บทที่ 1249 มาถึง!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ฝ่ามือยักษ์ทรงพลัง!

พลังยิ่งใหญ่สายหนึ่งระเบิดอย่างมหาศาลขึ้นมาในฝ่ามือข้างนี้ เต๋าที่แฝงอยู่บนนั้นก็รุนแรงยิ่งนัก นั่นก็คือเต๋าพลัง เน้นที่จุดสูงสุดของพลัง คล้ายกับสามารถทำลายทุกสิ่งกำจัดทุกอย่างได้

ดาบกระดูกที่แปลงมาจากเทพอัฐิเข้าไปใกล้เป็นอันดับแรก แต่แทบจะทันทีที่เข้าใกล้และฟันทะลวงไปยังฝ่ามือนี้ด้วยเสียงดังสนั่น ดาบกระดูกเล่มนี้กลับสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นมาตัวเอง รอยร้าวสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นบนนั้นอย่างคาดไม่ถึง

ส่วนตอนนี้ต้นไม้สุสานวิญญาณก็มาถึงทันที อักขระโบราณและซากศพที่แปลงมา หรือแม้แต่ร่างจริงของต้นไม้สุสานวิญญาณก็ก่อตัวเป็นลมพายุกระแทกเข้ากับฝ่ามือข้างนั้นโดยตรง

เสียงดังกึกก้องเทียมฟ้า อักขระโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนพังทลายทันที ซากศพก็ส่งเสียงกรีดร้องระทมออกมา เถ้าและควันกระจัดกระจาย ถึงขนาดที่แม้แต่ร่างจริงของต้นไม้สุสานวิญญาณก็คล้ายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

เห็นได้ชัดว่า แค่เพียงเทพอัฐิกับสุสานวิญญาณเดิมก็ไม่มีทางสั่นคลอนมือยักษ์ของเว่ยยางจื่อได้เลยสักนิด แต่ในศึกครั้งนี้ ผู้ที่ใช้เคล็ดวิชาลับออกมาไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน ในชั่วอึดใจ ผมยาวสีม่วงที่แปลงมาจากนักบุญมืดก็เข้ามาใกล้พร้อมเสียงหวีดหวิว มันไม่ได้โจมตีตรงๆ แต่เข้าไปพันรัดในชั่วพริบตา อีกทั้งเลือกพันเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น มันพันรัดเป็นวงกลมจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างฉับพลัน ยิ่งกว่านั้นยังมีการกัดกร่อนรุนแรง ทำให้นิ้วมือที่ถูกมันพันเอาไว้เกิดรอยด่างดำขึ้นมาทันที

ส่วนฝ่ามือของเว่ยยางจื่อข้างนี้ ในที่สุดตอนนี้เอง อานุภาพน่าตะลึงของมันก็หยุดนิ่งเล็กน้อยกลางอวกาศและช้าลงเพราะการร่วมมือกันโดยไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้นของระดับจักรวาลทั้งสามคนจากสำนักแห่งความมืด

ขณะที่มันเชื่องช้าและเสียงอึกทึกดังสะท้อนก้องไม่หยุด กระบองยักษ์ของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณ หรือแม้แต่รอยประทับเต๋าสามสิบกว่าตนด้านหลังของเขาก็มาถึงแล้ว ขณะที่เกิดเสียงกัมปนาทดังสะเทือนฟ้า กระบองยักษ์ด้ามนั้นก็สัมผัสกับฝ่ามือโดยตรง จุดที่มันทุบลงไปก็คือนิ้วที่ผมยาวของนักบุญมืดพันรัดเอาไว้

รอยประทับเต๋ากว่าสามสิบตนด้านหลังกลายเป็นเงาร่างสามสิบร่างที่ระเบิดพลังฝึกปรือออกมาทั้งหมดพร้อมๆ กัน แต่ละร่างพุ่งเข้ามาโจมตี ชั่วขณะนี้เอง จะสามารถมองเห็นถึงความแข็งแกร่งของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณได้ เขาอาศัยกำลังของคนคนเดียวต้านกับฝ่ามือของเว่ยยางจื่อที่ยื่นขยายออกมาให้อยู่ที่เดิมตรงๆ

แม้ว่าร่างกายของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณจะสั่นระริก เส้นเลือดดำที่หน้าผากปูดโปน พลังฝึกตนทั้งหมดพลุ่งพล่านออกมา แม้แต่กายเนื้อก็ส่งเสียงแกร่กกรั่กอย่างทนรับไม่ไหว แต่…ฝ่ามือของเว่ยยางจื่อกลับไม่อาจดันเข้ามาได้อีกแม้แต่น้อย ตอนนี้นิ้วชี้บนนั้นสั่นเทารุนแรง จุดที่ถูกผมสีม่วงพันรัดเอาไว้ถูกกัดกร่อนอย่างชัดเจน และยังมีรอยประทับจากอดีตชาติของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณ ทำให้นิ้วมือนิ้วนี้บิดเบี้ยว ราวกับจะหักโค่น

และการต่อต้านครั้งนี้ก็ยังไม่จบสิ้น อึดใจต่อมา…เงาร่างของเสวียนหัวที่ตลอดมาไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ก็เปลี่ยนแปลงไปทันใด ขณะที่ลงมือพร้อมเสียงคำรามต่ำ เขาก็กลายเป็นดอกบัวสีดำดอกหนึ่ง

เมื่อดอกบัวแห้งเหี่ยว ในชั่วพริบตามันกลับกลายเป็นพิษ จากนั้นก็พุ่งทะยานไปยังนิ้วมือที่บิดเบี้ยวนิ้วนั้นของเว่ยยางจื่อ มันอาบย้อมทั้งนิ้วในชั่วอึดใจ ทำให้การกัดกร่อนของนิ้วมือรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา แทบจะขณะเดียวกับที่เสวียนหัวลงมือ หวังเป่าเล่อก็คำรามเสียงต่ำออกมา แสงที่เกิดจากเต๋าลอกเลียนของเขาผสานเข้ากับอาทิตย์แรกคืนพินาศ ตอนนี้อาทิตย์แรกผุดขึ้นจนถึงที่สุด ประกายแสงนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากข้างในแล้วเกิดเป็นทะเลแสงอันน่าสะพรึงพุ่งไปทำลายความมืดมิดและฝ่ามือของเว่ยยางจื่อ

ทะเลแสงผืนนี้เจิดจ้าบาดตายิ่งกว่าที่เคย

มองจากที่ไกลๆ ทะเลแสงคล้ายจะกวาดม้วนแหล่งกำเนิดแสงมาทั้งหมด ราวกับสามารถชำระทุกอย่างและลบเลือนทุกสิ่ง พลานุภาพสะเทือนฟ้าดังสนั่นออกมา ปะทะเข้ากับฝ่ามือพลังของเว่ยยางจื่อโดยตรง

ตอนนี้เองเสียงดังสนั่นก็สะเทือนแผ่ไปทั่วทั้งอวกาศของตระกูลไม่รู้สิ้น ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นสะเทือนขึ้นมา ทำให้สิ่งมีชีวิตมากมายหูอื้อ แม้แต่อวกาศก็ยังถล่มลงมาในบริเวณกว้างเช่นกัน สำหรับทั่วทั้งจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นแล้ว มันคล้ายกับว่าวันสิ้นโลกกำลังมาถึง

และในบริเวณที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ก็เป็นเช่นเดียวกัน ฝ่ามือของเว่ยยางจื่อสั่นสะเทือนทันใด ทั้งฝ่ามือคล้ายจะถูกชำระล้างในชั่วพริบตา มันค่อยๆ โปร่งใส แต่ตอนนี้เอง เว่ยยางจื่อพลันร้องฮึเย็นชาดังออกมา ฝ่ามือของเขาก็บีบรัดในชั่วอึดใจ!

การบีบลงมาครั้งนี้ทำให้อวกาศสั่นสะเทือน เสียงหวีดแหลมดังก้อง การพังทลายที่ไม่เคยมีมาก่อนแผ่กระจายออกมาจากจุดที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันทันที หวังเป่าเล่อกระอักเลือด ตัวสั่นรุนแรง รู้สึกเพียงแค่มีพลังยิ่งใหญ่กวาดเข้ามาจากข้างหน้าราวกับผลักภูเขาพลิกทะเล ก่อนพุ่งเข้ามาภายในร่างของตนตรงๆ แล้วกวาดผ่านไปทั่วร่าง ค่อยๆ ทำลายพลังชีวิต ร่างกายของเขาก็พลันเซถอยอย่างไม่อาจควบคุมเพราะพลังอันยิ่งใหญ่สายนี้ เขาพ่นเลือดออกมาสามคำติดต่อกัน โชคดีที่แม้ว่าเมล็ดเต๋าธาตุน้ำภายในร่างจะถูกสยบ แต่พลังธาตุไม้ยังคงมีมหาศาลอย่างเดิม และในช่วงวิกฤต วิชาลอกเลียนของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเต๋าธาตุทอง

ด้วยกฎทองเสริมน้ำที่พยายามเติมเต็มธาตุน้ำที่แห้งผากไป จึงทำให้การหลั่งไหลของมันมีพลังและหลั่งเข้าสู่เต๋าธาตุไม้ ทำให้พลังชีวิตถูกฟื้นคืนมาสมบูรณ์ ขณะที่พลังยิ่งใหญ่สายนั้นบุกเข้าทำลาย มันก็ซ่อมแซมตัวเองใหม่ต่อเนื่อง จึงทำให้พลังน่าสะพรึงที่แพร่เข้ามาในร่างถูกกำจัดไปทีละชั้นๆ

ส่วนปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณน่าหดหู่ยิ่งกว่า ร่างกายกระเด็นไปเหมือนกับว่าวสายขาด กระอักเลือดออกมามากถึงเจ็ดแปดคำติดต่อกัน กระบองยักษ์ในมือแตกกระจายแล้วกลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว แต่ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ของเต๋าเจ็ดวิญญาณและฝึกบำเพ็ญมาไม่รู้ตั้งกี่ปี กลับชาติมาเกิดเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ตั้งหลายสิบครั้ง เขาจึงยังมีจุดที่น่าอัศจรรย์ของตัวเองอยู่

ตอนนี้แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะสาหัส แม้ว่าพลังยิ่งใหญ่ภายในร่างสายนั้นจะทำลายพลังชีวิตทั้งหมด แต่ชั่วขณะนี้ แววตาของเขากลับดุดัน ยกมือขวาขึ้นและใช้นิ้วมือแตะที่หว่างคิ้วของตน วาดลงมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ผ่าแยกเป็นสองส่วน

แต่ภายในร่างกายที่กำลังฉีกแยกนี้กลับมีตัวเขาอีกคนกระโจนออกมา ราวกับถอดเสื้อผ้าออกอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าร่างกายอ่อนวัยกว่าสักหน่อย แต่อานุภาพยังคงเดิม แม้จะยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ แต่กลับไม่สาหัส

วิธีการเช่นนี้ แม้ว่าจะแตกต่างกับการฟื้นฟูพลังธาตุไม้ของหวังเป่าเล่อ แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน อาการบาดเจ็บของพวกเขาสองคนล้วนอยู่ในขอบเขตที่สามารถรับได้ ทั้งยังสู้ต่อได้อีก

เพียงแต่…ระดับจักรวาลสามคนจากสำนักแห่งความมืด เห็นได้ชัดว่าไม่มีวิชาเช่นนี้อยู่ ดาบกระดูกที่แปลงมาจากเทพอัฐิแตกสลายโดยสมบูรณ์ แม้ว่าสารัตถะของเขาจะรวมตัวกันใหม่แล้วเกิดเป็นเงาร่างขึ้น แต่ก็ดำรงอยู่เพียงไม่กี่อึดใจก็ส่ายหน้าเบาๆ มองไปยังอวกาศอย่างซับซ้อนแล้วหลับตาลง ร่างกายแตกกระจายอีกครั้งแล้วสลายหายไปในอวกาศ

ระดับจักรวาล สิ้นชีพ!

ผู้ที่สิ้นชีพเช่นเดียวกันก็ยังมีสุสานวิญญาณ อักขระโบราณทั้งหมดของเขาสลายสิ้น ซากศพทั้งหมดล้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน ตอนนี้ต้นไม้สุสานวิญญาณร่างจริงของตัวเขาก็มีรอยแตกนับไม่ถ้วน ยากจะประคองตัวต่อได้ ถึงขนาดที่แม้แต่ร่างกายก็ยังไม่อาจรวมขึ้นใหม่ มีเพียงเสียงถอนหายใจอันขมขื่นดังออกมาแล้วแตกสลายจนสิ้น

มีเพียงนักบุญมืดเท่านั้น แม้ว่าผมสีม่วงที่แปลงมาจากเขาตอนนี้จะขาดไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังม้วนกระเด็นออกมา สุดท้ายรวมตัวกันเป็นเงาร่างของเขา แววตาซับซ้อนเช่นกัน เงียบงันไม่พูดจา

ส่วนโชคของเสวียนหัวดียิ่งกว่า เขาถูกหวังเป่าเล่อกวาดม้วนออกมาในช่วงวิกฤต ตอนนี้เมื่อหวังเป่าเล่อโบกมือก็ถูกปล่อยตัวแล้ว แม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เพียงแต่แววตาที่มองไปยังเว่ยยางจื่อเผยให้เห็นความหวาดกลัวไร้ที่สิ้นสุด

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

สู้กับพวกเขาหกคนด้วยกำลังของคนคนเดียว กลับใช้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็สังหารสองคนและทำให้เจ็บหนักทุกคนได้แล้ว เพียงแต่…สำหรับเว่ยยางจื่อแล้ว ก็ไม่ใช่ไม่มีค่าตอบแทน

ฝ่ามือที่เกิดจากเต๋าพลังของเขาตอนนี้หายไปแล้ว แขนเสื้อมือขวาของเขากลายเป็นเศษซากกระจัดกระจาย และยังมีนิ้วชี้มือขวาของเขา…ตอนนี้ขาดหายไปแล้ว!

แม้ว่าจะไม่มีเลือดไหลออกมา แต่จุดที่มันหักไปก็มองเห็นได้ชัดเจน ทั้งยังคล้ายจะไม่อาจงอกขึ้นใหม่ได้ ทำให้เว่ยยางจื่อขมวดคิ้วมุ่น ก้มหน้ามองดู เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาก็มีประกายล้ำลึกเผยออกมา จ้องมองไปยังหวังเป่าเล่อและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณรวมถึงนักบุญมืด

“ห้าธาตุฟื้นคืนอีกครั้ง ปอกเปลือกเมล็ดเต๋า พิษแห่งความมืดมิด…”

“น่าเสียดาย ถ้าหากพวกเจ้าแข็งแกร่งกว่านี้อีกหน่อย บางทีสิ่งที่ข้าเสียไปอาจไม่ใช่แค่นิ้วมือหนึ่งนิ้วก็ได้” เว่ยยางจื่อเอ่ยช้าๆ ดวงตาเผยความเย็นเยือก ยกเท้าขึ้น กำลังจะก้าวออกไป แต่ในพริบตาต่อม้า…เขาก็ถอนเท้ากลับแล้วพลันเงยหน้าขึ้นมองไปยังอวกาศ

“ในที่สุด…เจ้าก็มาแล้ว!”

กลางอวกาศ แม่น้ำแห่งความมืดไหลบ่าแล้วพลุ่งพล่านจากที่ไกลๆ เงาร่างหนึ่งร่างสถิตอยู่เหนือคลื่นน้ำ ผมยาวทั้งศีรษะ ชุดดำทั้งร่าง หนึ่งน้ำเต้าสุรา หนึ่งกระบี่ไม้

นั่นก็คือ…เฉินชิงจื่อ!

…………………