ตอนที่ 1039: โถงศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ที่ก้นแม่น้ำ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1039: โถงศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ที่ก้นแม่น้ำ

คารา ลี่เว่ยมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินพร้อมดวงตาที่เป็นประกาย นางยิ้ม “สิบปีผ่านไปในพริบตา นิสัยเจ้าเปลี่ยนไปมาก มันเหมือนว่าเจ้าเป็นคนละคนกันเลย หยางยู่เทียน สิบปีผ่านมา ข้าก็ยังเป็นข้า ทำไมเจ้าเปลี่ยนไปขนาดนี้” ความทรงจำเต็มอยู่ในตาคู่สวยของนาง ในขณะที่นางพยายามนึกถึงทุกอย่างในอดีต

เจี้ยนเฉินยิ้มเงียบ ๆ ให้กับคำพูดของคารา ลี่เว่ยแล้วตอบกลับ “แม่นางลี่เว่ยชอบทำตลกเสียจริง อาจจะผ่านไปสิบปีแล้วที่พวกเราได้พบกันครั้งล่าสุด แต่ข้าก็ยังเป็นคนเดิม แม้ว่าความแข็งแกร่งและสถานะของข้าจะแตกต่างจากเมื่อก่อน”

กวานหยูไค่และหยางหลิงดื่มอยู่ด้วยกัน พวกเขาเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้เจี้ยนเฉินพูดคุยไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ลอบมองไปที่เจี้ยนเฉินและคารา ลี่เว่ยเป็นครั้งคราว

“จริงหรือ ? ” คารา ลี่เว่ยยิ้ม นางยื่นนิ้วสีขาวที่ผอมบางของออกไปและเทสุราลงไปในจอกที่ว่างเปล่าบนโต๊ะ จากนั้นนางก็มองไปที่เจี้ยนเฉินแล้วพูด “ในเมื่หยางยู่เทียนยังคงเป็นหยางยู่เทียนคนก่อน เจ้ายังจำเรื่องที่อยู่ในมิติวัตถุเซียนได้ไหม ข้าเคยช่วยเจ้าไว้ครั้งหนึ่ง ? “

“แน่นอน ข้าจำได้ ในตอนนั้น ข้าถูกล้อมอยู่ในมิติของวัตถุเซียน ทั้งหมดเป็นเพราะแม่นางคารา ลี่เว่ยมาได้ทันเวลา ท่านทำให้ศัตรูส่วนหนึ่งวุ่นวายอยู่ ซึ่งทำให้ข้ามีเวลาในการร่ายกระบี่แห่งการพิพากษาและพลิกสถานการณ์ไปได้” เจี้ยนเฉินพูดพร้อมยิ้ม

“ถ้างั้น เจ้าก็ตั้งใจที่จะทดแทนให้ข้าที่ช่วยเจ้าในตอนนั้นใช่หรือไม่ ? ” ตาของนางสว่างไปด้วยแสงที่มีเสน่ห์ในขณะที่นางจ้องตาไม่กระพริบไปที่หน้าของเจี้ยนเฉิน นางยิ้มเล็กน้อย

“ในตอนที่ผนึกของวัตถุเซียนคลายออกในอีก 40 ปี ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยแม่นางลี่เว่ยในการตัดผ่านให้ได้ นี่จะทำให้แม่นางลี่เว่ยพอใจหรือไม่ ? “

“ข้าหวังว่าหยางยู่เทียนที่น่านับถือจะไม่ผิดสัญญาและทำให้ข้าหงุดหงิดนะ” คารา ลี่เว่ยตอบกลับอย่างเงียบ ๆ ด้วยท่าทางที่ตราตรึงใจ หลังจากนั้น นางก็ยกแก้วของนางให้เจี้ยนเฉินแล้วพูด “มา หยางยู่เทียน ข้าต้องการที่จะดื่มอวยพรให้กับท่านเพื่อฉลองความสำเร็จในการที่จะได้เป็นระดับ 7 ของข้าในอีกสี่สิบปีนี้” คารา ลี่เว่ยเอาจอกสุราไปไว้ใกล้ริมฝีปากของเจี้ยนเฉิน นางจ้องไปที่เขาด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อยที่อยู่บนหน้าที่สวยงามของนาง เจี้ยนเฉินยังได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากมือของนาง กลิ่นนั้นช่างยั่วยวน คารา ลี่เว่ยนั้นสวยจนบดบังรัศมีของพระจันทร์ ถ้าเจี้ยนเฉินไม่ได้มีจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาก็คงเผลอใจไปนานแล้ว

เจี้ยนเฉินหัวเราะคิกคักในขณะที่เขารับจอกสุรามาจากคารา ลี่เว่ย จากนั้น เขาก็ดื่มมันจนหมด

“หยางยู่เทียน สุรานี้รสชาติดีหรือไม่ ? ” คารา ลี่เว่ยถามขึ้นมาทันที ในขณะที่ดวงตาของนางยังเปล่งประกาย

“สุรานี้มีค่ามาก ดังนั้นแน่นอน มัน…” เจี้ยนเฉินตอบกลับไปอย่างไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะพูดจบ คารา ลี่เว่ยก็โน้มตัวมาข้างหน้า นางจุมพิตเจี้ยนเฉินด้วยริมฝีปากที่แดงเหมือนเชอร์รี่ของนาง

เจี้ยนเฉินเผลอตัวไป เขาไม่คิดว่าคารา ลี่เว่ยจะทำอะไรแบบนี้ และเขาก็นิ่งอึ้งไปทันที อย่างไรก็ตาม เขาก็กลับมาตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว ปากของพวกเขาผละออกจากกัน และคารา ลี่เว่ยก็หน้าแดง นางถอยไปช้า ๆ พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

พรวด ! กวานหยูไค่พ่นสุราออกมาทันทีในขณะที่เขากำลังดื่มอย่างหนักกับหยางหลิง สุราทั้งหมดพุ่งไปที่หน้าของหยางหลิง ในขณะที่เขาก็นิ่งอึ้งด้วย

หยางหลิงใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขาก่อนที่จะมองไปที่กวานหยูไค่อย่างสับสน “อาจารย์กวานหยูไค่ ทำไมท่านถึงพ่นสุราใส่หน้าข้า ? น่าเสียดายสุราดี ๆ ออก”

“แม่นาง ลี่เว่ย…” เจี้ยนเฉินนิ่งอึ้ง ในขณะที่เขาจ้องตาไม่กระพริบไปที่คารา ลี่เว่ย

คารา ลี่เว่ยหัวเราะคิกคัก รอยยิ้มของนางนั้นมีเสน่ห์มาก ในขณะที่นางยิ่งหน้าแดง นางพูด “หยางยู่เทียน เจ้าต้องจำไว้เสมอว่าเจ้าติดเรื่องที่สำคัญที่สุดกับข้า” หลังจากนั้นพลังเซียนธาตุแสงที่หนาแน่นก็เริ่มควบแน่นกลายเป็นเมฆทันทีที่ใต้คารา ลี่เว่ย นางไม่ได้อยู่ต่อ กลับกัน นางก้าวขึ้นไปบนเมฆและออกจากเรือไป นางไปที่ฝั่ง

“หยางยู่เทียน ข้ามาส่งข้อความจากหัวหน้าตระกูลของข้าด้วยเช่นกัน ตระกูลคาราปรารถนาที่จะเป็นสหายกับท่านตลอดไป” เสียงของคารา ลี่เว่ยดังไปทั่วท้องฟ้า ในขณะที่เสียงของนางบางเบาไป นางก็หายไปในความมืดเช่นเดียวกัน

“เจี้ยนเฉิน เจ้ารออะไรอยู่ ? ไล่ตามนางไปเร็ว ! นางกำลังจะหนีไปแล้ว ! ” กวานหยูไค่วางจอกลงและตะโกนไปที่เจี้ยนเฉินอย่างตาลีตาเหลือก เขากำลังตระหนก

เจี้ยนเฉินมองไปที่ทิศทางที่คารา ลี่เว่ยหายไป เขาส่ายหน้าแล้วฝืนยิ้มออกมาพร้อมถอนหายใจเบา ๆ “มา พวกเรามาดื่มกันต่อ”

“พระเจ้า เจ้าเสียโอกาสดีดีไปแล้ว ถ้าเจ้าไล่ตามนางไป ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก” กวานหยูไค่เสียดาย

การปรากฏตัวขึ้นของคารา ลี่เว่ยนั้นผิดจากแผนของพวกเขาไปเล็กน้อย พวกเขากลับไปอยู่ในสภาพเดิมอย่างรวดเร็วและเริ่มดื่มต่ออย่างหนัก

ในตอนนี้เอง โหยวเยว่ที่อยู่ในชุดแน่นยืนอยู่ที่สนามหญ้าพร้อมกับวัตถุจิตวิญญาณ ข้าง ๆ นางมีหมาป่ายาว 5 เมตรที่เต็มไปด้วยรอยดาบนอนอยู่ มันเต็มไปด้วยเลือด และมันก็หยุดหายใจไปนานแล้ว

โหยวเยว่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของนางในขณะที่นางยืนอยู่ตรงหน้าศพของหมาป่า นางพึมพำ “ทำไมจู่ ๆ ข้าถึงได้รู้สึกไม่สบายใจนะ ? ” หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ สักพัก นางก็เรียกที่ที่ว่างเปล่า “วัตถุจิตวิญญาณ ! “

“ข้าน้อยขอคารวะนายหญิง นายหญิงต้องการอะไรหรือ ? ” วัตถุจิตวิญญาณปรากฏขึ้นที่ข้างข้างโหยวเยว่ เขาสุภาพมาก เหมือนว่าเขากำลังพูดอยู่กับเจี้ยนเฉิน

“ส่งข้าออกไปจากที่นี่” โหยวเยว่พูดกับวัตถุจิตวิญญาณ

“ขอรับ นายหญิง” วัตถุจิตวิญญาณตอบกลับ เขาติดต่อกับเจี้ยนเฉินทันที หลังจากที่เขาได้รับอนุญาตจากเจี้ยนเฉิน เขาก็ปล่อยโหยวเยว่ออกมา

การปรากฏตัวขึ้นมาของโหยวเยว่บนเรือทำให้หยางหลิงและกวานหยูไค่อยากรู้ ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงแนะนำโหยวเยว่ก่อนที่จะดื่มต่อ

โหยวเยว่เปลี่ยนเป็นชุดขาวในเรือทำให้นางกลับมาสวยและสง่างามเหมือนองค์หญิง หลังจากนั้น นางก็นั่งเงียบ ๆ ถัดจากเจี้ยนเฉินและช่วยรินสุราให้เขา นางไม่ได้พูดอะไรเยอะ

ในตอนนี้เอง ท่าทางของหงเหลียน และเฮยยู่ก็เปลี่ยนไป พวกเขานั่งอยู่ที่ด้านหลังของเรือ ทั้งคู่ลืมตาขึ้นมาทันที จากนั้น พวกเขาก็ก้าวออกไป สายตาของพวกเขาเป็นประกายในขณะที่เขามองไปที่ผิวของแม่น้ำ

“มีบางอย่างผิดปกติกับแม่น้ำนี้” หงเหลียนพูดเสียงทุ้ม ตาของนางย้อมไปด้วยสีแดงเหมือนว่ามีเปลวไฟกำลังล้อมอยู่ในตอนนี้ ตาของนางดูเหมือนจะมองทะลุมิติและภาพมายาได้

สักพักต่อมา นางก็ประหลาดใจ นางพูดด้วยเสียงทุ้ม “เป็นไปได้ยังไงกัน ? โถงศักดิ์สิทธิ์มาซ่อนอยู่ที่ก้นของแม่น้ำได้ยังไงกัน ? “

“อะไรนะ ? โถงศักดิ์สิทธิ์ ? ” เฮยยู่ก็ตกใจด้วยในขณะที่ใบหน้าของเขาก็แสดงความเหลือเชื่อออกมา

หงเหลียนพยักหน้าในขณะที่นางจ้องเขม็งไปที่ก้นของแม่น้ำ “โถงศักดิ์สิทธิ์ถูกผนึกที่ก้นแม่น้ำซึ่งปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของมันเอาไว้ ในตอนนี้ ผนึกก็ได้ผุกร่อนไปตามเวลา โถงศักดิ์สิทธิ์กำลังจะหลุดออกมาและลอยขึ้นมาด้านบน”

ทันทีที่หงเหลียนพูดจบ พื้นผิวน้ำที่สงบก็เริ่มปั่นป่วนทันที ฟองใหญ่ผุดออกมาเหมือนน้ำเดือด แม่น้ำทั้งหมดยกตัวขึ้นสูงอย่างเห็นได้ และไหลไปที่ฝั่งของแม่น้ำอย่างรวดเร็ว