ตอนที่ 1189 มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“แกร๊ง!” ทันทีที่มือของไป๋เหยียนเอ๋อร์ยกขึ้นเสียงของระฆังเงินก็ดังขึ้น

ข้อมือสีขาวของไป๋เหยียนเอ๋อร์นั้น มีระฆังอยู่อันหนึ่ง

เมื่อผู้คนได้ยินเสียงระฆังนี้ พวกเขาก็รู้สึกกระวนกระวายและดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีดำเข้มขึ้นมาทันที

ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ตั้งแต่ข้าฝึกเคล็ดวิชานี้มา ก็ยังมิมีผู้ใดรับมือได้เลย เจ้าเป็นคนแรก”

มู่เฉียนซียิ้ม “ดูเหมือนว่าเจ้าได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้ข้าแล้ว! และข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังเช่นกัน”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์เหยียบพื้นเบา ๆ และพุ่งขึ้นไปในอากาศ นางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ในเวลาเช่นนี้ เจ้าอย่าได้อวดดีนักเลย”

ร่างของนางลอยไปมาอยู่ในอากาศราวกับปุยนุ่นสีขาวที่ล่องลอยไปตามสายลม “แกร๊ง แกร๊ง! เสียงของระฆังมีความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

คนเหล่านั้นที่มีพละกำลังต่ำ เมื่อได้ยินเสียงนี้ ต่างก็รู้สึกมึนงง

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะแข็งแกร่งพอ แต่ก็อดมิได้ที่จะมึนงงเล็กน้อยเช่นกัน

ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักตงจี๋ผู้นี้สามารถทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ได้ ช่างอันตรายเสียจริง!

เซียวโม่มองไป๋เหยียนเอ๋อร์และพึมพำว่า “นี่คือธิดาศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ ข้าคิดว่าเป็นนางปีศาจเสียอีก”

เฟิงอวิ๋นซิวขมวดคิ้ว ระฆังนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน

เมื่อเผชิญกับกระบวนท่าที่แปลกประหลาดนี้ของไป๋เหยียนเอ๋อร์ ใบหน้าของมู่เฉียนซีนั้นสงบนิ่งมาก

แม้ว่าเสียงระฆังนี้จะทำให้ผู้คนรู้สึกมึนงง แต่ก็ไม่มีภัยคุกคามต่อนางที่พลังจิตเข้มแข็งพอ

ไป๋เหยียนเอ๋อร์ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าลืมไปว่า ซีเอ๋อร์เป็นนักปรุงยา แม้ว่าระดับจะไม่สูง แต่พลังจิตก็แข็งแกร่งมาก แต่ระฆังหมิงเทียนของข้าก็มีประโยชน์มากกว่านั้น”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์เริ่มโคจรพลังวิญญาณขึ้นมา จากนั้นนางก็ถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีดำในอากาศ

และแล้วพลังของนางก็ได้ระเบิดขึ้นมาทันทีทันใด

หมอกสีดำนั้นเยือกเย็นมากและมันดูไม่เหมือนพลังที่ดินแดนโลกสี่ทิศนี้ควรมี

ดวงตาของคนอื่น ๆ เบิกกว้างขึ้น “ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์สามารถฝึกบำเพ็ญพละกำลังที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?”

ดวงตาของไป๋เหยียนเอ๋อร์มืดครื้มลง และตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอาชนะมู่เฉียนซี ถ้านางกลายเป็นผู้ชนะก็จะไม่มีใครสนใจว่าพลังของนางคืออะไร?

แขนของไป๋เหยียนเอ๋อร์ขยับและผ้าแพรไหมสีขาวที่ห่อหุ้มด้วยหมอกสีดำนี้ก็พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีด้วยความเร็วที่มิอาจวัดได้

มู่เฉียนซียิ้มอย่างสนุกสนาน และกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าหมิงจีคงทุ่มเทกำลังไปไม่น้อย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้า!”

“ปัง ปัง ปัง!” เมื่อผ้าแพรไหมสีขาวพร้อมกับหมอกสีดำนั่นโจมตีไปที่มู่เฉียนซีราวกับปืนใหญ่ มู่เฉียนซีเองก็ไม่กล้าที่จะประมาทและหลบหลีกไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด

ผ้าแพรไหมนั่นพุ่งออกไปและระเบิดพื้นดินออกจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่

หากสิ่งนี้ตกลงบนร่างกายคนละก็ จะต้องทรมานอย่างแน่นอน

ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก้าวออกมาจากหมอกสีดำและเผยให้เห็นการปรุงยาที่น่าสมเพชของนาง

นางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ระฆังหมิงเทียนของข้าเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำและถึงเจ้าจะยืนหยัดต่อไป ก็ไม่มีทางชนะได้ ยอมแพ้ซะเถอะ! ไม่เช่นนั้นข้าจะทำร้ายเจ้าจริง ๆ แล้วนะ แค่คิดว่าจะทำร้ายเจ้า! ข้าก็กลัวแล้ว แต่การทดสอบก็ไม่สามารถประมาทได้”

ผู้คนมองไปที่ระฆังสีดำนั่นด้วยความตกใจและอุทานว่า “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำ! ”

“สวรรค์! ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำในดินแดนทั้งสี่ทิศของเราด้วย! ท่านเจ้าตำหนักได้ทำของดีเช่นนี้ให้กับธิดาของเขา”

“ทักษะวิญญาณของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้ข้ามระดับที่สูงขึ้นได้ แต่ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำอยู่ในมือ มู่เฉียนซีคงต้องพ่ายแพ้”

ไป๋อู๋ห่ายไม่สามารถรับสมบัติล้ำค่าอย่างมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำนี้ได้ แต่หมิงจีกับมีสิ่งนี้ เพื่อที่จะสร้างความลำบากให้กับมู่เฉียนซี หมิงจีได้นำเอาสมบัติล้ำค่าภายในกล่องออกมา

แม้ว่าความแข็งแกร่งของไป๋เหยียนเอ๋อร์จะไม่ดี แต่ก็เพียงพอที่จะคุกคามมู่เฉียนซีได้

ใบหน้าของจื่อโยวหม่นคล้ำลง “นังปีศาจร้ายนั่นกำลังรนหาที่ตาย”

ชิ้ง! กระบี่มังกรเพลิงในมือของมู่เฉียนซีขยับแล้ว

ถึงแม้ว่ามันจะมีจิตที่อ่อนแอ แต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้เป็นนายของมันต้องถูกมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำนั่นยั่วยุเอาได้

และแม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำที่อยู่ตรงหน้ามันก็เป็นเพียงเศษสวะเท่านั้น

มันอยากที่จะกลืนจิตวิญญาณของสตรีที่น่าขยะแขยงนี้

มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวกับมันว่า “นางมีสิ่งช่วยชีวิตมากมายติดตัวและคงไม่ง่ายที่จะฆ่านางได้ แต่ข้ามีของขวัญมอบให้นางแล้ว”

มู่เฉียนซีมองไปที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์พลางยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าก็น่าจะรู้จักข้าดี ข้ามู่เฉียนซีไม่เคยพ่ายแพ้ และยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าที่ต้องยอมแพ้! นำพลังทั้งหมดของเจ้าออกมาเถอะ! อย่ามัวแต่ทำท่าทำทางอยู่เลย”

เห็น ๆ กันอยู่ว่าไป๋เหยียนเอ๋อร์แทบอดไม่ได้ที่จะเอามีดไปกรีดนางนับหมื่นนับพันบาดแผล แต่กับทำท่าทางดั่งว่าทำร้ายนางเพียงเล็กน้อยก็ประหนึ่งมีมีดกรีดใจ ช่างทำให้นางรำคาญแทบตายเสียจริง

จากนั้นร่างของมู่เฉียนซีก็พุ่งเข้าไป มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชา

ธาตุน้ำกระจายออกไปรอบ ๆ และปะทะเข้าใส่หมอกสีดำ

“ทักษะโยวหลัว!”

ตูม! เสียงดังสนั่น

มีหมอกสีดำป้องกันอยู่ เมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้ของมู่เฉียนซีไป๋เหยียนเอ๋อร์จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เพียงแค่ถอยไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น

นางรีบทรงตัวพลางถอนหายใจและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าต้องการที่จะต่อสู้กับข้าอย่างเอาเป็นเอาตายจริงหรือ?”

มู่เฉียนซีหัวเราะเยาะ “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเองก็ต้องการหรอกเหรอ?”

“ข้า…ข้าไม่ได้…”

“เหอะ เหอะ! ไม่งั้นเจ้าก็เก็บมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำนี่ซะ แล้วมาสู้กับข้า”

“ข้า…”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์เสแสร้งเท่าไหร่ มู่เฉียนซีก็ยิ่งยุแหย่ต่อหน้าผู้คนเท่านั้น เพื่อดูว่านางจะสามารถทนได้นานแค่ไหน

ไป๋เหยียนเอ๋อร์แสดงอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่ปากกลับกล่าวว่า “ในเมื่อซีเอ๋อร์ยืนยันที่จะต่อสู้กับข้า เช่นนั้นข้าก็จะตอบสนองความต้องการของเจ้า”

“ระบำดำมืด สวรรค์ทลาย!”

“บัวแดงพิฆาต!”

ปัง!

ผ้าแพรไหมนั่นราวกับงูพิษก็มิปาน ขณะนี้มันกำลังพัวพันกับดอกบัวเพลิงสีแดงเข้ม

“ซีเอ๋อร์ กลอุบายของเจ้าคงจะหมดแล้วสินะ” เห็นได้ชัดว่าไป๋เหยียนเอ๋อร์กำลังได้เปรียบ นางรีบพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มังกรวารีพิฆาต!”

ด้วยมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แม่นยำอยู่ข้างกาย ไป๋เหยียนเอ๋อร์จึงไม่กลัวการโจมตีของมู่เฉียนซี!

ไป๋เหยียนเอ๋อร์เข้าโจมตีมู่เฉียนซีอย่างดุเดือด และหมอกสีดำก็ได้ปกคลุมไปรอบ ๆ ทำให้ผู้คนมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนักว่าสถานการณ์การต่อสู้ของทั้งสองป็นอย่างไรกันแล้ว

เซียวโม่รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก “นายน้อยอวิ๋นซิว เฉียนซีนาง…นาง…”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “นางจะไม่เป็นไร!”

พวกเขาได้รับแผนที่ตำแหน่งของกระบี่นิรันดร์มาแล้ว และพวกเขายังไม่ได้เข้าสู่การต่อสู้ในครั้งสุดท้ายเลย นางจะแพ้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้อย่างไรกัน

เพราะมีหมอกสีดำที่ปกคลุมอยู่ เมื่อไป๋เหยียนเอ๋อร์เห็นมู่เฉียนซีถูกสะกดเอาไว้จนไม่มีแรงที่จะสวนกลับ สีหน้าของนางก็ได้กลายเป็นโหดร้ายมากขึ้นไปทุกที

นางกล่าวเสียงเบาราวกับกระซิบว่า “มู่เฉียนซี! มู่เฉียนซี เกรงว่าเจ้าก็คงคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีวันนี้”

แม้ว่ามู่เฉียนซีจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่พลังที่ออกมาก็ไม่ได้ลดลงเลย

”ไป๋เหยียนเอ๋อร์ เจ้าพ่ายแพ้ต่อข้ามาหลายครั้ง และครั้งนี้เจ้าก็จะต้องพ่ายแพ้เหมือนเคย! เจ้าเชื่อหรือไม่!”

ดวงตาของไป๋เหยียนเอ่อร์เย็นยะเยือกขึ้น “ความตายจะมาเยือนอยู่แล้ว เจ้าก็ยังคงคิดว่าตนเองนั้นเก่งกว่าผู้อื่น!”

เมื่อไป๋เหยียนเอ๋อร์กำลังจะพุ่งเข้าไป แต่ความเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีกลับทำให้นางต้องประหลาดใจ

มู่เฉียนซีเก็บกระบี่ของตนเองกลับไป?

ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวว่า “เจ้ายอมแพ้แล้วหรือ? ผู้นำตระกูลมู่อย่างเจ้าก็คงไม่…”

พรวด! ไป๋เหยียนเอ๋อร์ไม่ทันกล่าวจบ ทันใดนั้นเลือดสีดำก็พ่นออกมาจากปากของนางและนางก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง นางถลึงตามองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสายตาที่โกรธแค้น “ให้ตายเถอะ! เจ้าทำบ้าอะไรกับข้ากันแน่?”

.