“ถ้าเป็นไปได้เรื่องที่จะไปร้านอาหารหนานเซียงหยวน ดีที่สุดคืออย่าไป แต่ถ้าคิดว่าจะต้องไป ก็ควรจะต้องให้หยางเฉินเพื่อนชายของเธอไปด้วย”
เซี่ยเหอยิ้มอย่างลำบากใจพูดว่า “ผู้กำกับหลี่ความจริงแล้วคุณหยางเฉินไม่ใช่เพื่อนชายของฉันหรอกคะ แต่เพราะตอนนั้นจะปัดให้หลุดจากอู๋เทียนอิ้ว เลยได้หาเขามาแสดงตัวเป็นเพื่อนชาย”
ผู้กำกับหลี่ให้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เซี่ยเหอ ครั้งนี้เธอจะต้องฟังผมนะ ถ้าจะต้องไปร้านอาหารหนานเซียงหยวนจริง ๆ จะต้องพาหยางเฉินไปด้วย”
เซี่ยเหอถามด้วยความสงสัยว่า “ผู้กำกับหลี่ ท่านกำลังคิดว่าซุนจื้อเจียวจะทำร้ายดิฉันหรือคะ?”
ผู้กำกับหลี่ผงกหัว “ผู้หญิงคนนี้ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับพอตัวในวงการนี้ได้ ก็ไม่ธรรมดาแล้ว ในมือหล่อนมีข้อมูลเบื้องหลังในมุมมืดของพวกบรรดาขาใหญ่ในวงการมากมาย เพียงแค่หล่อนโยนอะไรออกมานิดเดียว ก็สามารถสั่นวงการจนสะเทือนเป็นแผ่นดินไหวได้”
“พูดแบบนี้ เธอเข้าใจความหมายของผมไหม?”
“พูดก็พูดนะ ตัวเธอเองก็มีปัญหากับอู๋เทียนอิ้ว และซุนจื้อเจียวก็เป็นพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของอู๋เทียนอิ้ว ถึงแม้มีความสัมพันธ์กันไม่เท่าไหร่ แต่ใครจะไปรู้?”
“ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรที่มันไม่ดีงามขึ้นมา จะเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว ฉะนั้นเธอจะต้องฟังผม ไม่ก็อย่าไปร้านอาหารหนานเซียงหยวน ไม่ก็พาหยางเฉินไปด้วย”
ฟังที่ผู้กำกับหลี่พูดมา เซี่ยเหอก็รู้สึกได้ว่างานเลี้ยงกินข้าวคืนนี้ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาเสียแล้ว จึงได้ผงกหัวรับฟัง “ผู้กำกับหลี่ ท่านวางใจเถอะคะ คืนนี้ดิฉันจะพาหยางเฉินไปด้วย”
ผู้กำกับหลี่จึงได้รู้สึกวางใจ ผงกหัวเล็กน้อยพูดว่า “ดีมาก ถ้างั้นเธอไปเตรียมตัวได้แล้ว กำลังจะถ่ายฉากต่อไปละ”
“ได้คะ!”
เซี่ยเหอหันหลังเดินออกไป
มองตามเงาหลังของเซี่ยเหอที่เดินออกไป ผู้กำกับหลี่เปรยขึ้นมาว่า “หวังว่าเธอคงไม่ตกลงไปในการครอบงำของผู้หญิงคนนี้ มิฉะนั้นชาตินี้คงจบสิ้น”
ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน หยางเฉินก็มาถึงโรงเรียนอนุบาล รับเสี้ยวเสี้ยวออกมา
เมื่อเช้านี้ได้บอกกับฉินซีแล้ว คืนนี้จะพาเสี้ยวเสี้ยวไปเยี่ยมเย่ม่านด้วยกัน
“คุณพ่อ คุณพ่อว่าพวกเราจะไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกันเหรอ?”
ระหว่างทางที่จะไปรับฉินซี เสี้ยวเสี้ยวถามอย่างสงสัย “คุณย่าเป็นแม่ของคุณพ่อเหรอ?”
หยางเฉินหัวเราะ “พูดชัด ๆ คือพวกเราจะไปเยี่ยมคุณยาย ก็คือคุณแม่ของคุณแม่”
“คุณแม่ของคุณแม่?”
สีหน้าของเสี้ยวเสี้ยวสลดลงไปในทันที ตาแดง ๆ ขึ้นมาพูดว่า “คุณแม่บอกว่า คุณยายไปในที่ไกลมาก ๆ ต่อไปจะไม่ได้เห็นคุณยายท่านอีกแล้ว”
มองเห็นความรู้สึกที่เศร้าใจของเสี้ยวเสี้ยว ทำเอาหยางเฉินก็รู้สึกปวดในใจ “เสี้ยวเสี้ยว คราวนี้ เราจะไปเยี่ยมคุณยายคนใหม่ ท่านก็เป็นคุณแม่ของคุณแม่นะ”
ขณะหยางเฉินกำลังชี้แจงให้กับเสี้ยวเสี้ยว เสียงเรียกจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“หยางเฉิน คืนนี้หนึ่งทุ่ม ฉันมีงานนัดกินข้าวกันที่ร้านอาหารหนานเซียงหยวน คุณไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
เป็นโทรศัพท์จากเซี่ยเหอ
หยางเฉินตอบไปด้วยความรู้สึกเสียใจ “เซี่ยเหอ ต้องขอโทษด้วยนะ คืนนี้ผมจะต้องพาเสี่ยวซีกับเสี้ยวเสี้ยวไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงพยาบาล”
น้ำเสียงหยางเฉินส่อชัดถึงความรู้สึกสียใจ เขาเข้าใจเซี่ยเหอดี ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็นจริง ๆ จะไม่มีการเอ่ยปากขอ
“ไม่เป็นไรคะ ถ้าคุณมีธุระ ก็ไปยุ่งเรื่องของคุณก่อน!”
เซี่ยเหอแม้อยากให้หยางเฉินไปเป็นเพื่อน แต่ก็จะไม่ใช้ด้วยเหตุส่วนตัว แล้วให้หยางเฉินจะต้องมาช่วยหล่อน
“อย่างนี้แล้วกัน เธอไปที่ร้านอาหารหนานเซียงหยวนก่อน ผมเสร็จธุระทางนี้แล้ว ผมก็จะรีบไป”
ทันทีนั้นหยางเฉินก็พูดอีก
“ไม่เป็นไรคะ คุณอย่าให้เสียงานคุณเพราะฉันเลยคะ”
เซี่ยเหอรีบปฏิเสธไป กลัวจะทำให้เสียงานของหยางเฉิน
“เอาตามนี้นะ เอาละ ผมกำลังขับรถ คุยแค่นี้ก่อนนะ”
พูดจบ หยางเฉินก็ตัดสายโทรศัพท์
“คุณพ่อ น้าเซี่ยเหอหรือคะ?”
เมื่อกี้นี้หยางเฉินกำลังขับรถ จึงได้เปิดระบบแฮนด์ฟรีไว้ เสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยินเป็นเสียงของเซี่ยเหอ สีหน้าก็แสดงออกในความดีใจ
หยางเฉินยิ้ม ๆ “ใช่น้าเซี่ยเหอนั่นแหละ น้าเขาตอนนี้งานยุ่งมาก ไว้ให้น้าเค้าเจียดเวลาออกมาได้ แล้วพ่อจะพามาหาหนู”
“ดีจัง หนูก็คิดถึงคุณน้าเซี่ยเหอคะ”
เสี้ยวเสี้ยวพูดด้วยความดีใจ
สิบห้านาทีหลังจากนั้น หยางเฉินกับเสี้ยวเสี้ยวก็พากันมาถึงแมมบ้าแดงกรุ๊ป
หยางเฉินโทรศัพท์ไปให้ฉินซี โทรศัพท์ดังอยู่พักใหญ่ ฉินซีจึงได้รับโทรศัพท์ “ที่รัก ช่วยรอฉันอีกสักห้านาทีนะ ฉันจะจัดการงานให้เสร็จเดี๋ยวนี้แล้วแหละ”
“ได้จ่ะ เธอทำงานของเธอไปเถอะ!”
หยางเฉินตัดสายโทรศัพท์
เวลาทยอยผ่านไป หยางเฉินเล่นกับลูกสาวอยู่บริเวณชั้นล่างของแมมบ้าแดงกรุ๊ป
ครู่เดี๋ยวเดียว ห้านาทีผ่านไป ฉินซียังไม่ลงมา
ติดตามต่อมา อีกสิบนาทีผ่านไป ฉินซีก็ยังไม่ปรากฏมา
“คุณพ่อ คุณแม่จะเลิกงานกี่โมงคะ?”
เสี้ยวเสี้ยวเล่นจนเหนื่อยแล้ว นั่งคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของหยางเฉิน จู่ ๆ ก็ถามขึ้นมา
หยางเฉินมองนาฬิกา เขามาถึงแมมบ้าแดงกรุ๊ปผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ฉินซีก็ยังไม่ออกมา
จากที่โรงเรียนอนุบาลเลิกตอนห้าโมง ตอนนี้เข้าไปหกโมงยี่สิบนาทีแล้ว
เดิมทีเดียวหยางเฉินคาดว่าจะให้ทันเจ็ดโมง เพราะคิดว่าหลังจากเยี่ยมเย่ม่านแล้ว ก็จะไปที่ร้านอาหารหนานเซียงหยวน แต่ดูจากสภาพตอนนี้ คงยากที่จะไปพบเซี่ยเหอตอนเจ็ดโมงได้
“เสี่ยวซี งานคุณยุ่งจบหรือยัง?”
หยางเฉินก็ต้องโทรศัพท์ไปให้ฉินซีอีกครั้ง
“ขอโทษ ขอโทษคะ!”
ฉินซีรับโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรีบตอบขอโทษเป็นพัลวัน “ฉันลืมดูเวลาเลย จะไปเดี๋ยวนี้แล้วคะ”
หยางเฉินส่ายหน้ายิ้มแห้ง ๆ เดิมคิดว่าจะไม่ไปรบกวนการทำงานของฉินซี จึงไม่ได้ไปเร่งรัด ไม่คิดว่าฉินซีจะทำงานจนไม่รู้เวล่ำเวลา
คราวนี้ ก็รอไปอีกห้านาที ฉินซีในชุดทำงานเต็มตัวเดินออกมาจากอาคารสำนักงาน
“คุณแม่!”
เสี้ยวเสี้ยวพอเห็นฉินซี ตะโกนเรียกด้วยความดีใจ พร้อมกับวิ่งเข้าไปหา
“โอลูก แม่ขอโทษ งานแม่ยุ่งมากจริง ๆ ลืมเวลาเลย”
ฉินซีอุ้มเสี้ยวเสี้ยวขึ้นมาในจังหวะพอดี หอมที่แก้มลูกสาวไปฟอดใหญ่
เสี้ยวเสี้ยวทำเบ้ปาก “หนูกับคุณพ่อรอซะตั้งนาน”
หยางเฉินก็เดินเข้ามา หัวเราะพลางพูดไปว่า “ก็รู้ว่างานคุณแม่ยุ่งมากอยู่ไม่ใช่เหรอ?อภัยให้แม่สักครั้งนะ”
ฉินซีก็ทำหน้าดูเป็นเศร้า “เสี้ยวเสี้ยว คุณแม่ผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะแยกเวลาออกมาให้หนูมาก ๆ ละนะ”
เสี้ยวเสี้ยวจึงได้ดูอารมณ์ดีขึ้นมากขึ้น “ก็เห็นคุณแม่เหนื่อยนะ เสี้ยวเสี้ยวก็ยกโทษให้แม่แล้วกัน”
“ขอบคุณหนูเสี้ยวเสี้ยวคะ!”
ฉินซีก็รีบตอบกลับไป
มองดูภาพที่สวยงามนี้ หยางเฉินยิ้มด้วยความสุขสมที่มุมปาก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หยางเฉินขับรถพาลูกเมียมาถึงโรงพยาบาลประชาชน
“หยางเฉิน มายังไงกันหละ?”
เย่ม่านเห็นหยางเฉินเข้ามา สีหน้าตกตื่น
หยางเฉินยิ้มน้อย ๆ เดินนำหน้าเข้าไปในห้องคนไข้ ฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวก็เดินตามเข้ามาติด ๆ
ทันทีที่เย่ม่านเห็นเสี้ยวเสี้ยว ความรู้สึกบนใบหน้าอึ้งไปในทันใด นัยน์ตาทั้งคู่แดงขึ้นมาในฉับพลัน
“คุณแม่บอกว่า ท่านคือคุณยายใช่ไหมคะ?”
เสี้ยวเส้ยวมองหน้าเย่ม่าน เสียงหวานเจื้อยแจ้วดังส่งออกมา
เย่ม่านพอได้ยินคำพูดของเสี้ยวเสี้ยว กลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว เสียงสะอื้นกลบสิ่งที่จะพูดออกมาไปหมด ได้แต่ผงกหัว
นัยน์ตาฉินซีก็แดงก่ำ พยายามข่มไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
หยางเฉินหัวเราะพลางพูด “เสี้ยวเสี้ยว รีบเรียกคุณยายสิ!”
“คุณยาย!”
เสี้ยวเสี้ยวเรียกเย่ม่านอย่างเด็กว่าง่าย
“โอ๋!”
เย่ม่านรีบขานรับ รู้สึกเหมือนหัวใจจะละลาย เช็ดน้ำตา พูดเสียงสะอื้นว่า “หลานรักของยาย มาเข้ามาใกล้ ๆ ให้ยายชื่นใจหน่อย”
เสี้ยวเสี้ยวยังรู้สึกแปลกหน้า แต่เห็นสายตาที่เชียร์หนุนของคุณพ่อ ก็จึงเดินตรงเข้าไปหาเย่ม่าน
“คุณยาย คุณยายสวยจังเลย สวยกว่าคุณยายคนที่ไปที่ ๆ ไกล ๆ แล้วนั่นอีก”