บทที่ 1248 สู้เว่ยยาง!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งตระกูลไม่รู้สิ้นแสดงออกมาให้เห็นโดยสมบูรณ์ในชั่วขณะนี้เอง เต๋าแห่งความว่างเปล่าก็เหมือนกับกาลเวลา ล้วนเป็นมหาเต๋าสูงสุดภายในจักรวาลแห่งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะหยั่งรู้ได้ ถึงขนาดคนไร้โอกาสวาสนาใหญ่ก็ทำไม่ได้แม้แต่จะสัมผัสถึง

โดยเฉพาะเว่ยยางจื่อ เห็นได้ชัดว่าเขามีสีหน้าเป็นปกติ คล้ายกับว่า สำหรับเขาแล้ว การแสดงมหาเต๋าความว่างเปล่านี้ช่างเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนกับสัญชาตญาณ สามารถใช้ออกมาสยบกดดันได้ตามต้องการ

ขณะเดียวกันพลังฝึกปรือระดับจักรวาลชั้นมหาวัฏจักรที่ผสานเข้าไปด้วย ก็ทำให้พวกหวังเป่าเล่อทั้งหกที่แม้ว่าจะไม่ธรรมดาสามัญยังเกิดอาการคล้ายจิตใจถล่มลงมาเพราะพลังกดดันสายนนี้ของเว่ยยางจื่ออยู่ดี

หวังเป่าเล่อยังดี พลังธาตุไม้ภายในร่างแผ่กระจายออกมาอย่างไม่จบสิ้น ช่วยเขาหักล้างพลังกดดันที่มาจากภายนอก ถึงยากจะทนรับ แต่ก็มีพลังให้ต้านทาน

ยังมีปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณที่เป็นเช่นเดียวกัน แม้ว่าตอนนี้สีหน้าของเขาจะซีดขาว ตัวสั่นเทา แต่แววตากลับมีจิตวิญญาณการต่อสู้ลุกโชน กระบองยักษ์ในมือก็ยิ่งส่งเสียงดังอื้ออึง คล้ายเผยความไม่ยินยอมในใจของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณออกมา

เพียงแต่…ระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแห่งความมืดกลับน่าเวทนาอย่างยิ่งเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ เป็นเพราะพวกเขาทั้งสามคน…ความจริงแล้วล้วนมีข้อบกพร่องถึงชีวิตอยู่ กล่าวให้ถูกคือ พวกเขาไม่ใช่คนมีชีวิต แต่ถูกแม่น้ำแห่งความมืดชุบชีวิตมาอีกครั้งและได้รับการเสริมพลังจากเจตจำนงเต๋าสวรรค์แห่งความมืดอย่างเฉินชิงจื่อ จากนั้นจึงกลับมาสู่โลก

จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่…สารัตถะจะไม่เพียงพอ ปกติเมื่อต่อสู้กับระดับเดียวกันยังดีอยู่ แต่ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเว่ยยางจื่อผู้ทรงพลังจนน่าตะลึง ทั้งยังถูกมหาเต๋าว่างเปล่ากดดัน จึงทำให้ข้อบกพร่องของพวกเขาสามคนขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุด

โดยเฉพาะสุสานวิญญาณ แม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งกว่าเทพอัฐิอยู่เล็กน้อย แต่เนื่องจากต้นไม้สุสานวิญญาณที่เป็นร่างจริงของเขาแห้งเหี่ยวไปแล้ว แม้จะถูกชุบชีวิตก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเมื่อกายเนื้อพังทลายไปครั้งแรกแล้ว แม้ว่าจะก่อตัวขึ้นใหม่ในทันที แต่สารัตถะนั้นบาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลังจากถูกเว่ยยางจื่อพาไป จากที่ไกลๆ จีเจียและกวงหมิงก็มีกำลังใจมากขึ้น ส่วนตี้ซานมีแววตาซับซ้อน เก็บซ่อนความเหนื่อยล้าเอาไว้ในส่วนลึก หลังจากประสบกับเรื่องเหล่านี้แล้ว สำหรับเขา สงครามแบบนี้น่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน แต่กลับไม่มีวิธีจะเปลี่ยนแปลง เขาจึงเงียบงัน

ทั้งหมดนี้กล่าวแล้วยาวยืด แต่ความจริงก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อเว่ยยางจื่อลงมือ พวกหวังเป่าเล่อต่างก็ได้รับบาดเจ็บ รอบข้างส่งเสียงอึกทึกกึกก้อง ความว่างเปล่าที่ซ้อนทับและก่อตัวเป็นพลังบีบคั้นคล้ายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงวิกฤต ผมของหวังเป่าเล่อปลิวไสว ตาแดงก่ำ ร้องคำรามเสียงต่ำออกมา

“ทุกท่าน ต้องรวมพลังกันจึงจะทำได้!”

“รวมพลัง!” ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณกัดฟัน ยามที่เอ่ยออกมา เขาก็พยายามยกมือขวาขึ้น กระบองยักษ์ในมือมีแสงจ้าบาดตาส่องสว่าง ส่วนพวกนักบุญมืดทั้งสามคนนั้นก็ทำเช่นเดียวกัน

มองจากไกลๆ ทั้งหกคนคล้ายกับแสงของหิ่งห้อยบินอยู่หน้าเว่ยยางจื่อที่เปรียบเสมือนพระจันทร์ คล้ายจะสู้แสงกัน และคนแรกที่ระเบิดแสงออกมาก็คือหวังเป่าเล่อ

ชั่วขณะนี้เอง พลังธาตุไม้ภายในร่างของหวังเป่าเล่อพลันสั่นสะเทือนแล้วแผ่ขยายไปทั่วร่างแล้วแผ่ออกไปข้างนอกทันที ทำให้พืชพรรณนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมารอบๆ ในชั่วอึดใจ ดอกไม้เบ่งบานตลอดทาง เป็นสีเขียวขจีหนึ่งผืน ทั้งยังไม่ได้ผุดขึ้นในความว่างเปล่าชั้นนี้เท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายไปยังความว่างเปล่าหลายสิบชั้นที่ซ้อนทับกันเหล่านี้อย่างรวดเร็ว

ทำให้ภายในความว่างเปล่าทุกชั้นล้วนมีต้นไม้ใบหญ้างอกขึ้นมาอย่างน่าตะลึงจนมันสั่นไหวเล็กน้อย ส่วนเต๋าธาตุน้ำก็ระเบิดออกมาอย่างไร้ขีดจำกัดในชั่วขณะนี้เอง ขณะที่สร้างพลังอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา มือขวาของหวังเป่าเล่อก็ยกขึ้นทันใดแล้วโบกซัดไปข้างหน้า

“คืนพินาศ!”

วิชาคืนพินาศถูกใช้ออกมาด้วยมือของหวังเป่าเล่อในตอนนี้เอง เมื่อเขาโบกมือ ความว่างเปล่าทั้งหมดไปจนถึงความว่างเปล่าทั่วทุกสารทิศก็กลายเป็นสีดำสนิทในทันที

“คืนพินาศหรือ” ในความมืดมิดนี้เอง เสียงของเว่ยยางจื่อดังก้อง ในน้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งความสนอกสนใจ เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสนใจกับวิชาคืนพินาศเช่นนี้ของหวังเป่าเล่อมานานแล้ว

และชั่วขณะที่เขาเอ่ยพูดออกมา ความมืดสนิทรอบตัวกลับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ตาเปล่ามองไม่เห็น แต่สัมผัสสวรรค์กลับรับรู้ได้ ราวกับชั่วขณะนี้เอง ความมืดมิดผืนนี้ได้กลายเป็นผ้าม่านที่มีพลังยิ่งใหญ่อยู่ด้านหลัง กำลังจะฉีกทึ้ง

ในชั่วอึดใจ พลังฉีกกระชากนี้ก็ระเบิดออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางเสียงอึกทึกกึกก้อง ความมืดมิดรอบด้านจากคืนพินาศกลับมีเสียงครืนครางดังออกมาทันที รอยแยกขนาดมหึมาปรากฏขึ้นอยู่ในความมืดมิดผืนนี้จริงๆ แล้ว

ราวกับม่านถูกฉีกออกจนเผยให้เห็น…ร่างของเว่ยยางจื่อที่อยู่หลังม่าน!

“แค่นี้เองหรือ” เว่ยยางจื่อคล้ายผิดหวังนิดหน่อย แต่พริบตาต่อมา ดวงตาของเขาก็หดเกร็งเล็กน้อย

เพราะว่า…พริบตาที่เขาฉีกกระชากความมืดมิด อาทิตย์แรกจากคืนพินาศของหวังเป่าเล่อก็โผล่ขึ้นมากะทันหัน ยิ่งเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เอามาใช้กับจีเจียก็ถูกอีกฝ่ายใช้กระจกโบราณมาสกัดไว้ ดังนั้นครั้งนี้หลังจากหวังเป่าเล่อใช้คืนพินาศออกมา ดาวเคราะห์เต๋าภายในร่างก็สะเทือนดังกึกก้อง เต๋าลอกเลียนระเบิดออกพร้อมระเบิดกฎเต๋าที่ลอกเลียนมาไว้ในร่างของตนนานในชั่วขณะนี้เอง

กฎวิชานั้นก็คือเต๋าแห่งแสง

เต๋าชนิดนี้ถูกหวังเป่าเล่อหลอมรวมเข้ามาในคืนพินาศและหลอมรวมเข้ามาในอาทิตย์แรกของคืนพินาศ ทำให้พลังของอาทิตย์แรกระเบิดขึ้นอีกครั้ง แสงสว่างราวกับท้องทะเล มันสาดส่องไปทางเว่ยยางจื่อในทันใด

ยังไม่จบ ท่ามกลางทะเลแห่งแสงผืนนี้ ระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแห่งความมืดก็ระเบิดพลังออกมาเต็มที่ แม้ว่าก่อนหน้านี้ร่างกายของพวกเราจะถูกกดดัน แต่เมื่ออยู่ภายใต้วิชาคืนพินาศของหวังเป่าเล่อก็คลายลงแล้ว บวกกับการทุ่มกำลังทั้งหมดของแต่ละคนอีก ดังนั้นตอนนี้จึงหลุดพ้นออกมาได้

ในหมู่พวกเขา สุสานวิญญาณกลายเป็นร่างจริงทันที ก่อตัวเป็นต้นไม้สุสานวิญญาณที่ใหญ่ยักษ์ไร้ใดเปรียบต้นหนึ่ง ถึงขั้นที่มองเห็นได้ว่าบนนั้นมีศพจำนวนไม่น้อยแขวนเอาไว้ ขณะที่มันสั่นไหว อักขระโบราณทั้งหมดก็ลอยออกมา ศพทั้งหมดก็ลืมตาโพลงเช่นกัน มันพัวพันรอบต้นไม้สุสานวิญญาณพร้อมเสียงร้องคำราม เกิดเป็นลมพายุพุ่งสู่ความมืดมิดที่ถูกฉีกขาดจนเผยเงาร่างของเว่ยยางจื่อทันที

เทพอัฐิก็เช่นกัน เขาเปลี่ยนเป็นร่างจริง ก่อตัวเป็นมีดกระดูกขนาดมหึมาด้ามหนึ่งพร้อมอานุภาพน่าตะลึง ปราณพิฆาตแผ่กระจายอย่างบ้าคลั่ง แล้วฟันไปยังเว่ยยางจื่อ

ส่วนนักบุญมืด ตอนนี้สองมือเขาทำมุทรา ปราณม่วงทั่วร่างแผ่กระจาย สุดท้ายร่างกายเขาก็หลอมละลายกลายเป็นไอหมอกทั้งหมด เมื่อไอหมอกลอยอวล มันก็กลายเป็นผมยาวสีม่วงพวงหนึ่งพุ่งไปหาเว่ยยางจื่อ

และยังมีปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณที่ตอนนี้ดวงตาโกรธเกรี้ยว ร้องคำรามแล้วกระโจนขึ้นไป กระบองในมือขยายใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดราวกับแฝงไว้ซึ่งพลังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ขณะที่ด้านหลังของเขา ตอนนี้มีรอยประทับเต๋าสามสิบอันปรากฏขึ้นกะทันหัน ทุกรอยประทับล้วนมีเงาร่างเต๋าอย่างละร่างหนึ่งร่าง!

สุดท้ายพวกมันก็เข้ามาซ้อนทับกับร่างจริง และเงาซ้อนทับเหล่านั้นล้วนมีลักษณะเหมือนกับตัวเขาทุกประการ พลังฝึกตนที่ต่ำที่สุดก็คือระดับจักรพิภพชั้นมหาวัฏจักร ถึงขั้นที่ในนั้นยังมีเจ็ดตนที่เป็นระดับจักรวาลทั้งหมด!

แม้จะเป็นเพียงชั้นต้น แต่เมื่อปรากฏตัวออกมาตอนนี้ก็ยังสั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ

วิถีเต๋าของเต๋าเจ็ดวิญญาณให้ความสนใจเรื่องการกลับชาติมาเกิด เป็นการกลับมาสู่โลกแล้วบำเพ็ญใหม่ จุดนี้ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เพียงแต่เขามาเกิดสามสิบกว่าครั้งแล้ว และทุกครั้งก็ถือได้ว่ายืนอยู่ในตำแหน่งสูงอย่างยิ่ง มีอยู่เจ็ดครั้งที่ก้าวสู่ระดับระดับจักรวาล เมื่อสะสมไปเรื่อยๆ จึงมีระดับสูงสุดอย่างระดับจักรวาลชั้นกลางในชาตินี้ได้

เมื่อตอนนี้ระเบิดออกมาจนถึงที่สุด จึงทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากมายโดยตรง ขณะนี้เอง เขาก็เข้ามาใกล้เว่ยยางจื่อด้วยพลานุภาพกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่าง

พร้อมกันนั้นเอง อาทิตย์แรกคืนพินาศของหวังเป่าเล่อก็เปล่งแสงสว่างไร้ที่สิ้นสุด ราวกับกำลังจะผุดขึ้นมาจากความมืดมิดแล้วขับไล่ความดำมืดทั้งหมดออกไป แสงสว่างราวกับกระบี่ ฟาดฟันไปทั่วทุกทิศ

กล่าวได้ว่าชั่วขณะนี้ ทุกคนล้วนแสดงเคล็ดวิชาลับที่ทรงพลังที่สุดของตนออกมา เสียงดังสนั่นสะเทือนเลื่อนลั่นทันที ความว่างเปล่าหลายชั้นที่กดดันอยู่บนร่างของทุกคนก็เริ่มจะพังทลาย ราวกับทนรับเจตจำนงเต๋าของพวกเขาทั้งหกคนไม่ได้

ขณะที่เกิดเสียงดังก้อง เมื่อความว่างเปล่าแต่ละชั้นแตกสลาย สีหน้าของเว่ยยางจื่อก็เคร่งเครียดขึ้นมาในชั่วขณะนี้เอง เห็นได้ชัดว่าการเผชิญหน้ากับการร่วมมือของคนทั้งหกนั้น ต่อให้เป็นเขาก็จำเป็นต้องรับมืออย่างจริงจัง

“พวกเจ้ามีคุณสมบัติได้เห็นเต๋าอย่างที่สองของข้า” เว่ยยางจื่อเอ่ยช้าๆ ยกมือขวาขึ้นแล้วกดลงไปด้านหน้ากะทันหัน

“พลัง!”

ทันทีที่เอ่ยออกมา มือขวาของเขาก็ขยายใหญ่พร้อมเสียงดังสนั่นในพริบตา คล้ายกับว่าสามารถปกคลุมความว่างเปล่าของอวกาศได้อย่างไรอย่างนั้น ราวกับฝ่ามือแห่งวิญญาณเทพเจ้าตกลงมาฉับพลัน

…………