ตอนที่ 894 ประมูล (1)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

“คุณหลี่ คุณก็รู้ว่าผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน วันนี้ถ้าคุณอยากได้ยา ก็อย่าไปเที่ยวป่าวประกาศเชียว”

ลาภยศสรรเสริญในโลกมนุษย์ตอนนี้สำหรับเยี่ยเทียนแล้วเป็นของไร้ค่า ถ้าไม่มีครอบครัวเป็นบ่วงรัดอยู่ เขาคงจะหลบหนีไปอยู่ในโลกแห่งความสงบว่างเปล่านานแล้ว ดังนั้นเขาไม่ต้องการให้พวกพ่อค้าใจโลภเหล่านี้มารบกวน

สำนวนโบราณที่ว่าถ้ามีเงินจะสั่งให้ผีทำงานให้ก็ยังได้  เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เหล่าพ่อค้าคหบดีเห็นด้วย หากเรื่องยาอายุวัฒนะของเยี่ยเทียนถูกแพร่ออกไป เยี่ยเทียนกลัวว่าจะมีคนจำนวนมากมาหาเขาทุกวันเพื่อมอบเงินจำนวนมหาศาลแลกกับยาวิเศษ

“คุณเยี่ย วางใจเถอะครับ ผมไม่ใช่คนไม่รู้กาลเทศะ”

หลี่เชาเหรินได้ยินดังนั้นก็รีบรับปากอย่างดีใจ ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์หรือสามัญชนต่างอยากมีอายุยืนยาว ยิ่งผู้ที่มีทรัพย์มาก ยิ่งรักชีวิต

“เอาล่ะ พวกเราออกไปเถอะ!”

เยี่ยเทียนพยักหน้า ถ้าไม่ใช่หลายปีมานี้หลี่เชาเหรินหมั่นทำความดีสร้างบุญกุศลแล้วเยี่ยเทียนไม่มีทางยอมมอบยาให้แน่ การให้คนแบบนี้มีชีวิตยืนยาว ถือเป็นการสร้างกุศลทางหนึ่งของเยี่ยเทียน ถ้าเปลี่ยนเป็นให้คนเลวมีชีวิตยืนยาวต่อให้เขายอมใช้เงินมากกว่านี้มาแลก เยี่ยเทียนจะไม่สนใจเลย

“คุณหลี่ออกมาแล้ว”

“เอ๋? คนที่ยืนอยู่ข้างคุณหลี่คนนั้นเป็นใครหรือ?”

“นั่นนะสิ คนหนุ่มคนนั้นทำไมยืนอยู่ตรงกลางระหว่างผู้อาวุโสทั้งสอง?”

เยี่ยเทียนยืนอยู่กับถังเหวินหย่วนและหลี่เชาเหริน แขกคนอื่นๆในห้องโถงต่างหันมาจับจ้อง นี่เป็นกฎของแรงดึงดูด ต่อให้หลี่เชาเหรินเป็นคนต่ำต้อยกว่านี้ก็ไม่มีทางกลบรัศมีของความเชื่อมั่นในตนเองและความร่ำรวยที่แผ่ออกมาได้

“พูดน้อยๆหน่อย คนนั้นคืออาจารย์เยี่ย!”

“เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับอาจารย์จั่ว อย่าไปมีปัญหากับเขาเชียว!”

คนที่ไม่รู้จักเยี่ยเทียนส่วนใหญ่จะเป็นทายาทรุ่นสามของเถ้าแก่แห่งเกาะฮ่องกง คำพูดของพวกเขาถูกผู้อาวุโสของตัวเองตำหนิ เพราะไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ คนที่ทำธุรกิจมักไม่นิยมมีปัญหากับคนในสำนักวิชา

“คนที่ชื่อจวงรุ่ยคนนั้น มีความสามารถพิเศษอะไรกันแน่?”

เยี่ยเทียนรู้สึกถึงสายตาที่มองเขาอยู่ทางด้านหลัง เขาหันหลังกลับไปยิ้มให้จวงรุ่ยที่นั่งอยู่กับสาวสวยอยู่ที่มุมหนึ่ง แล้วหันกลับมาพูดกับหลี่เชาเหรินว่า

“คุณหลี่ คุณตามสบายนะครับ ผมขอตัวไปอยู่กับพวกลูกศิษย์ของผม”

“คุณเยี่ย ผมจะไปนั่งตรงนั้น รู้ว่าคุณไม่อยากนั่งรวมกับพวกคนแก่อย่างผมตรงนี้!”

หลี่เชาเหรินหัวเราะ หลังจากเยี่ยเทียนรับปากเขาแล้ว เขาก็ดูอ่อนเยาว์ลง แล้วนั่งลงในห้องหนังสือของท่านเซอร์เฮ่อ พร้อมกับถังเหวินหย่วนและคนอื่นๆ

งานเลี้ยงประมูลการกุศลแบบนี้แม้จะเป็นงานที่จัดเรียบง่าย แต่ยังมีขอบเขตของชนชั้นทางสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นเจ้าของอย่างท่านเซอร์เฮ่อ ที่เป็นบริษัทเก่าแก่มีชื่อเสียงมานาน แม้มีเพียงสี่ห้าคนแต่ก็เป็นจำนวนหนึ่งในสามของคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ และแน่นอนว่าที่นั่งด้านข้างของพวกเขาไม่มีใครกล้าเข้ามานั่งด้วย

อย่างเช่นเจ้าของธุรกิจหวาเซิ่งอย่างเหวินหลวนสงเป็นทายาทรุ่นที่สองที่สามของมหาเศรษฐีแห่งเกาะฮ่องกงมีจำนวนคนมาด้วยมากหน่อย นั่งกินพื้นที่ไปประมาณหนึ่งในสามของทั้งหมด พวกเขาท่าทางวางก้ามมากกว่าคนชราที่มานั่งจิบชาดูการประมูล เสียงหัวเราะดังมาจากทางพวกเขาเป็นระยะ

ในห้องโถงนอกจากคนพวกนี้แล้วยังมีคนหนุ่มสาวที่เป็นทายาทลูกหลานของเหล่าเศรษฐี พวกเขาก็มีขอบเขตของตัวเองเช่นกัน คนที่มีสัมพันธ์อันดีต่อกันก็จับกลุ่มพูดคุย เทียบกับรุ่นพ่อแม่แล้วพวกเขาดูสง่างามกว่าแต่แฝงไปด้วยความหยิ่งทระนง

“ทำไม เซี่ยวเทียน ไม่ไปพูดคุยกับพวกเขาล่ะ?”

เยี่ยเทียนเดินมาถึงมุมห้อง ตบหัวโจวเซี่ยวเทียน ที่กำลังดื่มสุราอยู่เงียบๆ

“ฉันว่าอีกหน่อยแกต้องกลายเป็นทาสเมียแน่ เพิ่งแยกกันได้ครู่เดียวก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว?”

“อาจารย์ ไม่ใช่นะ”

โจวเซี่ยวเทียนหน้าแดงรีบอธิบายต่อว่า

“ผม…ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเขา”

“ก็จริง พวกคนแก่ก็ถือเนื้อถือตัว ส่วนคนหนุ่มสาวก็หยิ่งทระนงตน ไม่มีอะไรให้คุยหรอก”

เยี่ยเทียนหูกระดิก เขาได้ยินเสียงวิจารณ์ที่ลอยมาเข้าหู อย่าว่าแต่ลูกศิษย์ที่ไม่อยากคบหาสุงสิงกับคนพวกนี้เลย ตัวเขาที่อยู่ในวงการมานานยังขี้เกียจไปเจรจาพาทีด้วย

“อาจารย์ นี่อาจารย์ว่าผมหรือ?”

เหลยหู่ไม่รู้ว่ามุดมาจากรูไหน ขั้นวิชาของเขาเข้าถึงระดับเซียนเทียนแล้ว เสียงของเยี่ยเทียนไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ได้ยิน

“รับแกเข้าสำนักนี่ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ เหลยหู่ สำนักเสื้อป่านต่อไปต้องให้แกดูแล”

เยี่ยเทียนเห็นว่าเหลยหู่พูดคุยกับคนพวกนั้นอย่างออกรส ยังได้รับการสนับสนุนจากเหวินหลวนสง เหลยหู่ที่เข้าถึงระดับเซียนเทียนแล้ว พลังอาฆาตที่สะสมในร่างกายเป็นแรมปีสูญสลายหมดสิ้น จนบางครั้งเปล่งพลังเซียนเทียนออกมาเป็นครั้งคราว เป็นที่ดึงดูดคนภายนอกให้เข้าใกล้

เหลยหู่พยักหน้า

“อาจารย์ วางใจเถอะ รอให้พวกเราจากไปก่อน ผมจะทำให้สำนักเสื้อป่านของเราเจริญรุ่งเรือง

“จากไป? อาจารย์ จะไปไหน?”

โจวเซี่ยวเทียน ได้ยินดังนั้นก็แปลกใจ จากความหมายของเหลยหู่รู้สึกเหมือนว่าการจากไปนั้นจะไม่หวนกลับมาอีกเลย

“รอจนแกเข้าถึงระดับเซียนเทียนแล้วก็รู้เอง ตอนนี้ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้น”

เยี่ยเทียนโบกมือแล้วไม่อธิบายอะไรต่ออีก โจวเซี่ยวเทียนยังอยู่ในระดับชั้นโฮ่วเทียนขั้นสูง ดวงจิตยังไม่เปลี่ยนเป็นจิตดั้งเดิม พลังวิเศษจากค่ายกลนั้นยังพอให้เขาดูดซับได้อยู่ แต่ถ้าเข้าสู้ระดับเซียนเทียนเมื่อไหร่ เขาจะเข้าใจเองว่าไม่ว่าจะทั้งพลังวิเศษอันหายากหรือพลังอากาศมลพิษที่มีอยู่บนพื้นโลกล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกถึงขั้นเซียนเทียนทนรับไม่ได้

“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานประมูลการกุศลที่จัดขึ้นโดยท่านเซอร์เฮ่อ ทุกๆท่านคงทราบดีว่าในประเทศของเราตอนนี้กำลังเกิดวิกฤตการณ์ภัยธรรมชาติ ประชาชนจำนวนมากกลายเป็นผู้ประสบภัย…..”

ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังคุยกับศิษย์ทั้งสองอยู่นั้น เสียงของเฉินจิ้งหลันดังขึ้นในห้องโถง แสงไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องลงบนตัวเธอ งานประมูลการกุศลได้เริ่มขึ้นแล้ว

“วันนี้ประธานงานประมูลได้แก่คุณหลี่และคุณถังเหวินหย่วน….”

หลังจากแนะนำแขกกิตติมศักดิ์ซึ่งเป็นคหบดีใหญ่หลายคนแล้ว เฉินจิ้งหลันยังหันไปมองที่เยี่ยเทียน เห็น         เยี่ยเทียนส่ายหัวเล็กน้อย เธอยิ้มมุมปากแล้วแนะนำคนอื่นๆต่อ

“ยังมีคุณเหวินหลวนสง คุณหวาเซิ่ง เจิ้งเจวี๋ยซื่อ….”

รายชื่อแขกเกือบทุกคนในงานถูกประกาศจนครบ เฉินจิ้งหลันพูดต่อว่า

“คืนนี้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านสามารถนำของรักของหวงของตัวเองออกมาร่วมประมูลได้คนละหนึ่งชิ้น ส่วนผู้ประมูลซื้อแน่นอนว่าต้องเป็นท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้  เงินที่ได้จากการประมูลทั้งหมดจะมอบให้กับผู้ประสบภัย หวังว่าทุกท่านจะประมูลกันอย่างเต็มที่….

และงานประมูลในคืนนี้มีดิฉันและคุณเฮนรี่เป็นผู้ดำเนินรายการ การประมูลจะเริ่มต้น ณ บัดนี้ ไม่ทราบว่าท่านใดจะเป็นผู้มอบของประมูลชิ้นแรกออกมา?”

ข้างกายของเฉินจิ้งหลันมีชายชาวต่างชาติยืนอยู่ เยี่ยเทียนเห็นดังนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา โลกนี้ช่างกลมเสียจริง คุณเฮนรี่คนนี้เป็นคนเดียวกับที่เยี่ยเทียนเจอในงานประมูลคัมภีร์ไคหยวน เมื่อก่อนพวกเขาทั้งสองเคยติดต่อธุระกันมาก่อน

“งานการกุศลต้องพูดน้อยทำมาก งานการกุศลครั้งนี้เกิดจากความคิดของผม งั้นผมขอเป็นคนเริ่มต้นก็แล้วกัน!”

เสียงของเฉินจิ้งหลันยังไม่ทันขาดคำ ท่านเซอร์เฮ่อ ก็พูดขึ้นมา

“ในยุคปี 80 ผมเคยประมูลแจกันลายเส้นเคลือบสมัยฮ่องเต้เฉียนหลง วันนี้ผมนำมันออกมาประมูล ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งหมื่นหยวน ใครอยากเป็นเจ้าของเริ่มประมูลราคากันได้เลย!”

ตามด้วยเสียงของท่านเซอร์เฮ่อ  พนักงานบริกรสองคนได้ถือเอาแจกันลายเคลือบคู่หนึ่งออกมาตั้งบนโต๊ะด้านหน้าของเฮนรี่ แจกันลายเส้นเคลือบคู่นี้สูงประมาณ 12.7 เซนติเมตร ฝีมือแกะสลักละเอียดประณีต ด้านบนมีแสงไฟส่องลงมาต้องตัวแจกันให้โดดเด่น ทั้งการย้อมสีและลวดลายเป็นแบบศิลปะตะวันตก

“ท่านเซอร์เฮ่อตั้งราคาไว้ต่ำจริง แจกันคู่นี้ ถ้าเป็นในงานประมูลอื่นมันต้องราคาอย่างน้อยสามล้านเหรียญฮ่องกงขึ้นไป!”

เฮนรี่ประกาศออกมาเป็นภาษาฮ่องกงอย่างคล่องแคล่ว ต่อด้วยการสาธยายคุณค่าของแจกันลายเส้นเคลือบโบราณชิ้นนี้

สรรพคุณที่เฮนรี่บรรยายยังถือว่าไม่เกินตัว  แจกันกระเบื้องแตกง่ายรักษายาก การจะหาเป็นคู่โดยสมบูรณ์ยิ่งยากขึ้นไปอีก ถ้าบอกว่าแจกันใบหนึ่งมีค่าสามหมื่นหยวนแล้ว สองใบคู่กันนั้นจะต้องมีมูลค่าสูงกว่าแปดหมื่นหยวน

“ความเมตตาของท่านเซอร์เฮ่อ ช่างน่าประทับใจมาก ผมประมูลสิบล้านเหรียญฮ่องกง!”

ในที่นั้นยังมีคนที่รู้มูลค่าของอยู่บ้าง สิ้นเสียงของเฮนรี่ก็มีคนร้องตะโกนขึ้นมา

“สิบสองล้านเหรียญฮ่องกง!”

การประมูลราคาแบบนี้ มูลค่าของสิ่งของนั้นไม่สำคัญ แต่ไม่มีใครอยากเป็นคนขี้งกในสายตาคนอื่น การเสียเงินเป็นสิบล้านเพื่อซื้อของราคาหมื่นเดียว ท่านเซอร์เฮ่อยอมนำของมีค่าของแท้ออกมา คนอื่นๆก็ต้องไว้หน้าเขาให้ราคาสูง

“สิบห้าล้าน!”

“ฉันให้สิบแปดล้านเหรียญฮ่องกง!”

ปีหลังๆมานี้ราคาวัตถุเครื่องกระเบื้องจากราชวงศ์ชิงนั้นถูกตั้งราคาไว้สูงมาก ในบ้านของมหาเศรษฐีแต่ละคนต้องมีไว้ประดับบารมี ราคาประมูลตอนนี้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ

“อาจารย์ เราจะเอาไหม?”

เมื่อก่อนเหลยหู่เห็นของดีชิ้นไหนเข้า ถ้าไม่แย่งมาด้วยปืนก็จะชิงมาดื้อๆ งานประมูลชนิดนี้เขาไม่ค่อยได้เข้าร่วม เห็นคนอื่นตะโกนราคาประมูลยิ่งสูงขึ้น ยิ่งรู้สึกนั่งไม่ติด

“แกพูดเป็นเล่นไป ฉันให้แกห้าสิบล้านไปทำอะไร?”

เยี่ยเทียนถลึงตาใส่เหลยหู่อย่างไม่สบอารมณ์

“วันนี้มาเสียเงิน แกก็กล้าๆใช้เงินไปเลย?”

“ครับ อาจารย์ อาจารย์ดูให้ดีนะ!”

ฟังเยี่ยเทียนว่าดังนั้น เหลยหู่หัวเราะชอบใจ เขายกมือซ้ายขึ้นสูง ยังไม่ทันฟังว่าราคาสุดท้ายที่มีคนเสนอไปนั้นเท่าไหร่ เขาตะโกนออกไปเสียงดังฟังชัด

“ฉันให้สิบห้าล้าน!”

“ให้ตายสิ ขายหน้าจริง เมื่อครู่คนอื่นเสนอราคาไปสิบแปดล้าน แกพูดอะไรของแก?”

เสียงของเหลยหู่ยังไม่ทันจบ เยี่ยเทียนเกือบจะตบกะโหลกเขาเข้าให้

“คุณผู้ชายท่านนี้ ก่อนหน้าคุณมีคนเสนอราคาไว้ที่สิบแปดล้านแล้ว คุณไม่สามารถเสนอราคาที่ต่ำกว่านี้ได้!”

เสียงของเฮนรี่ทำให้ทุกคนในห้องหันมาจับจ้องที่พวกเยี่ยเทียนทันที บางคนแอบหันกลับไปยิ้มเยาะ งานประมูลการกุศลแบบนี้ ไม่ได้เป็นงานเล็กๆ ทั่วไป

……………………………