ตอนที่ 895 ประมูล (2)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

“เจ้านั่นมาจากไหนน่ะ เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้?”

“นั่นน่ะสิ คนอื่นเขาเสนอราคาตั้งสิบแปดล้านแล้ว เขายังกล้าพูดว่าสิบห้าล้านอีก?”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นทั่วห้องโถง แต่ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว คนที่อายุมากกว่าสี่สิบต่างรู้จักเหลยหู่ทั้งนั้น ถึงเรื่องที่เหลยหู่ทำจะน่าอับอายแค่ไหน แต่อิทธิพลของสมาคมหงเหมินนั้นคนเหล่านี้มีหรือจะกล้าดูถูก?

ผู้ใหญ่หลายคนรีบห้ามปรามบุตรหลานของตัวเอง ภัยจากปากของตัวเองไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย ถ้าถูกเหลยหู่จับตามองเข้าวันรุ่งขึ้นได้กลายเป็นหมาหัวเน่าถูกถลกหนังนอนอยู่ข้างถนน

“นี่? หุบปากกันให้หมด!”

จากเสียงพึมพำที่ดังขึ้นทั้งห้องโถง ถูกอีกเสียงหนักแน่นที่สั่งอย่างเด็ดขาด ราวกับเสียงระฆังเตือนภัยที่ดังขึ้น ภายในชั่วลมหายใจทั้งห้องโถงก็เงียบกริบ สายตาของทุกคนสอดส่ายตามหาต้นเสียงด้วยความรู้สึกอึดอัดในใจ

“แกนี่ ไม่กลัวว่าพวกคนแก่เขาจะตกใจจนล้มป่วยหรือ?”

เสียงคำรามของเหลยหู่ดังขึ้น เยี่ยเทียนฟาดมือลงบนศีรษะของเขาทันที ทุกคนล้วนเป็นคนธรรมดามีหรือจะรองรับเสียงทรงอำนาจจากพลังปราณเดิมแท้ของเขาได้ ถ้าไม่ได้เยี่ยเทียนห้ามไว้เรื่องราวคงจะบานปลาย

“อาจารย์ ทำให้อาจารย์ขายหน้าเลย”

เหลยหู่หดหัวกลับและกล่าวโทษตัวเอง เขาพลาดไปที่ยังไม่ฟังให้ชัดเจนว่าราคาตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่แล้ว พรุ่งนี้เรื่องนี้คงจะเป็นข่าวตลกโปกฮาไปทั่วทั้งเกาะฮ่องกง

“ขายหน้าอะไรกัน?” เยี่ยเทียนสะบัดมืออย่างไม่สบอารมณ์ “แกไปนั่งที่อื่นไป ก็แค่เรื่องเงินแค่นี้เอง? เงินทำให้ขายหน้าได้ ก็ใช้เงินเรียกหน้ากลับคืนมาได้!”

ได้ยินดังนั้นแล้วเหลยหู่ยอมย้ายไปนั่งอีกด้านแต่โดยดี แล้วตะโกนขึ้นไปบอกพิธีกรบนเวทีว่า

“เริ่มประมูลต่อได้แล้ว!”

เสียงดังของเหลยหู่แฝงด้วยพลังปราณแท้ที่ทำให้คนจิตใจสงบลง ตามด้วยเสียงของเขา ผู้คนในห้องโถงพากันถอนใจยาวอย่างโล่งใจ ส่วนคนหนุ่มที่หัวเราะเยาะเมื่อครู่ ตอนนี้หันมามองเหลยหู่ด้วยแววตาหวาดหวั่น

“อะแฮ่ม เมื่อครู่คุณผู้ชายท่านนี้ได้ล้อเล่นกับทุกท่านเล็กน้อย….”

เฮนรี่ดึงเกมส์กลับมาได้ทัน เหลยหู่ช่วยให้เขาประคับประคองงานไปได้ กล่าวต่อว่า

“ด้านล่างเริ่มประมูลต่อกันได้เลยครับ คุณหวงให้ราคาสิบแปดล้านแล้ว ยังมีใครให้สูงกว่านี้อีกไหมครับ?”

“ใครบอกว่าเขาล้อเล่นกันเล่า?”

เสียงของเฮนรี่ยังไม่ทันจบลง เสียงของเยี่ยเทียนดังขึ้น “สำนักเสื้อป่าน ให้ราคาสิบห้าล้าน งั้นก็ราคาสิบห้าล้าน!”

เยี่ยเทียนพูดจบ ทุกคนหันมาจับจ้องเขาเป็นตาเดียว บอกว่าเหลยหู่ให้ราคาผิด ถ้าอย่างนั้นเยี่ยเทียนไม่ใช่กำลังหาเรื่องอยู่หรือ

“คุณเยี่ยนี่เอง….”

เฮนรี่บนเวทีจำเยี่ยเทียนได้ หลายปีก่อนในงานประมูลตำราโบราณ เป็นงานประมูลที่อันตรายที่สุดในชีวิตของเฮนรี่เลยก็ว่าได้ เขาจึงจำเยี่ยเทียนได้ขึ้นใจ เขาโบกมือแล้วพูดว่า

“ผมอยากให้คุณเข้าใจในกฎของเราหน่อยนะครับ ทุกครั้งที่มีการบอกราคา ตัวเลขจะต้องสูงขึ้นเรื่อยๆ ห้ามน้อยลงนะครับ”

เยี่ยเทียนยิ้มออกมา แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า

“เหลยหู่บอกว่าสิบห้าล้าน เขาหมายถึงดอลลาร์สหรัฐต่างหาก เฮนรี่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“อะไรนะครับ? สิบห้าล้านดอลลาร์สหรัฐ?”

“ล้อเล่นใช่ไหม? นั่นเป็นเงินแปดเก้าสิบล้านเหรียญฮ่องกงเชียวนะ”

“นั่นน่ะสิ ใช้เงินมากมายขนาดนั้นไปซื้อแจกันดอกไม้ ไม่คุ้มเลย!”

แขกในงานวิพากษ์วิจารณ์เยี่ยเทียนเป็นการใหญ่ แม้จะเป็นงานประมูลการกุศล ทุกคนต่างให้ราคาสิ่งของแต่ละชิ้นสูงลิ่วอยู่แล้ว แต่สิบห้าล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น กลับแพงเกินไปสำหรับแจกันโบราณคู่หนึ่ง อย่างน้อยก็แพงกว่าสามเท่า

“คุณ….คุณเยี่ย  คุณไม่ได้พูดผิดใช่ไหม?”

เฮนรี่เสียงสั่น ถ้าเป็นราคานี้เข้าจริงๆ ต่อให้เป็นงานการกุศลก็เถอะ จะต้องถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นราคาแจกันเครื่องเคลือบโบราณที่แพงที่สุดตั้งแต่มีการประมูลมา

เยี่ยเทียนยืนยันหนักแน่น

“ท่านเซอร์เฮ่อ มีความเมตตากรุณา ผมเป็นตัวแทนสำนักเสื้อป่านออกเงินช่วยเหลืออีกแรง ทั้งหมดสิบห้าล้านดอลลาร์สหรัฐไม่ผิดแน่!”

เฮนรี่รอจนเยี่ยเทียนยืนยันแล้วก็ตะโกนออกมา

“ดีครับ คุณเยี่ยให้ราคาสิบห้าล้านดอลลาร์ ยังจะมีใครให้ราคาสูงกว่านี้อีกไหมครับ?”

“สิบห้าล้านครั้งที่หนึ่ง  สิบห้าล้านครั้งที่สอง สิบห้าล้านครั้งที่สาม!”

“ครับ แล้วแจกันเครื่องเคลือบโบราณลายดอกไม้นี้ตกเป็นของคุณเยี่ยแล้ว ขอบพระคุณคุณเยี่ยมากที่สร้างกุศลบริจาคเงินจำนวนมหาศาล!”

คนที่พูดอยู่นี้คือเฉินจิ้งหลัน เธอมองเยี่ยเทียนด้วยสายตาสับสน ชายคนนี้ในอดีตกลับกลายเป็นผู้มั่งมีที่สุดในกลุ่มพ่อค้าชาวจีนโพ้นทะเล โดยที่ไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้ ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง

เมื่อค้อนทุบลงบนโต๊ะประมูล ผลของการประมูลสิ่งของชิ้นแรกถูกตัดสินแล้ว ไม่ว่าจะทั้งเหตุการณ์ระหว่างประมูลหรือราคาต่างเกินความคาดหมายของทุกคนในที่นั้น พวกเศรษฐีที่คิดอยากจะประมูลของด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้น ต่างเริ่มใคร่ครวญกันใหม่ว่าจะลงเงินประมูลดีไหม

“ของประมูลชิ้นต่อไปเป็นสร้อยคอเพชร ทำจากเพชรแท้แปดสิบเอ็ดเม็ด เมื่อปีก่อนซื้อมาจากบริษัทเครื่องประดับแห่งหนึ่งในอังกฤษด้วยราคาสามแสนปอนด์…..”

“สิ่งของชิ้นนี้ผู้เป็นเจ้าของคือคุณเฉินสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างผมตอนนี้ครับ หวังว่าทุกคนจะให้ราคาที่สูง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาค สร้อยเพชรเส้นนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งหมื่นเหรียญฮ่องกงครับ!”

ถ้อยคำของเฮนรี่ทำให้คนที่อยู่ในนั้นต่างตะลึง พวกเขารู้จักเฉินจิ้งหลัน รู้ว่าเธอเป็นนักแสดงระดับนานาชาติ อยู่ๆเธอเกิดดังเป็นพลุแตกขึ้นมา ฐานะทางครอบครับของเธอสู้คนอื่นๆในที่นี่ไม่ได้อยู่แล้ว เธอสามารถนำสร้อยเพชรราคาสามแสนปอนด์ออกประมูลได้ ถือว่าเป็นเงินมูลค่ามากสำหรับเธอแล้ว

“ห้าล้านเหรียญ!”

“ผมให้แปดล้านเหรียญ!”

“สิบล้านเหรียญ!”

ในนั้นมีชายหนุ่มหลายคนที่คอยตามจีบเฉินจิ้งหลัน ทั้งยังเป็นงานประมูลการกุศล ผู้ใหญ่ในบ้านคงจะไม่ตำหนิหากพวกเขาจ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายไปบ้าง ผู้เสนอราคาต่างเป็นลูกเศรษฐีทั้งนั้น ภายในครู่เดียวราคาของสร้อยเพชรพุ่งสูงขึ้นไปถึงสิบล้าน

“พี่จิ้งหลันมีความตั้งใจดีจริงๆ”

เยี่ยเทียนเอียงศีรษะเล็กน้อยบอกเหลยหู่ว่า

“ประมูลสร้อยเส้นนั้นมา แล้วเอาไว้ส่งคืนให้เฉินจิ้งหลันวันหลัง!”

“ครับ อาจารย์”

เหลยหู่รับคำ แล้วยกมือซ้ายขึ้น

“สามสิบล้าน…เอ่อ เหรียญฮ่องกง!”

ได้ยินเหลยหู่ที่ประกาศราคาออกมานั้น ทำให้เยี่ยเทียนอดหลุดขำออกมาไม่ได้

“แกนี่ ใจกว้างหน่อยได้ไหม?”

“อาจารย์ อาจารย์ยอมจ่ายเงินได้ง่ายมากเลย”

เหลยหู่หัวเราะ เมื่อก่อนเขาเป็นผู้มีอำนาจ แต่เลี้ยงลูกน้องเอาไว้หลายคน จึงค่อนข้างขัดสนเป็นบางครั้ง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่คิดจะโจมตีซ่งเวยหลันหรอก

“สามสิบล้านเรียญฮ่องกง มีใครให้ราคาสูงกว่านี้อีกไหมครับ?”

เมื่อเหลยหู่โอ้อวดความร่ำรวยออกมา หลายๆคนจึงยอมรามือไป อย่างน้อยงานการกุศลครั้งนี้ไม่ได้มีไว้แข่งความร่ำรวย

หลายคนที่อยู่ในที่นั้นรู้ที่มาที่ไปของเหลยหู่และเยี่ยเทียน ส่วนคนที่ไม่รู้ก็เห็นว่าเยี่ยเทียนเดินเข้ามาในงานพร้อมกับหลี่เชาเหริน เฮนรี่หลังจากตะโกนย้ำสามรอบแล้ว สร้อยเพชรเส้นนี้ได้ตกเป็นของเยี่ยเทียนในที่สุด

“ไม่ต้องสนใจหรอก ใช้เงินห้าสิบล้านนั้นให้หมดก่อนค่อยว่ากัน!”

เยี่ยเทียนมาร่วมงานในวันนี้ หนึ่งเพื่ออาศัยมือของท่านเซอร์เฮ่อ บริจาคเงินให้แก่ผู้ประสบภัย เพราะเยี่ยเทียนรู้ซึ้งถึงระบบราชการภายในท้องถิ่น เงินที่บริจาคไป ยังไม่แน่ว่าจะถึงมือผู้ประสบภัยสักเท่าไหร่?

สองคือเยี่ยเทียนอยากใช้ชื่อของสำนักเสื้อป่านเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ไม่คำนึงถึงจำนวนเงินว่ามากมายเท่าไหร่ เขาประมูลสิ่งของสิบกว่าชิ้นแรกมาหมด ราคาที่จ่ายไปนั้นสูงจนคาดไม่ถึง

“อาจารย์ พวกเราเหลือไว้ให้คนอื่นบ้าง!”

โจวเซี่ยวเทียนที่ยืนอยู่ข้างเยี่ยเทียนรู้สึกไม่เป็นอิสระ เยี่ยเทียนทำแบบนี้เป็นการช่วงชิงโอกาสในการบริจาคเสียหมด โจวเซี่ยวเทียนรู้สึกถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรมองจากรอบด้าน

“อืม เงินใช้จนเกือบหมดแล้ว ให้คนอื่นบ้างแล้วกัน!”

เยี่ยเทียนพยักหน้า เงินห้าสิบล้านดอลลาร์หากคิดเป็นเงินเหรียญฮ่องกงคงเป็นหลายร้อยล้าน ถือว่าเป็นการบริจาคให้แก่ผู้ยากไร้ไปเสีย

เยี่ยเทียนจึงถอยออกจากการประมูลในทันทีทันใด แต่เขาก็ยังได้ตั้งสิ่งของขึ้นมาประมูลอีก ราคาของสิ่งของประมูลหลังจากนั้นล้วนได้ราคาสูงกว่าที่ควรเป็นหลายเท่าตัวนัก งานประมูลเพิ่งเริ่มได้ครึ่งชั่วโมง ก็ได้เงินบริจาคไปเจ็ดแปดร้อยล้านเหรียญฮ่องกงแล้ว

“เอ๋? หินก้อนนั้นแปลกมากเลย”

บริษัทของตระกูลเจิ้งนำก้อนหินออกมาประมูล ทำให้เยี่ยเทียนสนใจ เพราะแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นเนื้อหยกในชั้นหินนั้น กลับรู้สึกได้ว่าหินก้อนนั้นแผ่พลังธรรมชาติออกมาบางเบา

ทั้งหินก้อนนั้นยังมีที่มา หินก้อนนั้นเป็นหินที่ผู้ก่อตั้งบริษัทอัญมณีตระกูลเจิ้งเป็นคนพนันได้มา สำหรับเขาแล้วเป็นสิ่งของที่มาค่าทางจิตใจมาก แน่นอนว่าหินก้อนนั้นดูภายนอกเป็นของทั่วไป เมื่อนำออกมาประมูลไม่มีใครให้ราคาเลย

ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจะตะโกนราคาออกไป จวงรุ่ยผู้ที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ลุกขึ้นมา

“ผมขอดูหินก้อนนี้หน่อย”

“มีตาหามีแววไม่ หินแบบนี้ยังจะต้องดูอีก?”

“นั่นน่ะสิ อยากให้คุณเจิ้งเสียหน้าหรือไง บอกราคาไปก็จบแล้ว”

ในงานมีเถ้าแก่เจ้าของกิจการอัญมณีอยู่หลายคน การกระทำของจวงรุ่ยทำให้พวกเขาไม่ชอบใจนัก วันนี้ได้ประมูลสิ่งของไปหลายชิ้นแล้ว แต่การขอให้พิสูจน์ของนั้นนี่เป็นครั้งแรก

“ผมให้ห้าหมื่น”

จวงรุ่ยมองดูก้อนหินแล้วประกาศราคาออกมา

“เฮ้อ เจ้าหนุ่มนี่ได้เปรียบจริง เขาน่าจะมองเห็นความพิเศษของหยกในเนื้อหิน?”

ตอนที่จวงรุ่ยตรวจดูหินนั้น เยี่ยเทียนใช้พลังสืบดูจนรู้ว่าในตัวของจวงรุ่ยมีพลังบางอย่างไหลเวียนเข้าไปในเนื้อหิน และได้รู้ถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวจวงรุ่ยด้วย

“เอาเถอะ ให้เขาได้ไปแล้วกัน”

เยี่ยเทียนยิ้ม แต่ไม่ได้รู้สึกเสียดายมาก นี่เป็นวิถีของชาวยุทธภพ

 ……………………………….