บทที่ 649

ที่เซียวฉางควนถามเรื่องคฤหาสน์ ความจริงคือต้องการช่วยเย่เฉิน

เขารู้ว่าภรรยาของเขามีนิสัยเป็นอย่างไร ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ดีชอบพูดหยาบคายไม่มีมารยาท เซียวฉางควนจึงกลัวว่าเธอจะไม่ปล่อยเย่เฉิน และยังคงประชดถากถางเขาต่อไป

ในสายตาของเซียวฉางควน ลูกเขยได้ช่วยชีวิตตนเองไว้หลายครั้ง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงถือว่าเย่เฉินเป็นลูกเขยจริง ๆ

ตามคำพูดโบราณ ลูกเขยถือเป็นลูกชายครึ่งหนึ่ง ฉะนั้นเมื่อเขาเห็นเย่เฉินถูกดุ เขาก็รู้สึกสงสารลูกเขยตนเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาถามเกี่ยวกับคฤหาสน์ ก็สามารถดึงดูดความสนใจของหม่าหลันได้ทันที!

เธอมองไปที่เย่เฉินและถามว่า “ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่บ้านถึงจะตกแต่งเสร็จจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ได้? ฉันขอห้องต่างหากอีกหนึ่งห้องเพื่อเอาไว้เล่นไพ่นกกระจอก จะได้เหมือนเพื่อนของฉันคนนั้น ที่สามารถชวนเพื่อนมาเล่นไพ่นกกระจอกในบ้านของตนเองได้!”

เย่เฉินคิดในใจ เล่นไพ่นกกระจอก? คุณมีเงินที่จะเสียหรือ? อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่มูลค่ามากกว่าหนึ่งร้อยล้าน ชวนคนมาที่บ้านเพื่อเล่นไพ่นกกระจอก แล้วถ้าคุณเล่นเสียเงินสองพันแต่ไม่มีปัญญาจ่าย คุณอับอายบ้างไหม?

แต่ว่า เขาไม่สามารถพูดเรื่องนี้โดยตรงกับแม่ยายได้ ก็เลยได้แต่เยาะเย้ยเธออยู่ในใจแค่นั้น

เมื่อนึกถึงจุด เย่เฉินไม่อยากจะถือสาแม่ยาย แล้วกล่าวเบา ๆ “วันนี้ผมไปหาหวังเจิ้งกาง เขาบอกว่าบ้านโดยพื้นฐานเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้าพวกเราอยากย้ายเข้าอยู่ ก็ซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็สามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย”

“เยี่ยมมาก!” เซียวฉางควนดีใจมากเมื่อได้ยินว่าคฤหาสน์สามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้ว

หม่าหลันที่อยู่ข้างๆก็ตื่นเต้นมาก หัวเราะฮ่า ๆแล้วกล่าวว่า “ดี ๆ ๆ! ในที่สุดฉันก็สามารถหลุดพ้นจากบ้านเก่าซอมซ่อนี้แล้ว!”

ขณะพูด เธอก็ได้สติขึ้นมา

ซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า!

มันอะไรกันนี่!

คฤหาสน์นั้นไม่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้หรือ?!

เงินก็ให้เย่เฉินบริจาคที่โครงการProject Hopeไปหมดแล้ว ตอนนี้ตนเองจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า?!

เมื่อถึงจุดนี้ สีหน้าของหม่าหลันไม่สู้ดี และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หวังเจิ้งกางทำเกินไปแล้ว มอบคฤหาสน์ราคาแพงขนาดนี้ให้แต่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า จะให้เราซื้อเอง! ทำไมถึงตระหนี่ขนาดนี้!”

เมื่อเซียวชูหรันได้ยินดังนั้น เธอก็กล่าวอย่างจำใจว่า “โอ้แม่ ทำไมแม่ถึงเป็นคนแบบนี้ คนอื่นเขามอบคฤหาสน์มูลค่ามากกว่าหนึ่งร้อยล้านให้ แม่ยังไม่พอใจอีกหรือ?”

เย่เฉินเข้าใจท่าทางลนลานของหม่าหลันทันที

แม่ยายของตนเองกลัวว่า เซียวฉางควนและเซียวชูหรันรู้ว่าเธอไม่มีเงินแล้ว!

ดังนั้นเย่เฉินจึงจงใจกล่าวว่า “แม่ หวังเจิ้งกางมอบคฤหาสน์ให้ ไม่ใช่มอบเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ อีกอย่างเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องเลือกตามความชอบส่วนบุคคล ถ้าหากพวกเขามอบให้แต่พวกเราไม่ชอบ แล้วเฟอร์นิเจอร์เยอะขนาดนี้จะเอาไปไว้ที่ไหน?”

หม่าหลันโต้เถียงกลับทันทีว่า “ของที่มอบให้ฉันก็ชอบทุกอย่าง? ขอแค่ไม่เสียเงินได้มาฟรี ฉันชอบหมดแหละ!”

เซียวฉางควน กล่าวว่า “โอ้ เฟอร์นิเจอร์เราก็ต้องซื้อที่ตนเองชอบสิ พรุ่งนี้ไปขายร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ไปเลือกแล้วซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่พวกเราชอบ ใช่ว่าครอบครัวเราจะไม่มีเงิน อีกอย่างตอนนี้ครอบครัวเรายังมีเงินมากกว่าสองล้าน ซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าดี ๆ อย่างมากก็ใช้เงินไม่เกินหนึ่งล้าน”

หม่าหลันตื่นตระหนกและกล่าวว่า “จะซื้อทำไม? ไม่ซื้อ! ให้หวังเจิ้งกางมอบให้!”

พูดจบ เธอก็พูดกับเย่เฉินอย่างโมโหว่า “นายรีบโทรศัพท์หาหวังเจิ้งกาง มันเป็นบ้าอะไร? มอบรถให้แล้ว แต่ไม่เติมน้ำมันให้สักถัง แล้วจะให้แม่ขับยังไง? นายบอกให้เขาซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้ก่อน แล้วพวกเราถึงจะย้ายเข้าไป!”

เย่เฉินจงใจกล่าวว่า “แม่ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ประธานหวังรู้สึกเสียดายนิดหน่อย เขารู้สึกว่าไม่ควรให้คฤหาสน์ราคาแพงขนาดนี้ ช่วงสองสามวันนี้เขาบอกกับผมว่า เขาอยากเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์ที่เล็กลงและไกลหน่อยให้ผม”