ตอนที่ 998 สมบัติในถ้ำ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เกรงว่าฮวาหรงได้เตรียมกับดักไว้ในถ้ำแล้วและเพียงรอให้ฉินอวี้โม่ก้าวเข้าไป ทว่าฉินอวี้โม่ก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี

สาเหตุที่ฮวาหรงไม่ต้องการให้ศิษย์คนอื่น ๆ เข้าไปในถ้ำมิใช่เพราะเป็นห่วงว่าพวกนางจะเผชิญกับอันตรายใด ๆ หากแต่เป็นเพราะไม่ต้องการให้พวกนางทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างใน ไม่เช่นนั้นนางก็คงต้องสังหารทุกคนไปในคราวเดียว

“ผู้คุมกฎฝั่งขวา ข้าคิดว่าทุกคนเข้าไปด้วยกันจะดีกว่า การปล่อยให้ศิษย์พี่ทั้งหลายอยู่ที่นี่ดูจะไม่ปลอดภัยนัก หากเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของพวกนาง พวกนางก็อาจจะรับมือไม่ได้”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ และเสนอให้ฮวาหรงเปลี่ยนใจ

เนื่องจากข้อเสนอดังกล่าว ฮวาหรงก็ไม่อาจปล่อยให้ศิษย์คนอื่น ๆ รออยู่ที่ปากถ้ำได้อีกต่อไปและจำต้องยอมให้ทุกคนเข้าไปด้วยกัน เมื่อถึงตอนนั้น หากไม่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม นางก็จะไม่กล้าลงมือทำสิ่งใดบุ่มบ่ามเป็นแน่

“ถ้าเช่นนั้นก็เข้าไปด้วยกันเถอะ”

ฮวาหรงขมวดคิ้วและมองฉินอวี้โม่ด้วยความสงสัยเล็กน้อย ทว่ารีบปรับสีหน้ากลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

แม้ฉินอวี้โม่จะชาญฉลาดอย่างยิ่ง ฮวาหรงก็เชื่อว่านางไม่มีทางคาดเดาแผนการที่รออยู่เบื้องหน้าได้แน่ อีกทั้งข้อเสนอของฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้ฟังดูแปลกประหลาดจนเกินไป หากเปรียบเทียบกับการให้ศิษย์เหล่านั้นรออยู่ข้างนอกนี้ การเข้าไปด้วยกันจะปลอดภัยสำหรับพวกนางมากกว่า

จากนั้นฮวาหรงและคณะศิษย์ก็มุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำด้วยกัน ศิษย์ทุกคนล้วนมีสีหน้าท่าทางที่ระแวดระวังในขณะที่ฉินอวี้โม่และฮวาหรงมีท่าทางที่สงบนิ่งใจเย็นเป็นพิเศษ

ฉินอวี้โม่ตระหนักดีว่าจะมีกับดักรอตนอยู่เบื้องหน้าอย่างแน่นอนและครานี้ฮวาหรงก็จะต้องลงมือด้วยตนเอง นางจึงยังไม่รีบร้อนทำสิ่งใด ส่วนในฝั่งของฮวาหรง นางก็กำลังคิดหาทางทำให้ศิษย์คนอื่น ๆ กระจายตัวกันออกไปและหาโอกาสสังหารฉินอวี้โม่อย่างเงียบ ๆ

ถ้ำแห่งนี้กว้างขวางอย่างมากซึ่งดูเหมือนก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติและไม่มีร่องรอยของการแกะสลักใด ๆ ทั้งคณะเดินหน้าลึกเข้าไปเคียงข้างกันได้อย่างไม่แออัดแม้แต่น้อย

“ศิษย์น้องอวี้โม่ เจ้าต้องระวังตัวด้วยล่ะ หากเกิดอันตรายใด ไม่ต้องห่วงพวกเรา จงเป็นห่วงความปลอดภัยของตนเองเสียก่อน”

หนึ่งในศิษย์นิกายหมื่นบุปผากล่าวกับฉินอวี้โม่ด้วยน้ำเสียงที่เบา

แม้เป็นศิษย์ฝั่งขวาและไม่เคยรู้จักกับฉินอวี้โม่มาก่อน ทว่าหลังจากการได้ใช้เวลาร่วมกันในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกนางก็ล้วนยกย่องชื่นชมฉินอวี้โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ

พวกนางตระหนักดีว่าความแข็งแกร่งของพวกตนยังห่างไกลจากฉินอวี้โม่มากนักและอาจกลายเป็นภาระของนางได้ เพราะเหตุนั้น พวกนางจึงต้องการยืนยันให้ฉินอวี้โม่เข้าใจว่าหากเผชิญอันตรายใด นางควรจะเอาตัวรอดให้ได้ก่อนและไม่ต้องสนใจพวกตน

“ขอบคุณศิษย์พี่ทุกคนมากเจ้าค่ะ ทว่าข้าจะเดินหน้าและถอยหลังไปพร้อมกับทุกคน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และจงใจกล่าวเสียงดังเพื่อให้ฮวาหรงที่เดินอยู่ด้านหน้าได้ยิน

สีหน้าของฮวาหรงบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์เหล่านี้จะเป็นห่วงความปลอดภัยของฉินอวี้โม่และคิดไม่ถึงว่าฉินอวี้โม่จะมีทัศนคติเช่นนี้เหมือนกัน หากศิษย์คนอื่น ๆ ยังคงยืนกรานที่จะเดินหน้าต่อไปด้วยกัน ฮวาหรงก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสังหารทุกคนไปเสีย

ประกายความมุ่งร้ายฉายชัดในแววตาของนาง เพื่อกำจัดฉินอวี้โม่ให้สำเร็จดังหวัง นางก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนัก

ฉินอวี้โม่เป็นสตรีที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง หากปล่อยให้พัฒนาเติบโตต่อไป นางจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น ฮวาหรงก็ต้องกำจัดสตรีผู้นี้ไปให้ได้ไม่ว่าต้องแลกมาด้วยชีวิตของศิษย์กี่คนก็ตาม

ในขณะพูดคุยกันอยู่นั้น คนทั้งกลุ่มก็มาถึงในบริเวณโถงกว้างภายในถ้ำ

ภายในโถงกว้างใหญ่มีกล่องใบหนึ่งวางอยู่ตรงกลางซึ่งแผ่กลิ่นอายประหลาดลึกลับออกมา คาดการณ์ได้ว่ามันคือสมบัติที่ฉินอวี้โม่สัมผัสถึงก่อนหน้านี้นั่นเอง

“ระวังด้วยล่ะ ที่ที่มีสมบัติล้ำค่ามักจะมีอสูรที่น่าหวาดกลัวคอยคุ้มกันอยู่เสมอ แม้พวกเราจะไม่ได้อ่อนแอ แต่เราก็อาจจะรับมือไว้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าเข้าไปใกล้เกินไปจะดีกว่า”

ฉินอวี้โม่กล่าวเตือนทุกคนขณะลอบสังเกตสีหน้าของฮวาหรง

ทว่าสีหน้าของฮวาหรงกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เห็นได้ชัดว่าแผนการสมคบคิดที่วางไว้เพื่อจัดการฉินอวี้โม่ยังไม่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

“เราหยุดพักที่นี่ก่อนเถอะ หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอันตรายในบริเวณนี้ เราจะเดินหน้าต่อไป”

นางกล่าวขึ้นเบา ๆ ทางด้านซ้ายของโถงกว้างก็มีทางเดินคดเคี้ยวลาดลงซึ่งแผ่บรรยากาศประหลาดออกมา ราวกับมีตัวตนที่ลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่

ทุกคนพยักศีรษะและหาที่ว่างนั่งลงอย่างสบาย ๆ ในขณะที่ฉินอวี้โม่และฮวาหรงเดินเข้าไปสำรวจกล่องที่วางอยู่

เมื่อเดินมาถึง ฉินอวี้โม่ก็หยิบกล่องใบนั้นขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ในที่สุดผู้คุมกฎฝั่งขวาก็อดใจรอไม่ไหวและวางแผนที่จะกำจัดข้าสินะ”

นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยแผนการของอีกฝ่ายออกมาทันที

“ฮ่า ๆ ๆ อวี้โม่ เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ? ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด”

ความมุ่งร้ายปรากฏในแววตาของฮวาหรงอย่างชัดเจนทว่านางพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดขณะยิ้มออกไปด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ซึ่งดูไม่เป็นธรรมชาติ

นางไม่คาดคิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะคาดเดาแผนการได้ก่อนแล้ว การที่ฉินอวี้โม่กล่าวออกมาโดยตรงเช่นนี้ทำให้ฮวาหรงกังวลใจขึ้นมา หากฉินอวี้โม่เลือกที่จะหลบหนีออกไปอย่างกะทันหัน บางทีพวกนางก็อาจจะต้องชิงลงมือล่วงหน้า…

“ผู้คุมกฎฝั่งขวาไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไปแล้ว ท่านและฮวาฟางเฟยยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจนานแล้วและข้าทราบเรื่องนี้ตั้งแต่ที่อยู่ในชายฝั่งทางเหนือ ข้านึกอยู่แล้วเชียวว่าต่อให้ช่วยชีวิตท่านไว้ในครานั้น ท่านก็จะไม่ล้มเลิกความคิดที่จะกำจัดข้าอยู่ดี แม้ไม่ทราบว่าพวกท่านและจอมยุทธ์ปีศาจบรรลุข้อตกลงอะไรกันไว้ ข้าก็ถือเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจอมยุทธ์ปีศาจและไม่มีทางที่เราทั้งสองฝ่ายจะดำรงอยู่ร่วมกันได้”

ฉินอวี้โม่กล่าวสิ่งที่ทราบออกไปอย่างไม่ปิดบังและไม่คิดเสียเวลาอ้อมค้อมใด ๆ ตอนนี้นางสงสัยใคร่รู้มากกว่าว่าทั้งสองมีข้อตกลงใดต่อกันจึงทำให้ฮวาฟางเฟยยอมเสียสละนิกายหมื่นบุปผาและเลือกร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจด้วยความเต็มใจ

“เหอะ ในเมื่อเจ้าทราบดีอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังสิ่งใดอีกต่อไป ฉินอวี้โม่…เจ้ากล้าหาญมากทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ทราบว่ามีกับดักรออยู่ เจ้าก็ยังกล้าตามข้ามาที่นี่ ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ !”

ฮวาหรงแค่นเสียงเย็นชาและไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปขณะกล่าวยืนยันอย่างชัดเจน

ฮวาหรงไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเป็นเพราะฉินอวี้โม่กล้าหาญหรือมั่นใจมากจนเกินไปจึงได้กล้าตามตนเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ สตรีผู้นี้ช่างไม่รักตัวกลัวตายอย่างแท้จริง

“แม้เจ้าจะมีไพ่ตายอยู่กับตัวมากมาย ทว่าในเมื่อข้าตั้งใจพาเจ้ามาที่นี่แล้ว เจ้าก็ไม่มีทางหลบหนีได้แน่ ข้าขอแนะนำให้เจ้าเชื่อฟังและยินยอมแต่โดยดีเถอะ เจ้าจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก”

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่และเจือไปด้วยความมั่นใจเช่นกัน ราวกับว่าวันนี้ฉินอวี้โม่จะไม่มีทางหลบหนีเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน

“โอ้ งั้นรึ ? ถ้าเช่นนั้นข้าก็ตั้งตารอดู”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวต่อ “การที่ให้ข้ามาที่นี่คงเป็นเพราะมีคนรออยู่ข้างล่างนั่นเพื่อรอให้ข้าเดินเข้าไปติดหลุมพรางและเดินเข้าไปหาความตายด้วยตัวเองสินะ ไม่ทราบว่าข้าเดาถูกหรือไม่ ?”

สภาพแวดล้อมรอบตัวในตอนนี้ไม่มีวิกฤตหรือภยันตรายใด เพราะเหตุนั้นฉินอวี้โม่จึงคาดเดาได้ว่าแผนการชั่วร้ายที่เตรียมไว้อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำอีก ฮวาหรงจะต้องหาข้ออ้างเพื่อให้นางและตนเดินลงไปสำรวจบริเวณนั้นอย่างแน่นอน และอาจมีคนของจอมยุทธ์ปีศาจที่วางกับดักรอนางอยู่ที่นั่นแล้ว

“ถือว่าฉลาดดีนี่ แล้วเจ้ากล้าเดินไปกับข้ารึไม่ ?”

ฮวาหรงไม่ปฏิเสธใด ๆ หากฉินอวี้โม่ไม่ยินยอมเดินหน้าต่อไป แผนการของพวกนางก็จะต้องเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกได้ว่าฉินอวี้โม่จะเดินลงไปกับนางแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายก็คงจะไม่เดินตามเข้ามาในถ้ำแต่ตั้งแรก

“แน่นอนว่าข้าอยากลงไปดูเช่นกัน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ พร้อมกล่าวออกไป หากไม่ลงไปสำรวจดูด้วยตัวเอง กับดักที่คนเหล่านี้เตรียมไว้ให้ข้าก็คงสูญเปล่า ! นอกจากนี้ ฉินอวี้โม่ก็ต้องการเห็นเช่นกันว่าครานี้จอมยุทธ์ปีศาจจะส่งใครมาประจันหน้ากับตน

“ศิษย์พี่ทุกท่านเจ้าคะ ข้ากับผู้คุมกฎฝั่งขวาจะเดินเข้าไปสำรวจข้างในกันก่อน ทุกคนรออยู่ที่นี่ก่อนเถอะเจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวกับทุกคนและก้าวเดินลงไปตามเส้นทางคดเคี้ยวทันที