ตอนที่ 893 ขอยา

หมอดูยอดอัจฉริยะ

“เซี่ยวเทียน มาได้อย่างไร? ช่วงนี้ติงติงมีอาการแพ้ท้องเยอะอยู่นะ”

เมื่อหันมาเห็นโจวเซี่ยวเทียน หลิ่วซีกั๋วรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ลูกสาวกำลังตั้งครรภ์แต่ลูกเขยคนนี้กลับไม่ค่อยอยู่เป็นเพื่อนเธอเลย คนเป็นพ่อตาย่อมไม่ค่อยชอบใจนัก

“ซีกั๋ว

ผมเรียกเซี่ยวเทียนมาเอง” เยี่ยเทียนโบกมือ เอ่ยต่อว่า

 “วันนี้ผมจับชีพจรตรวจติงติง ชีพจรแข็งแรงดี คุณไม่ต้องกังวล”

“อ่อ อาเล็ก!”

เยี่ยเทียนเอ่ยปากแล้ว หลิ่วซีกั๋วไม่กล้าสืบสาวราวเรื่องต่อ ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกศิษย์สำนักเสื้อป่าน แต่ก็รู้ว่าเยี่ยเทียนในสายตาของพ่อตานั้นไม่ธรรมดา หากจั่วเจียจวิ้นรู้ว่าเขาไม่เกรงใจเยี่ยเทียนผลที่ตามมาคงจะร้ายแรง

“ใช่แล้ว ซีกั๋ว ทำไมคุณถึงมาร่วมงานประมูลการกุศลครั้งนี้?”

คุยเล่นกันเล็กน้อยแล้วเยี่ยเทียนหันไปถามหลิ่วซีกั๋ว หลายปีมานี้จั่วเจียจวิ้นถอยออกมาจากวงการธุรกิจ แต่ด้วยอิทธิพลของจั่วเจียจวิ้นที่ยังอยู่จึงยังมีสิทธ์จะไปออกงานประมูลการกุศล

ได้ฟังดังนั้นหลิ่วซีกั๋วชี้ไปทางมุมห้องโถงที่มีคนชราหลายคนนั่งอยู่ แล้วบอกว่า

“อาเล็ก คุณเจิ้งเชิญพวกเรามา ในพื้นที่มีเหตุแผ่นดินไหว พวกเรากลุ่มพ่อค้าอัญมณีก็ต้องออกแรงช่วยเหลือ

“อ๋อ? เป็นเขานี่เอง?”

เห็นคนชราคนนั้นแล้วเยี่ยเทียนเห็นด้วย คนๆนี้ก็เป็นทรัพยากรบุคคลที่หายากคนหนึ่ง จากแรกเริ่มทำธุรกิจลักลอบขนส่งผิดกฎหมายจนร่ำรวย จากนั้นเริ่มทำธุรกิจการขนส่งทางเรือ ธุรกิจการพนัน และธุรกิจอัญมณี ทุกๆงานที่เขาทำต่างรุ่งเรืองจนฐานะเกือบเทียบเท่าถังเหวินหย่วนในเกาะฮ่องกง

พอนึกถึงถังเหวินหย่วน เยี่ยเทียนมองเห็นชายชราเดินออกมาจากห้องรับแขกพร้อมกับหลี่เชาเหริน ทั้งสองรู้สึกว่ามีสายตาของเยี่ยเทียนที่จับจ้องพวกเขาอยู่จึงหันกลับมามอง

“เยี่ยเทียน ถ้าบอกว่าเธอจะมาด้วยแต่แรก ฉันก็จะมากับเธอด้วยแล้ว”

ถังเหวินหย่วนเห็นเยี่ยเทียนก็รีบเดินเข้ามา ท่าทางการเดินเหินไม่เหมือนคนอายุแปดสิบกว่าปี จนแม้แต่           หลี่เชาเหรินเห็นแล้วยังอิจฉาตาร้อน

“เหล่าถัง อีกไม่กี่วันผมก็จะไปแล้ว ถึงเวลานั้นคุณค่อยกลับไป”

เยี่ยเทียนกับถังเหวินหย่วนทักทายกัน หันมามองหลี่เชาเหรินแล้วพูดว่า

“คุณหลี่ก็มาด้วย งานการกุศลแบบนี้ยังไงก็ต้องการการสนับสนุนจากเถ้าแก่ใหญ่ฝั่งฮ่องกง!”

ด้วยอายุของเยี่ยเทียนคำพูดแบบนี้ดูจะใหญ่เกินตัว แต่เมื่อเป็นเขาพูดออกมากลับไม่รู้สึกถึงความไม่เหมาะสม ราวกับว่าคำพูดแบบนี้พูดเป็นปกติ สีหน้าของหลี่เชาเหรินก็ไม่ได้ดูไม่พอใจ

หลี่เชาเหรินขยับแว่นกันแดดที่ใส่มาหลายสิบปีของเขาแล้วตอบว่า

“คุณเยี่ย เงินของผมนั้นได้มาจากสังคม แน่นอนว่าจะต้องคืนให้สังคมบ้าง…”

“งั้นก็ดี ทำบุญสร้างกุศลไว้มากๆ จะได้รับผลดีตอบแทน”

เยี่ยเทียนหัวเราะ เขากักเก็บซ่อนพลังในร่างกายไว้แล้ว แต่รังสีของความไม่ธรรมดายังแผ่ออกมา ทำให้คนอื่นๆรู้สึกว่าเยี่ยเทียนเป็นคนจากที่สูงที่กำลังก้มลงมองเบื้องล่าง

“คุณเยี่ยพูดถูกแล้ว”

หลี่เชาเหรินยิ้มรับ สีหน้าบังเกิดความลังเลไม่แน่ใจก่อนจะถามต่อว่า

“คุณเยี่ย ไม่ทราบว่าจะขอคุยเป็นการส่วนตัวด้วยหน่อยได้ไหม?”

“เอ๋? มีเรื่องอะไร”

เยี่ยเทียนนิ่งค้าง เขาไม่มีธุรกิจในฮ่องกงยิ่งไม่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มพ่อค้าพวกนี้มาก่อน ทำไมถึงต้องแสดงท่าทางเคารพนบนอบต่อเขามากขนาดนี้?

หลี่เชาเหรินยังไม่ทันเอ่ยปาก ถังเหวินหย่วนที่อยู่ข้างๆพูดแทรกขึ้นมา

“เยี่ยเทียน คือ…คือว่าฉันผิดเองที่พูดมากไป”

“เอ๋? เหล่าถัง คุณก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่รู้หรือว่าห้ามพูดเรื่อยเปื่อย ?”

เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว เขาคิดว่าถังเหวินหย่วนเอาเรื่องที่เขาตั้งค่ายกลในบ้านพูดออกไป จึงรู้สึกไม่ชอบใจ

แม้ค่ายกลนั้นจะชักนำพลังธรรมชาติมาจากมหาสมุทร แต่ยังได้รับพลังโชคลาภของเกาะฮ่องกงไปด้วย ถ้าเรื่องนี้ถูกพวกเศรษฐีในฮ่องกงรู้เข้า จะต้องเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เกรงว่าถึงตอนนั้นชื่อเสียงของจั่วเจียจวิ้นต้องพังพินาศ

“เยี่ยเทียน ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ!”

ถังเหวินหยวนถูกเยี่ยเทียนต่อว่าจนเสียหน้า แต่ด้วยทั้งสถานะทางสังคมและการฝึกวิชาของเยี่ยเทียนสูงกว่าเขาทั้งสิ้น หากถูกอบรมนิดหน่อยถังเหวินหย่วนก็ไม่กล้าโต้เถียง

“เอาเถอะ เซี่ยวเทียน เหลยหู่ พวกแกรอฉันอยู่ข้างนอก ตรงนั้นมีคนหนุ่มคนสาวเยอะแยะ พวกแกไปรอแถวนั้นก่อนก็ได้!”

เยี่ยเทียนพยักหน้าแล้วกลับหลังหันเดินเข้าห้องไป แล้วจู่ๆก็ชะงักฝีเท้า กวาดตามองไปรอบห้องโถงใหญ่

ตอนนี้เองที่ประตูใหญ่เปิดออก มีคนห้าหกคนเดินเข้ามา ผู้ที่เดินนำกลุ่มเข้ามาเป็นคู่สามีภรรยาวัยกลางคน หน้าตาบุคลิกของทั้งคู่ดูไม่ธรรมดา ผู้ที่เดินตามหลังพวกเขาเป็นชายหนุ่มกับหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยดูคล้ายคลึงกับคู่สามีภรรยาด้านหน้า น่าจะเป็นลูกๆของพวกเขา

แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเยี่ยเทียนกลับไม่ใช่คู่สามีภรรยาและหญิงสาว แต่เป็นชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างสาวน้อย อายุของเขาน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเยี่ยเทียน ที่หน้าตาท่าทางไม่เหมือนคนอื่นๆ แต่ดูทึ่มๆเล็กน้อย

“คนนั้นเป็นใคร?”

เยี่ยเทียนพยักเพยิดไปทางนั้นแล้วถามถังเหวินหย่วน

“ไม่รู้จัก คนพวกนั้นดูหน้าไม่คุ้นเลย”

ถังเหวินหย่วนส่ายหน้า แล้วมองหน้าเยี่ยเทียนด้วยสายตาแปลกประหลาด ในความคิดของเขาเยี่ยเทียนไม่ค่อยสนใจเรื่องใดและไม่เคยกระตือรือร้นไปทำความรู้จักใครก่อน

หันมามองหลี่เชาเหรินแล้วถังเหวินหย่วนถามต่อว่า

“คุณหลี่ คุณรู้จักคนพวกนั้นไหม?”

หลี่เชาเหรินหันไปมองแล้วตอบด้วยความไม่แน่ใจ

“สองคนข้างหน้าเหมือนจะเคยเจอ น่าจะเป็นพี่คนโตของตระกูลฉินนะ ส่วนด้านหลังผมไม่รู้จัก”

“อัญมณีตระกูลฉิน? ถ้าอย่างนั้นฉันพอจะเคยได้ยิน”

ถังเหวินหย่วนพูดกับเยี่ยเทียนว่า

“เจ้าของกิจการอัญมณีในฮ่องกง พวกเขาถือว่าได้ผลประกอบการไม่เลวเลย ส่วนเด็กสองคนนั้นน่าจะเป็นทายาทของตระกูลฉิน?”

พอรู้ว่าเป็นเจ้าของกิจการตระกูลฉิน ถังเหวินหย่วนก็ไม่ได้สนใจอะไร ในวงการอัญมณีผู้ที่พอจะเข้าตา             ถังเหวินหย่วนได้น่าจะเป็นกิจการของตระกูลเจิ้ง แต่เขากับผู้เฒ่าเจิ้งคนนั้นไม่ค่อยถูกกันนัก จึงมักไม่เข้าไปร่วมอยู่ในวังวนเดียวกัน

โจวเซี่ยวเทียนที่สังเกตเห็น พอจะเดาได้ว่าเยี่ยเทียนคิดอะไร

“อาจารย์ อาจารย์หมายถึงคนที่อยู่ด้านหลังคนนั้นใช่ไหม?”

“อืม แกรู้จักเหรอ?”

เยี่ยเทียนหันมาถามโจวเซี่ยวเทียน

“ผมไม่รู้จัก แต่เคยพบเขาตามงาน เขาชื่อจวงรุ่ย ทำเกี่ยวกับการค้าวัตถุโบราณ ในปักกิ่งเขาพอจะมีชื่อเสียงทางด้านนี้”

โจวเซี่ยวเทียนเคยช่วยเยี่ยตงผิงค้าขายวัตถุโบราณ ต่อมามักจะติดตามเยี่ยตงผิงไปตามงานประมูลวัตถุโบราณ และรู้จักกับจวงรุ่ยคนนี้   จากนั้นโจวเซี่ยวเทียนได้ส่งกระแสเสียงจิตไปกระซิบบอกว่า

“อาจารย์ ตาของเขาคือโอวหยางกัง เป็นคนมีอิทธิพลมากในปักกิ่ง

“เอ๋? เป็นหลานชายของโอวหยางกังหรอกหรือ? ไม่ผิดแน่ น่าสนใจจริงๆ”

เยี่ยเทียนยิ้มออกมา พื้นเพของคนๆนี้มีความคล้ายคลึงกับตนเอง โอวหยางกังคนนั้นเขารู้จักดีว่าเมื่อก่อนเป็นขุนพลผู้บุกเบิกชาติจีนคนหนึ่ง และยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ อำนาจบารมีของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าซ่งเฮ่าเทียนเลย

แต่เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มจวงรุ่ยคนนี้มีความคล้ายคลึงกับเจียงซาน ในร่างกายของเขามีพลังบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งแม้แต่เยี่ยเทียนยังดูไม่ออก พลังที่ซ่อนเร้นของเขานี้สามารถทำให้เจ้าของมีความสามารถพิเศษใดได้บ้าง?

“เยี่ยเทียน ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ถังเหวินหย่วนเห็นเยี่ยเทียนนิ่งเงียบไปนานจึงถามต่อว่า

“ไม่งั้น….ฉันให้คนไปสืบเรื่องของคนพวกนั้นมาดีไหม?”

“ไม่ต้องหรอก เหล่าถัง ไป….เข้าไปกันเถอะ!”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า บนโลกอันกว้างใหญ่ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่พิเศษ เจียงซานศิษย์อีกคนของเขากับเจ้าหนุ่มจวงรุ่ยคนนี้ ต่างเป็นคนที่ได้รับพรสวรรค์จากฟ้า

เยี่ยเทียนพิจารณารูปลักษณ์ของเขาแล้ว อนาคตของจวงรุ่ยจะต้องเป็นเศรษฐี ทั้งยังจะได้เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพียงแต่วิถีแห่งความประสบความสำเร็จที่เลือกนั้นอาจจะไม่เหมือนคนอื่น       เยี่ยเทียนไม่มีข้อวิจารณ์ใดในเรื่องนี้

เมื่อเยี่ยเทียนละสายตาจากพวกเขาไปแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นถึงหันมามองด้วยความสงสัย แต่ได้เห็นเพียงแค่เงาเบื้องหลังของพวกเขา แล้วก็ถูกหญิงสาวข้างๆดึงตัวเข้าไปในห้องรับแขก

เยี่ยเทียน ถังเหวินหยวนและหลี่เชาเหรินเดินเข้ามาถึงห้องหนังสือของท่านเซอร์เฮ่อ  เมื่อเข้าไปแล้วบริกรส่งน้ำชาให้พวกเขาสามแก้ว แล้วปิดประตูลง เยี่ยเทียนถามขึ้นเรียบๆว่า

“มีอะไรก็ว่ามา?”

“คุณเยี่ย เรื่องนี้อย่าได้ตำหนิคุณถังเลย เป็นเพราะผมตื๊อเขาเอง”

ไม่ต้องรอให้ถังเหวินหย่วนเอ่ยปาก หลี่เชาเหรินรีบอธิบายขึ้นมา

“คุณเยี่ย ผมอายุมากแล้ว ช่วงนี้กำลังวังชาถดถอย ได้ยินจากคุณถังว่าคุณปรุงยาวิเศษขึ้นมาได้ชนิดหนึ่ง กินเข้าไปแล้วทำให้อายุยืนไม่แก่โทรม ผมอยากจะขอยานั้นจากคุณ!”

ฮ่องกงอันกว้างขวางใหญ่โต พวกอภิมหาเศรษฐีเหล่านี้มักมีเวลาพบปะสนทนากันบ่อย เมื่อสังเกตเห็นร่างกายที่สูงวัยทรุดโทรมของถังเหวินหย่วนจู่ๆเกิดดูมีเรี่ยวแรงเพิ่มพูนเหมือนหนุ่มๆ เป็นที่น่าสงสัยแก่ผู้ที่ได้พบเจอยิ่ง

หลี่เชาเหรินสนิทสนมกับถังเหวินหย่วนเป็นอย่างดี จึงอาศัยจังหวะบังคับถามเขา ถังเหวินหย่วนไม่กล้าพูดถึงเรื่องค่ายกลในบ้าน แต่ก็ถูกต้อนจนจนมุม จึงได้อ้างเหตุผลอื่นขึ้นมาหลอกล่อ โดยใช้ยาที่โก่วซินเจียปรุงขึ้นเป็นตัวล่อ

“เอ๋? มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”

เยี่ยเทียนฟังจบถึงรู้ว่าตัวเองโทษถังเหวินหย่วนผิดไป เขายิ้มอย่างขออภัย แล้วตอบว่า

 “ยานั้นมีค่ามหาศาล ผมมีเหลืออยู่ไม่มากแล้ว แต่ในเมื่อคุณหลี่เอ่ยปากแล้ว ผมจะนำออกมาเม็ดหนึ่งเพื่อใช้เป็นของประมูลในคืนนี้ คุณจะได้ไปหรือไม่นั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่คุณแล้ว!”

ระหว่างทางที่มาเยี่ยเทียนได้ฟังเหลยหู่เล่าว่าแขกที่มาในงานประมูลการกุศลครั้งนี้ต่างนำเอาสิ่งของออกประมูลคนละหนึ่งชิ้น เดิมทีเยี่ยเทียนคิดว่าจะหาหยกสักชิ้นมาสร้างเป็นเครื่องรางแล้วนำออกประมูล แต่เมื่อถูกหลี่เชาเหรินขอยาวิเศษ เขาจึงเปลี่ยนใจ

ยาที่ว่านี้ไม่ค่อยมีประโยชน์กับเยี่ยเทียนนัก แต่สำหรับบุคคลทั่วไปแล้วกลับเป็นเหมือนยาวิเศษจากสวรรค์ กินเข้าไปเม็ดหนึ่งสามารถเพิ่มอายุได้มากถึงห้าปีโดยไม่มีปัญหา

ยาชนิดนี้เยี่ยเทียนไม่นำออกจำหน่ายแน่ เพียงแต่ใช้เป็นสิ่งของประมูลเพื่อให้โอกาสหลี่เชาเหรินได้สร้างกุศลเพื่อแลกกับยาตามความประสงค์

 ……………………..