนวัน ก็ไม่รู้ว่าสรุปแล้วเขาจะสื่อถึงอะไรกันแน่…”
ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วนิดๆ “จี้หวงไม่อยู่บนเกาะงั้นเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
ไม่รู้ว่าซือเยี่ยหานคิดอะไรได้ สีหน้าดูเหมือนจะเคร่งขรึมลง
เกาะแห่งนี้ ถ้าคิดจะออกไปด้วยกำลังของตัวเอง แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
แค่จะตามหาพิกัดที่แน่ชัดของเกาะแห่งนี้เขาก็สิ้นเปลืองพลังไปมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือสภาพภูมิประเทศรอบๆ เกาะก็ซับซ้อนมาก มีกระแสน้ำวนและแนวหินโสโครกมากเป็นพิเศษ เขาสามารถล่องเรือมาถึงได้สำเร็จก็เพราะเชิญต้นหนที่มีประสบการณ์เดินเรือในกองทัพเรือหลายปีมาช่วยวางแผนที่รัดกุม ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ก็มีความเสี่ยงในการเดินเรือสูงมากอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อจี้ซิวหร่านกล้าออกทะเล ด้วยนิสัยของเขา คาดว่าคงมีความมั่นใจเต็มที่
เยี่ยหวันหวั่นเห็นซือเยี่ยหานคล้ายจะครุ่นคิดอะไรอยู่ กลัวว่าเขาจะเริ่มคิดว้าวุ่นไปเรื่อยอีกแล้ว จึงรีบเบี่ยงหัวข้อสนทนาไป “อ้อ ใช่แล้ว ที่รัก คุณรู้ไหมว่าฉันเจอใครบนเกาะนี้ คุณต้องคิดไม่ถึงเลยแน่ๆ!”
ถึงจะรู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นจงใจเปลี่ยนเรื่อง แต่ซือเยี่ยหานก็ไม่ได้เปิดโปง เพียงถามสั้นๆ “ใคร”
“หลานชายคนโตของคุณ ซือชุน…ถุย ฉันถูกคนพวกนั้นชักจูงเข้าซะแล้ว เป็นซือเซี่ย ซือเซี่ย!”
พอซือเยี่ยหานได้ยินก็แปลกใจอยู่บ้างจริงๆ “ซือเซี่ยงั้นเหรอ”
“ใช่แล้ว ฉันตกใจมากที่ได้เจอเขา ตอนนั้นเห็นเขาถือจอบวิ่งเข้ามาทางฉัน หลงนึกว่าเขาจะมาล้างแค้นให้พ่อเขา! แต่โชคดีที่เด็กคนนั้นก็รู้ว่าพ่อเขาทำตัวเอง และไม่ได้มาหาเรื่องฉัน ไม่งั้นฉันก็คงต้องยอมให้เขาแล้ว ดีร้ายยังไงถ้านับตามลำดับอาวุโสแล้ว ฉันก็เป็นอาสะใภ้ของเขาเลยนะ…”
ซือเยี่ยหานฟังแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ไม่ต้องยอม”
เยี่ยหวันหวั่นคิดในใจ เป็นอาแท้ๆ อยู่รึเปล่าเนี่ย
“เด็กคนนั้น ระยะนี้วางแผนจะไปขุดอุโมงค์อีกแล้ว เอาไว้จะพาคุณไปหาเขาทีหลังนะ ฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน!” เยี่ยหวันหวั่นรีบหยิบเสื้อผ้าในถุงออกมา
ซือเยี่ยหานใส่ใจเกินไปแล้วจริงๆ แม้แต่ชุดชั้นในที่สะอาดสะอ้านก็เตรียมมาทั้งหมด
ที่นี่ถึงแม้จะหาน้ำจืดไว้อาบน้ำได้ แต่ด้วยความขาดแคลนด้านทรัพยากร จึงไม่มีเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยน
“ไปๆๆ ไปส่งฉันอาบน้ำก่อน!”
“ก่อนหน้านี้เธออาบน้ำที่ไหน” ซือเยี่ยหานเอ่ยถามประโยคหนึ่ง
เยี่ยหวันหวั่นตอบสั้นๆ “กลางเกาะมีทะเลสาบเล็กๆ อยู่”
หัวคิ้วของซือเยี่ยหานขมวดเข้าหากันนิดๆ แล้ว “กลางแจ้งเหรอ”
“อื้อ ทำยังไงได้ ในสถานที่ผุพังนี่ มีที่ให้อาบน้ำก็ไม่เลวแล้ว วางใจเถอะ ไม่มีไอ้คนไม่รักชีวิตหน้าไหนกล้าแอบดูหรอก…แค่ก ความหมายที่ฉันจะบอกคือ ฉันกับไห่ถังไปด้วยกัน ผลัดกันเฝ้า ปลอดภัยมาก”
ซือเยี่ยหานฟังแล้วถึงได้ไม่พูดอะไรต่อ
ในไม่ช้าทั้งสองคนก็มาถึงสถานที่อาบน้ำ ครั้งนี้ตำแหน่งคนคอยเฝ้าเปลี่ยนจากไห่ถังมาเป็นซือเยี่ยหาน
เยี่ยหวันหวั่นถอดเสื้อผ้าออกแล้วลงแช่ในน้ำ เกาะอยู่บนโขดหินริมฝั่ง จากนั้นก็มองเห็นซือเยี่ยหานที่ช่วยถือเสื้อผ้าให้เธอ ยืนอยู่ในจุดที่ไม่ใกล้และไม่ไกลนัก คอยดูต้นทางให้เธอโดยไม่หันเหสายตาเลย
เยี่ยหวันหวั่นเกาะอยู่ตรงนั้นแล้วเดาะลิ้นดังจิ๊ๆ เฮ้อ เธอมีเสน่ห์ไม่พอแล้วเหรอ
ไม่น่าเชื่อว่าสายตาจะไม่วอกแวกมาเลย…
จะดีร้ายยังไงก็แอบมองกันสักแวบสิ…
—————————————————————————————
บทที่ 2182 ที่รักพวกเขาล้วนแต่รังแกฉัน
“ที่รัก คุณรู้สึกไหมว่าเกาะนี้ ถ้าไม่มีคนอื่นๆ อยู่ จะยอดเยี่ยมที่สุด…”
เยี่ยหวันหวั่นเกยอยู่ริมทะเลสาบ เผยสีหน้าย้อนระลึกความทรงจำ “คุณจำได้ไหม ปีนั้นพวกเราอยากเสาะหาสถานที่ที่จะไม่มีใครตามหาพวกเราเจอ หาที่สักแห่งที่มีแต่พวกเราสองคนอยู่ด้วยกัน…”
ซือเยี่ยหานตอบสั้นๆ “จำได้”
จะลืมได้ยังไง
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ “แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดแบบนี้แล้ว ฉันไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคุณแค่สองคนในสถานที่แบบนี้ได้แล้ว”
แผ่นหลังของซือเยี่ยหานพลันแข็งเกร็งขึ้นมา “เพราะอะไร”
เยี่ยหวันหวั่นตอบไปทันที “เพราะพวกเรามีถังถังลูกรักแล้ว! สมควรเป็นสามคนสิถึงจะถูก!”
ซือเยี่ยหานที่เพิ่งได้รับความตระหนกจึงตอบเพียงสั้นๆ ว่า “…อืม”
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นได้เห็นซือเยี่ยหานอยู่ในสายตาตัวเอง ตัวคนก็ผ่อนคลายลง
หลายวันมานี้เธอยุ่งง่วนเป็นระวิง แต่ความจริงก็แค่ไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองได้หยุดพัก เพาะถ้าว่างสักนิด ก็จะนึกถึงเรื่องราวที่กดทับอยู่ในหัวใจพวกนั้นขึ้นมา
การตายของพี่ชาย พ่อแม่ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเบาะแส คนที่บงการอยู่เบื้องหลังเนี่ยหลิงหลง รวมถึงเกาะที่ใช้คุมขังคนแห่งนี้…
เธอต้องเร่งตรวจตอบทุกเรื่องอย่างเร่งด่วน
“คุณเก้า พวกเราจะออกไปได้เมื่อไหร่” เยี่ยหวันหวั่นถาม
ซือเยี่ยหานตอบไปตามตรง “ดูจากทิศทางลมแล้ว อีกสามวันให้หลังจะเหมาะสมที่สุด”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “โอเค”
….
หลังอาบน้ำเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็สวมชุดเดรสที่ซือเยี่ยหานพกมาให้เธอ
ชุดที่ซือเยี่ยหานเตรียมมาให้เธอคือเดรสยาวสีชมพูรากบัวที่ดูเป็นผู้หญิงมาก ให้กลิ่นอายเหมือนนางฟ้า เปลี่ยนเธอจากนางมารร้ายให้กลายเป็นนางฟ้าตัวน้อยได้ในชั่วพริบตา
หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็กลับไปที่ห้องขังพร้อมกับซือเยี่ยหาน
ภายในห้องขังที่เดิมทีมีเสียงดังเอะอะไปทั่ว แต่ทันทีที่เยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัวขึ้นตรงประตู ก็เงียบกริบไปในทันที ราวกับป่าช้า
ทุกคนต่างเงยหน้าจ้องมองไปทางหญิงสาวตรงประตู มองเห็นผิวพรรณของหญิงสาวขาวดั่งหิมะ ผมยาวเคลียไหล่ สวมเดรสยาว ยืนสง่าอยู่ตรงประตูราวกับบัวพ้นน้ำ
นี่…หน้าตาแบบนี้…
นี่มันนางมารร้ายไม่ใช่เหรอ
“ชะ…เชี่ยเอ๊ย!!!”
ไม่รู้ว่าทั้งห้องขังเงียบวังเวงอยู่นานแค่ไหน ถึงได้มีเสียงอุทานสะท้านสะเทือนฟ้าดินของขาใหญ่คนหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นก็มีคนหนึ่งที่นั่งไม่มั่นคงจึงลื่นตกลงมาจากเก้าอี้
ในเวลาเดียวกันนี้ พี่น้องที่อยู่ข้างๆ เขาก็เนื้อตัวสั่นเทิ้มจนตะเกียบในมือร่วงลงมา อีกด้านหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าใครไปชนเข้ากับชั้นวางของ จนเกิดเสียงดังโครมคราม ละอองฝุ่นฟุ้งไปทั่ว
ภายในห้องขังเละเทะวุ่นวาย เต็มไปด้วยเสียงกระทบกระแทกและสูดหายใจ
ทุกคนต่างก็มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน…
ตอนที่ถูกเยี่ยหวันหวั่นปอกลอกจนเหลือแค่กางเกงก็ไม่เคยหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย
“เวรเอ้ย! นี่…นี่ไป๋เฟิงเหรอ”
“ฉันเห็นภาพหลอนไปรึไง แต่นี่คือใบหน้าของไป๋เฟิงไม่ผิดแน่…”
“มีอะไรน่าตกอกตกใจกันนัก ก็แค่เปลี่ยนชุดเท่านั้น”
“เรื่องนี้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความตกใจ ประเด็นคือ เธอไปเอาชุดใหม่ชุดนี้มาจากไหน”
“ใช่แล้ว ฉันไม่เคยเห็นเลยว่าในคลังทรัพยากรจะมีชุดแบบนี้ด้วย”
“หรือว่าจะเอามาจากข้างนอก…”
ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็มองไปที่เยี่ยหวันหวั่น และพากันซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์
“ผู้นำไป๋ เรื่องเรือ…พวกเราก็จ่ายเงินไปหมดแล้วนะ”
ขาใหญ่คนหนึ่งจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วรีบเอ่ยขึ้นมา
“ไป๋เฟิง เงินเธอก็เอาไปแล้ว ถ้าถึงเวลาแล้วไม่มีเรือ พาพวกเราไปไม่ได้ พวกเราจะคิดบัญชีเป็นร้อยเท่า”
พอซือเยี่ยหานได้ยินก็มองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง
เยี่ยหวันหวั่นโมโหแทบตายแล้ว
“แค่กๆ รีบร้อนอะไรกัน ถ้าใครยังเซ้าซี้อีก จะตัดสิทธิ์ซะ!” เยี่ยหวันหวั่นตะคอกเสียงเย็น
พอพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็มองชายหนุ่มข้างกายแวบหนึ่ง “คุณเก้า…คุณดูสิ พวกเขารวมหัวกันรังแกฉัน…”
ซือเยี่ยหานได้แต่ยืนเงียบ…
———————————————-