ตอนที่ 1190 สตรีผู้โหดร้าย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “ข้ารึ! หลังจากรู้ว่าหมิงจีอยู่กับเจ้า ข้าก็ได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษแล้ว เพียงแต่ว่าไป๋อู๋ห่ายนั้นปกป้องเจ้าเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ข้าจึงไม่เคยได้มีโอกาสได้ลงมือเลย คราวนี้เจ้าเป็นฝ่ายรุกมาถึงที่ ถ้าข้าไม่มอบของขวัญใหญ่นี้ให้เจ้าก็คงจะเป็นการสิ้นเปลืองโอกาสในครั้งนี้”

พรวด! เมื่อฟังคำพูดของมู่เฉียนซีจบ ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็อาเจียนเป็นเลือดออกมาอีกครา

“เจ้า…เจ้าวางยาข้า…เจ้าสารเลว…”

“อ๊า!” เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ในหัวของไป๋เหยียนเอ๋อร์แทบจะระเบิดออกแล้ว

“นี่…มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่”

พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีแผ่กระจายออกไป “ไม่มีอะไรหรอก เพียงแค่ข้าเพิ่งส่งของขวัญให้เจ้า หมิงจี เจ้ารู้สึกอย่างไรเล่า?”

“เป็นเจ้า… เจ้านี่เอง…”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์สับสนอย่างมาก นางคิดไม่ถึงว่ายาพิษที่มู่เฉียนซีมอบให้นางจะไม่เพียงแต่ทำร้ายนางเท่านั้น แต่มันยังมีผลกับหมิงจีด้วย

ในเวลานี้หมิงจีเองก็ตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้า… เจ้ามันขยะไร้ประโยชน์! ข้าให้ระฆังหมิงเทียนกับเจ้า แต่เจ้ากลับยังถูกสาวน้อยผู้นี้แว้งกัดเอาได้”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็เจ็บปวดเช่นกัน และนางเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามู่เฉียนซีวางยานางเมื่อใด

หมอปีศาจวางยาพิษหากไป๋เหยียนเอ๋อร์รู้ทัน เช่นนั้นมู่เฉียนซีก็คงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

“แย่งชิงยาแก้พิษกลับมาให้ข้า”

“แต่ข้า…พรวด…” พิษของมู่เฉียนซีไม่เพียงแต่ทำลายจิตวิญญาณของหมิงจีและไป๋เหยียนเอ๋อร์เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันยังทำลายร่างกายของไป๋เหยียนเอ๋อร์อย่างรุนแรงด้วย

ครั้งก่อนถูกจิ่วเยี่ยทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และนางไม่ควรลงมือในเวลานี้

แต่หมิงจีรู้เป็นอย่างดีว่าถ้านางยังคงปล่อยให้พิษแพร่กระจายต่อไป นางจะต้องเจ็บปวดเป็นอย่างมากและระยะเวลาการฟื้นตัวจะยิ่งนานขึ้น

“เอาร่างให้ข้า แล้วข้าจะไปเอายาแก้พิษคืนมา!”

ในไม่ช้าดวงตาของไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไป

หมอกสีดำกระจายออกไป ไป๋เหยียนเอ๋อร์มองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ข้ายอมแพ้!”

ผู้คนต่างส่งเสียงดังเกรียวกราวอย่างรู้สึยากจะเชื่อ!

“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้ยอมแพ้แล้ว!”

“แม่นางมู่ชนะแล้ว!”

“…..”

ในขณะนั้นเองดวงตาของไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็ฉายแววอาฆาต

ราวกับสายฟ้าที่พร้อมระเบิดไปทางมู่เฉียนที่ตอนนี้มีจื่อโยวยืนอยู่ด้านข้าง

นางยอมแพ้เพียงเพื่อให้ทุกคนตายใจเท่านั้น

จุดประสงค์ที่แท้จริงของนางคือจับตัวสาวน้อยผู้นี้และยึดยาแก้พิษมา

เมื่อมู่เฉียนซีพบว่านางนั้นมีท่าทางไม่เหมือนเดิม ก็ได้ส่งสัญญาณกับจื่อโยวทันที และเมื่อหมิงจีกำลังที่จะทำร้ายมู่เฉียนซี จื่อโยวก็ได้มาขวางเอาไว้ตรงหน้านาง

ตูม! จื่อโยวลงมือและทำให้หมิงจีตกใจเซถลาไป

“คิดจะแตะต้องสาวน้อยคนสวยต่อหน้าข้า เจ้านี่มันช่างไม่เจียมกะลาหัวเสียแล้ว”

“จื่อโยว!”

ทุกคนรู้สึกว่ากลิ่นอายของไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้เปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัว อย่างน้อยความแข็งแกร่งก็สูงสุด!

ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักตงจี๋ที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีเต็มนั้น เดิมทีไม่ได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้

จื่อโยวกล่าวว่า “หมิงจี ผู้นำแห่งแดนนรก ครอบครองร่างที่แตกสลายเช่นนี้ และเจ้าของร่างนี้ก็ยังเป็นคนโง่เขลาอีกด้วย เดาว่าเจ้าคงรำคาญใจอย่างมากเลยกระมัง! ถูกสาวน้อยคนสวยทำให้เป็นเช่นนี้ อีกทั้งคนในแดนนรกคงจะหัวเราะเยาะเป็นเวลาหลายร้อยปี”

จื่อโยวยั่วยุตัวตนของหมิงจีอย่างตรงไปตรงมา

ผู้คนต่างส่งเสียงดังเกรียวกราวว่า “อะไรกัน? ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์กลับกลายเป็นผู้นำแห่งแดนนรก หมิงจี”

“แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยรู้เรื่องในแดนนรกมากนัก แต่เกี่ยวกับหมิงจีที่เคยได้ยินมาบ้าง นั่นก็คือนางเป็นสตรีที่โหดร้าย”

ธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งกลับกลายเป็นสตรีที่ชั่วร้าย ผู้คนต่างรู้สึกว่าดวงตาของพวกเขานั้นหามีแววไม่

“ไม่จริง! ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักตงจี๋ จะเป็นหมิงจีไปได้อย่างไร”

“หรือว่าเป็นการสังหารเพื่อครอบครองร่าง หมิงจีฆ่าชิงร่างธิดาศักดิ์สิทธิ์ มันต้องเป็นเช่นนี้แน่”

“……”

จื่อโยวเปิดโปงตัวตนของนาง และคนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ที่คิดอยากจะลงมือช่วยก็ช่วยไม่ได้

ทันทีที่พวกเขาโจมตีก็หมายความว่าตำหนักตงจี๋ของพวกเขาร่วมมือกับแดนนรก

หมิงจีกล่าวว่า “จื่อโยว ให้สาวน้อยนั่นเอายาแก้พิษมาให้ข้า เรื่องในวันนี้ ก็ให้มันจบลงเพียงเท่านี้”

จื่อโยวกล่าวว่า “สาวน้อยคนสวยได้เปลืองแรงอย่างหนักเพื่อให้ของขวัญชิ้นนี้แก่เจ้า ดังนั้นเจ้าจงอย่าได้ปฏิเสธ”

ใบหน้าของหมิงจีตอนนี้มืดเสียยิ่งกว่าน้ำหมึก “ถ้าเจ้ายืนกรานที่จะขัดขวางข้า เช่นนั้นข้าก็คงทำได้เพียงแต่ลงมือเท่านั้น”

“ลงมือ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นรึ?”

ตูม! จื่อโยวและหมิงจีได้ต่อสู้กัน แม้เป็นเพียงอานุภาพของการต่อสู้ก็ยังทำให้ผู้คนอื่น ๆ หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

แข็งแกร่งมาก! ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!

พรวด พรวด พรวด! แม้มีความแข็งแกร่งมหาศาลของหมิงจีที่คอยสนับสนุนร่างกายที่อ่อนแอนั้น แต่เมื่อต้องต่อสู้กับจื่อโยวไปเพียงไม่นาน หมิงจีก็ต้องอาเจียนเป็นเลือดและไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้

นางมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความอาฆาต หมอกสีดำก็ได้ออกมาปกคลุมนางไว้และหายไปต่อหน้าทุกคน

“แน่นอนว่าบุคคลที่แข็งแกร่งในแดนนรก แม้ว่าความแข็งแกร่งในขอบเขตของดินแดนสี่ทิศจะถูกจำกัด แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถเทียบได้”

“คนของหอปี้ลั่วนั้นก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเอาชนะหมิงจีได้อย่างไร”

“……”

ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ และจื่อโยวก็มาอยู่ข้าง ๆ มู่เฉียนซี

“โอกาสที่ดีเช่นนี้ กลับปล่อยให้หมิงจีหนีไปได้อีกครั้ง ตอนนี้ความแข็งแกร่งของหมิงจีไม่เท่าไหร่นัก แต่ทักษะการหลบหนีกลับแข็งแกร่งขึ้น และนอกจากการโจมตีของจิ่วเยี่ยก็ไม่มีใครสามารถฆ่านางได้” จื่อโยวกล่าวอย่างผิดหวังเล็กน้อย

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ารู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะฆ่านางได้ แต่ยาพิษนั่นก็เพียงพอที่จะทรมานนางได้บ้าง คราวหน้าค่อยเตรียมสิ่งอื่นอีก”

จื่อโยวยิ้มและกล่าวว่า “สาวน้อยคนสวย นี่เจ้ากำลังแก้แค้นให้จิ่วเยี่ยหรือ?”

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว กำลังล้างแค้นให้ตัวเองอยู่ต่างหากล่ะ”

ถ้าไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้นของแดนนรกลอบทำร้ายจิ่วเยี่ย จิ้วเยี่ยก็คงจะไม่โดนคำสาปแช่งนั่น และนางคงไม่ต้องมามีผลกระทบไปด้วย

จื่อโยวยิ้มและกล่าวว่า “อืม! ข้าเข้าใจแล้ว”

ความโกรธของสาวน้อยคนสวยยังไม่จางหาย นางปากแข็งแต่ใจอ่อน เขาต้องช่วยเยี่ยในการพัฒนากลยุทธ์ใหม่เพื่อให้สาวน้อยคนสวยหายโกรธถึงจะได้

หมิงจีหายตัวไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่ผู้คนจะกลับมารู้สึกตัว

พวกเขามองไปที่จื่อโยวด้วยท่าทางหวาดกลัว และก็ไม่อวดดีเช่นก่อนหน้านี้แล้ว

“ตอนนี้ชนะสองและแพ้สอง ควรทำอย่างไรดี” ผู้อาวุโสจ้าวกล่าว

เขาเองก็กลุ้มใจอย่างมาก หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่เข้าร่วมก็จะไม่เสมอกัน และพวกเขาก็จะชนะไปทันที

สถานการณ์ตอนนี้ ยากลำบากมาก!

จื่อโยวกล่าวว่า “นั่นยังไม่เหมาะที่จะตัดสิน! ลองอีกสักสนามหนึ่งเถอะ! ”

จื่อโยวกล่าวเช่นนี้ ทุกคนรู้ทันที่ว่าเป็นเขาที่เข้าประลองเป็นแน่

เมื่อนึกถึงการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้น ก็ไม่มีใครที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของท่านนี้ได้!

ในกลุ่มของสำนักต้าเหยี่ยน ชายชุดคลุมสีดำคนหนึ่งยืนขึ้นและกล่าวว่า “ตำหนักเซียวอวิ๋นเป็นสำนักนิกายหลอมอาวุธแห่งแรกในดินแดนตะวันออก และข้าคิดว่าสนามสุดท้ายนี้ เป็นการประลองฝีมือการหลอมอาวุธได้! ไม่รู้ว่าตำหนักเซียวอวิ๋นมีความเห็นว่าอย่างไร?”

ในดวงตาของผู้อาวุโสจ้าวเปล่งประกาย! ใช่! ประลองหลอมอาวุธ ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึง

แม้ว่านักหลอมอาวุธของสำนักต้าเหยี่ยนจะไม่ได้มากเท่ากับตำหนักเซียวอวิ๋น แต่สำนักต้าเหยี่ยนของเขาก็ได้ผลิตอัจฉริยะด้านการหลอมอาวุธออกมาอยู่หลายคน

ผู้อาวุโสจ้าวกล่าวว่า “ข้าก็เห็นด้วยกับการประลองหลอมอาวุธ! ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็สามารถใช้เป็นการแลกเปลี่ยนสำหรับคนหนุ่มสาวได้ รุ่นน้องของสำนักต้าเหยี่ยนของเรา ต้องการแข่งขันกับอัจฉริยะหลอมอาวุธของตำหนักเซียวอวิ๋นมาโดยตลอด “การใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ มันสมควรที่สุดแล้ว! ในฐานะที่ตำหนักเซียวอวิ๋นเป็นสำนักนิกายหลอมอาวุธแรกของดินแดนตะวันออก ตำหนักเซียวอวิ๋นจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวังอย่างแน่นอน