ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 819 ไท่จี๋สู้ไท่จี๋

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ฟู่ถิงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเฉื่อยชา “ถ้าหากว่าใต้เท้าสามารถไล่พวกเรา และผู้อาวุโสในสำนักที่ตามมาทีหลังให้ออกไปจากที่นี่ได้ เช่นนั้นก็เป็นความสามารถของใต้เท้า แต่ถ้าหากว่าสู้ไม่ได้ แล้วส่งข้อความออกไปหาความช่วยเหลือ พวกเราย่อมขอความช่วยเหลือจากเขาอัศจรรย์อีกครั้งเช่นกัน”

“หากใต้เท้ามีความสามารถสังหารพวกเราจดหมดสิ้น เช่นนั้นพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าท่านมีความสามารถนี้หรือไม่”

ด้วยสถานะของนางและพลังของจักรพรรดิแพรผู้เป็นบิดาที่อยู่เบื้องหลัง ถ้อยคำของฟู่ถิงยังไม่นับว่าแข็งกร้าวเกินไป

ทว่าน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยแรงกดดัน เหมือนกับเพลิงเผาสวรรค์ “ถ้าหากว่าใต้เท้าคิดใช้ความแตกต่างด้านเวลารีบฆ่าพวกเราทิ้ง ชิงของวิเศษแล้วรีบออกไป เกรงว่าจะไม่ได้ตามความต้องการ”

“ตอนที่ข้าเข้ามา ก็ได้แจ้งสำนักในทันที จนถึงตอนนี้ คนที่มาจากสำนักน่าจะมาถึงแล้ว”

“และในตอนที่ทุกท่านเพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่หอคอยวิเศษนี้ ข้าคิดว่าผู้อาวุโสในสำนักได้มาถึงแล้วจริงๆ”

ฟู่ถิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะประมือ แพ้ชนะยังไม่อาจทราบ และถึงท่านจะมีตราประทับตะวันอยู่ในมือ แต่ท่านก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน อานุภาพของมันย่อมมีจำกัด”

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเป็นปกติ ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะของฟู่ถิงโดยสิ้นเชิง

เขากล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ยี่หระว่า “ต้นกำเนิดและความสัมพันธ์ของจักรพรรดิแพรกับประมุขอาคเนย์ ข้าเองก็เคยได้ยินมา”

“เป็นดังที่แม่นางฟู่ว่า ระหว่างข้ากับท่านไม่มีความแค้น ไม่มีความจำเป็นต้องประมือกัน” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ทว่าถึงจะไม่มีความจำเป็นต้องประมือ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประมือกันไม่ได้”

ชายหนุ่มไพล่สองมือไว้ด้านหลัง กล่าวอย่างสงบนิ่ง “ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูป คนที่ข้าคิดแลกเปลี่ยนกระบวนท่าด้วย อาจจะมีแค่แม่นางฟู่ท่านคนเดียวแล้ว”

จอมยุทธ์จากยอดเขาอัศจรรย์ที่อยู่ตรงข้ามได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว

คำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอแม้ฟังดูให้เกียรติฟู่ถิง ทว่าฟู่ถิงเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย ส่วนเขาเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลางเท่านั้น

ฟู่ถิงเอ่ย “อ้อ? เช่นนั้นข้าขอรับการชี้แนะแล้ว”

แม้จะทราบดีว่าเยี่ยนจ้าวเกออาจมีตราประทับตะวันอยู่กับตัว นางก็ยังคงเยือกเย็น

ด้วยชาติกำเนิดของนาง ย่อมไม่ขาดแคลนพลังฝึกปรือและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง นอกจากนั้นยังไม่น่าจะมีต่ำกว่าหนึ่งชิ้นด้วย

หากนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงให้กับนาง พลังฝึกปรือของนางใช่ว่าจะสามารถกระตุ้นได้ แต่ถึงแม้จะไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ก็สมควรมีของวิเศษชิ้นอื่นอยู่ด้วย

“แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเบาๆ

จอมยุทธ์เขาอัศจรรย์ได้ยินดังนั้น ดวงตาพลันฉายแววรังเกียจอย่างชัดเจน

เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่เห็นแววตานั้น เขากล่าวเรียบๆ ว่า “ที่ไม่อยากประมือในตอนนี้ เป็นเพราะข้าไม่อยากให้คนอื่นฉวยโอกาส เหมือนชาวประมงที่ได้ประโยชน์จากการทะเลาะกันของนกกระยางและหอยมุ่ง ดังเช่นคำพูดก่อนหน้า พวกเราสู้กันแค่เพราะต้องการ เพราะความห้าวหาญ ไม่ใช่เพราะความแค้นที่จำเป็นต้องสู้”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คิดแลกเปลี่ยนกระบวนท่า ค่อยไว้เวลาอื่นและในสถานที่อื่น ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อาจจะมีฝ่ายที่สามเข้าร่วมได้ตลอดเวลาเช่นนี้”

ชายหนุ่มเอ่ยอีกว่า “ถ้าหากแม่นางฟู่คิดลงมือ ข้าย่อมสนอง กระนั้นในเมื่อแม่นางฟู่ไม่ได้ต้องการประเมินความสามารถของข้า เช่นนั้นก็ใจตรงกันกับข้าพอดี”

ฟู่ถิงตาเป็นประกาย “ฝ่ายที่สาม?”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตอบ กลับถามอีกว่า “ข้ากับสหายร่วมสำนักมาถึงมิติต่างแดนแห่งนี้จากที่แห่งหนึ่งในเขตตะวันอาคเนย์ ผ่านทางเชื่อมเขตแดน กลับไม่ทราบว่าแม่นางฟู่กับสหายในสำนักมาจากทางไหน”

อีกฝ่ายเอ่ยอย่างเชื่องช้า “พวกข้าผ่านประตูบนเขตราตรีอุดรมา มิติต่างแดนแห่งนี้มีประตูทางเข้าที่ไม่เหมือนกัน พอเห็นพวกใต้เท้า ข้าก็ทราบถึงเรื่องนี้แล้ว”

ชายหนุ่มพยักหน้า กล่าวต่อว่า “มิติต่างแดนแห่งนี้แบ่งเป็นหลายชั้น ประตูทางเข้าแต่ละบานน่าจะเชื่อมไปยังชั้นที่แตกต่างกัน ขอไม่ปิดบัง ชั้นที่พวกเราอยู่ในตอนนี้เป็น ‘ชั้นที่สี่’ ของพวกข้า ทว่าสำหรับพวกแม่นางฟู่แล้ว สมควรเป็น ‘ชั้นที่สอง’ กระมัง”

ฟู่ถิงขมวดคิ้ว “ท่านกำลังจะบอกว่า มีคนแซงพวกเราไปถึงชั้นที่สูงกว่าแล้วหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ก็ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้นี้ เพียงแต่…”

“สิ่งที่ข้าต้องการพูดก็คือ ผู้ที่มาต่อให้ช้ากว่าพวกเรา พวกเราเองก็ไม่ใช่นอนหมอนสูงหลับสบาย[1]

“โดยเฉพาะสำนักท่าน แม้จะมียอดฝีมือระดับสูงสุดมาด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะเอาชนะได้แน่ๆ”

เขาดีดนิ้ว “แน่นอนว่าหากจักรพรรดิแพรบิดาของท่านมาทันที โอกาสอาจจะมีเยอะขึ้น”

ฟู่ถิงพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้ง “ท่านยืนยันสถานะของฝ่ายที่สามได้หรือไม่ หรือ ‘ฝ่ายที่สาม’ ที่ว่า เป็นกำลังเสริมของท่าน”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ย่อมไม่ใช่พวกเดียวกันกับข้า แต่ว่าข้ารู้จริงๆ ว่าพวกเขาเป็นใคร”

เขายื่นมืออกมาชี้ด้านบน “ความเป็นมากับจำนวนคน ข้าไม่แน่ใจ แต่ต้องมาจากผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์แน่”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์’ พวกฟู่ถิงก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ขอไม่ปิดบัง พวกท่านกังขาในสถานะของข้า ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบใจ แต่ก็พอเข้าใจ เพราะว่าข้าก็เพิ่งจัดการตัวปลอมที่สวมรอยเป็นข้าไปสองสามคนเช่นกัน”

“และหนึ่งในนี้ ก็คือผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ เขาสวมสถานะเป็นข้า เพื่อจะได้เดินทางบนโลกซ้อนโลกได้สะดวก

“หลังจากข้าจัดการเขาแล้ว ก็ได้เบาะแสมาหลายส่วน จึงเจอมิติต่างแดนแห่งนี้”

ชายหนุ่มเงยหน้ามองฟ้าดินตรงหน้า “กระนั้นข้าก็ทราบจากเขาด้วยว่า ไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว แต่ยังมียอดฝีมือในสำนักของเขาคนอื่น ไม่ได้เข้ามายังโลกซ้อนโลก กลับหาวิธีเข้ามายังที่นี่จากมิตินอกแดนโดยตรง”

สายตาของเขาตกลงบนร่างของฟู่ถิงอีกครั้ง “อีกประเดี๋ยวสำนักท่านจะมียอดฝีมือระดับสุดยอดมาถึง คำพูดนี้ข้าเชื่อ และเชื่อว่าแม่นางฟู่ท่านสมควรไม่ใช่คนชอบอวดอ้าง”

“ทว่าหากไม่ใช่จักรพรรดิแพรมาด้วยตัวเอง สถานการณ์ของที่นี่ก็ไม่แน่ว่าจะอยู่ในการควบคุมของท่านโดยสมบูรณ์”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “หากจะพูดจริงๆ ที่นี่ไม่ใช่โลกซ้อนโลก การเจอผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ”

ฟู่ถิงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง พลันยิ้มขึ้น สดใสโดดเด่นราวกับพลุกลางราตรี

“การได้เจอผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ที่นี่เป็นเรื่องปกติจริงๆ ลูกศิษย์สายเหนือพิสุทธิ์สวมรอยเป็นเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อเคลื่อนไหวนับว่าเหมาะสมยิ่ง แม้ว่าท่านอาเฉาจะถูกใจ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักถึงขั้นไม่เคยเจอ การเคลื่อนไหวในโลกซ้อนโลกโดยเฉพาะในเขตตะวันอาคเนย์ถือว่าสะดวกสบายยิ่ง”

นางพูดต่ออีกว่า “แม้จะยืนยันความจริงไม่ได้ แต่ขอบคุณท่านที่บอกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ นี่เป็นข้อมูลที่พวกเราไม่เคยมีมาก่อน”

“คำพูดที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ยังคงมีผล ทว่าในตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนกันกระบวนท่าหนึ่งก่อน”

ขณะที่พูด ฟู่ถิงก็ยกฝ่ามือขาวผ่องข้างหนึ่งขึ้น “ท่านเป็นเยี่ยนจ้าวเกอหรือไม่ไม่สำคัญ อย่างน้อยข้าควรยืนยันสักหน่อย ว่าท่านไม่ใช่ลูกศิษย์สายเหนือพิสุทธิ์ที่กำลังทำตัวเป็นโจรเรียกให้จับโจรด้วยกันอยู่”

นางกลับไม่รังเกียจการลอบโจมตี ครั้นพูดจบ ก็ตบฝ่ามือออกทันที

ใจกลางฝ่ามือที่ขาวราวกับหยก ในยามนี้มีสีดำและสีขาวผสมผสาน หยินหยางโอบกอดกันและกัน สะท้อนเป็นรูปไท่จี๋

รูปไท่จี๋หมุนวน สรรพสิ่งทั้งหมดในโลกเหมือนกับพังทลายพลิกกลับเข้าไปด้านใน สูญเสียรูปร่างเดิม กลายเป็นปราณหยินหยาง กลับสู่ความจริงดั้งเดิมโดยสมบูรณ์!

ห้ากำเนิดแรกเริ่ม ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด!

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะฮ่าๆ “ขอไม่ปิดบัง ครั้นเห็นกระบวนท่านี้ของท่าน ข้าค่อยแน่ใจว่าท่านเป็นบุตรีของจักรพรรดิแพรจริงๆ ไม่ใช่มีคนสวมรอย”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เขายกมือขึ้น แล้วคืนฝ่ามือหนึ่งกลับไป

กลางฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ มีปราณหยินหยางหลอมรวม กลายเป็นปลาหยินหยางสองตัวโอบกอดซึ่งกันและกัน สะท้อนเป็นสภาวะของขั้วกำเนิดเหมือนกัน!

……………………………..

[1] นอนหมอนสูงหลับสบาย หมายถึง ไม่มีสิ่งใดต้องกลัวเกรง