บทที่ 655

ตรงระเบียง เซียวชูหรันกอดหม่าหลันเอาไว้ ร้องไห้และกล่าวว่า “แม่ ตอนนี้พ่อกำลังโกรธอยู่ ให้เวลาพ่อหน่อย พ่อหายโกรธแล้วจะดีขึ้นเอง แม่อย่าคิดสั้นเด็ดขาด!”

หม่าหลันปีนขึ้นไปบนหน้าต่าง ร้องไห้เสียงดังและกล่าวว่า “ลูกสาวที่ดีของแม่ อย่าห้ามแม่เลย คืนนี้เป็นวันตายของแม่ หลังจากนี้หากมีเทศกาลอะไรก็อย่าลืมเผากระดาษเงินให้แม่ด้วย ลูกอย่าอกตัญญูเหมือนเย่เฉิน เขาไม่เคยเผากระดาษเงินให้กับพ่อแม่ที่ตายไปแล้ว! พ่อแม่ที่อยู่ในยมโลกไม่มีเงินใช้จ่าย พวกเขาก็จะมาเข้าฝันเพื่อจะให้เขาเผากระดาษเงินไปให้………”

เมื่อเย่เฉินได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที!

หม่าหลันน่ะ หม่าหลัน คุณสุดยอดมาก คราวก่อนที่โรงพยาบาล เขาไม่ระวังบังเอิญทำเช็คมูลค่าหนึ่งร้อยล้านที่ซ่งหวั่นถิงให้ไปตกอยู่ในมือคุณ คุณเกือบจะได้โชคครั้งใหญ่!

โชคดีที่คุณไม่เชื่อ นำเช็คกลับมาหาเรื่องผมอีก ถ้าหากคุณนำไปแลกเปลี่ยนเงินสดหนึ่งร้อยล้านได้จริง ๆ คุณไม่โอ้อวดไปจนถึงบนฟ้าเลยหรือ?

สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่า คุณเป็นคนที่ไม่มีวาสนาจะเป็นคนรวย

ดังนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะอธิษฐานในใจ พ่อตาน่ะ พ่อตา คุณต้องใจแข็งสักครั้ง คุณต้องหย่ากับผู้หญิงปากร้ายคนนี้ให้ได้!

เมื่อคุณหย่าแล้ว ผมจะดูแลคุณเอง เพราะผมมีเงินมากมายอยู่แล้ว เพียงแค่เจียดเงินเล็กน้อยให้คุณ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับที่จะทำให้คุณอยู่อย่างสบายไปตลอดชีวิต บางทีคุณอาจจะได้พบกับผู้หญิงที่ดี มีรักครั้งใหม่!

ตอนนี้ เซียวชูหรันรู้สึกเสียใจมาก ร้องไห้และกล่าวว่า “แม่ มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูดกันดี ๆ ทำไมต้องพยายามคิดฆ่าตัวตาย? ถึงจะหย่ากับพ่อจะจริง ๆ ชีวิตมันก็ต้องดำเนินไปไม่ใช่หรือ? ทำไม่แม่ถึงคิดสั้น?”

หม่าหลันร้องไห้เสียงดัง แล้วกล่าวว่า “ฉันติดตามพ่อของลูกตั้งแต่ตอนสาว ๆ ฉันท้องก่อนแต่งงาน ถูกคนนินทาต่าง ๆนานา แต่ฉันไม่โกรธหรือไม่เคยบ่น แค่อยากใช้ชีวิตกับพ่อของลูกเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ผ่านความทุกข์และความเหนื่อยมาแล้ว ตอนนี้พ่อของลูกจะหย่ากับฉัน……”

ขณะพูด เธอตะโกนด้วยความสิ้นหวัง “ฉันยังจะมีมีชีวิตอยู่ไปทำไมกัน ให้ฉันตายเสียจะดีกว่า!”

เสียงหม่าหลันตะโกนอยู่ที่หน้าต่าง ทุกคนในชุมชนเกือบจะได้ยินหมด

จากนั้น ชั้นล่างก็มีคนตะโกนว่า “สาวใหญ่ อย่าคิดสั้น มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่หรือ!”

“ใช่แล้ว สามีของฉันเลี้ยงเมียน้อยอยู่ข้างนอก ฉันยังไม่เคยคิดสั้นที่จะกระโดดตึกเลย!”

ยังมีคนด่าว่า “เชี่ย อีหญิงเลวถ้าอยากตายก็ไสหัวไปตายข้างนอก อย่ามาตายในชุมชนของเรา มิฉะนั้นราคาที่อยู่อาศัยของชุมชนทั้งหมดจะตกเพราะคุณ!”

เมื่อหม่าหลันได้ยินประโยคนี้ เธอก็ระเบิดอารมณ์ทันที และด่ากลับไปว่า “ไอ้ชาติหมาตัวนั้นเสือกพูดมาก? กูอยากจะตายที่ไหนก็จะตายที่นั่น หลังจากกูตายไปแล้ว เป็นผีก็จะตามมาหลอกหลอนมึงตลอดทั้งวัน หลอกหลอนครอบครัวมึง กูจะฆ่ามึงทั้งครอบครัว ไม่ให้เหลือสักคน ไอ้ปากเสีย!”

เมื่อประโยคนี้ได้พูดออกไป ข้างนอกก็เงียบลงทันที………

ไม่มีใครคาดคิดว่า พลังต่อสู้ของหม่าหลันนั้นดุเดือดมาก คำพูดเช่นนี้ยังหลุดออกมาจากปากได้……..

เมื่อหม่าหลันเห็นว่าคนที่พูดอยู่เงียบไป เธอก็ด่าทันทีว่า “เมื่อสักครู่ไอ้ชาติหมาที่บอกให้กูไสหัวไปตายข้างนอก ทำไมตอนนี้ถึงไม่พูดล่ะ? กูจะบอกมึง มึงจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้! คนทั้งครอบครัวของมึงต้องตายในคืนนี้! แม่ของมึงถูกรถชนตาย พ่อของมึงถูกหมากัดตาย ลูกและเมียมึงถูกฟ้าผ่าตาย!”

คนทั้งชุมชนรู้สึกชีวิตพังทลาย……..

ต้องมีความแค้นมากขนาดไหน ถึงได้ไปสาปแช่งคนอื่นขนาดนี้ได้? !

ขณะนี้ ได้ยินคนข้างนอกด่าด้วยความโกรธสุดขีดว่า “อีหญิงเลว แกเชื่อไหมฉันจะฟันแกให้ตายทันทีเลย?”

หม่าหลันไม่เกรงกลัวและด่ากลับไปว่า “มึงมาสิ ไอ้เชี้ย กูไม่กลัวมึงหรอก? กูบอกมึง ยังไงกูก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ถึงเวลากูจะตายไปพร้อมกับมึง!”

จากนั้น หม่าหลันก็ด่าไปอีกว่า “ไอ้เชี้ยถ้ามึงแน่จริงก็บอกบ้านเลขที่มา กูจะใช้มีดกรีดข้อมือที่หน้าประตูบ้านมึง! ให้เลือดไหลเข้าไปบ้านมึง! แล้วจะแขวนคอตายอยู่หน้าประตูบ้านมึง! วิญญาณของกูจะไม่ไปไหนจะอยู่หลอกหลอนมึงไปตลอดชีวิต!”

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตกใจทันที

คนเชี้ยมโหดอย่างหม่าหลัน คนธรรมดาไม่สามารถล่วงเกินเธอได้จริง ๆ หม่าหลันคือใคร? ถ้ากัดกับสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟก็ไม่เสียเปรียบแน่นอน คนธรรมดาไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเธอได้!

หม่าหลันยิ้มเยาะเมื่อเห็นชายคนนั้นแพ้และถอยไป ไอ้เด็กเปตยังกล้ามาเสแสร้งต่อหน้ากูอีก? กูสามารถยืนด่าอยู่หน้าบ้านมึงเป็นเวลาสามสัปดาห์โดยไม่ซ้ำได้ ถ้าไม่ด่าจนแม่ของมึงจำมึงไม่ได้ เวลา 40 กว่าปีที่กูมีชีวิตอยู่ก็เปล่าประโยชน์!